คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นิติฯ โดมไม่ขาดธรรม
บัณฑิตโดมต้องมุ่งนำ
ความยุติธรรมสู่สังคม ”
ชื่อภาษาอังกฤษ | Faculty of Law, Thammasat University |
วันจัดตั้ง | 27 มิถุนายน 2477[1] |
คณบดี | ศาสตราจารย์สมคิด เลิศไพฑูรย์ |
วารสาร | - วารสารนิติศาสตร์ - หนังสือพิมพ์ฎีกา - หนังสือรพี[2] |
สีประจำคณะ | สีขาว |
สัญลักษณ์คณะ | ดู สัญลักษณ์คณะ |
ศูนย์ท่าพระจันทร์ 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 ศูนย์รังสิต |
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[3] [4] มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของราชอาณาจักรหลายครั้งหลายครา กับทั้งได้สนองความต้องการของสังคมตามวัตถุประสงค์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสมอมา ปัจจุบันคงเปิดดำเนินการและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือกำเนิดขึ้นจากการจัดตั้งโรงเรียนกฎหมาย เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2440 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม แต่ครั้งมีพระยศที่พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ฯ เพื่อให้การศึกษาอบรมด้านนิติศาสตร์โดยเฉพาะซึ่งไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ครั้งนั้นมีสถานะเป็นแต่โรงเรียนอันมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ กระนั้นก็ได้มีแจ้งความของโรงเรียนเกี่ยวกับกำหนดการสอบไล่ของนักเรียนกฎหมายลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาอันเป็นหนังสือพิมพ์ข่าวราชการด้วย สำหรับที่ตั้งของโรงเรียนกฎหมายนั้นได้แก่ห้องเสวยของเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมซึ่งอยู่ถัดจากห้องทรงงาน โดยเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมทรงให้การศึกษาด้วยพระองค์เองเมื่อทรงเสร็จสิ้นการเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว ครั้นมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีการย้ายไปทำการเรียนการสอนยังตึกสัสดีหลังกลาง กระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2453 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงพ้นจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม หลังจากนั้นโรงเรียนกฎหมายก็ทรุดโทรมตามลำดับ และต้องไปเปิดทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร และที่เรือนไม้หลังเล็ก ๆ ระหว่างตึกศาลแพ่งกับตึกเก๋งจีนซึ่งบัดนี้ทำลายลงเสียแล้ว
พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงรับโรงเรียนกฎหมายไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยให้สังกัดกระทรวงยุติธรรม และให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโรงเรียนนี้ โดยสถานที่เรียนนั้นย้ายมายังตึกกรมประชาสัมพันธ์เดิมบริเวณเชิงสะพานผ่านพิภพลีลา
พ.ศ. 2475 เมื่อมีการปฏิวัติสยามโดยคณะราษฎร รัฐบาลได้จัดตั้งคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแห่งแรกในประเทศไทย แล้วให้โอนโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ไปสมทบกับคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 เมษายน ปีนั้นเอง ครั้งนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดให้การเรียนการสอนของโรงเรียนกฎหมาย เป็นแผนกวิชาหนึ่งในคณะดังกล่าว โดยผู้สำเร็จหลักสูตรนิติศาสตร์ได้รับเพียงประกาศนียบัตร หากต้องการเป็นเนติบัณฑิตต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของเนติบัณฑิตยสภาอีกชั้นหนึ่ง อนึ่ง ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งคณะดังกล่าวขึ้นใหม่ โดยแยกออกเป็นคณะรัฐศาสตร์คณะหนึ่ง และคณะนิติศาสตร์อีกคณะหนึ่ง ทั้งนี้ การโอนไปสมทบดังกล่าวเป็นแต่ทางนิตินัย ทว่าโดยพฤตินัยแล้ว ยังคงจัดการเรียนการสอนยังคงอยู่ที่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลาเช่นเดิม[5]
พ.ศ. 2476 พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช 2476 ขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปีนั้น และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปีเดียวกัน[4] โดยความสำคัญว่า
|
เมื่อแรกสถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองนั้น ไม่ได้มีการแยกเป็นคณะ ๆ ต่าง ๆ ดังปัจจุบัน หากมีแต่การเรียนการสอนที่เรียกว่า "ธรรมศาสตรบัณฑิต" อักษรย่อว่า "ธ.บ." จัดการเรียนการสอนแต่วิชาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช 2476
พ.ศ. 2492 วันที่ 14 มิถุนายน ปีนั้น ได้มีการแยกหลักสูตรธรรมศาสตรบัณฑิตออกเป็นคณะวิชาสี่คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี การศึกษาระดับปริญญาตรีมีสี่ปี นอกจากนี้ หลักสูตรการเรียนการสอนของคณะนิติศาสตร์ก็ได้รับการปรับปรุงโดยให้เริ่มวิชาภาษาต่างประเทศและเน้นหนักไปในทางปฏิบัติให้เหมาะสมแก่การประกอบ
พ.ศ. 2496 การศึกษาตามหลักสูตรธรรมศาสตรบัณฑิตเดิมได้เลิกไปเป็นการถาวร
พ.ศ. 2512 คณะนิติศาสตร์เริ่มสร้างอาจารย์ประจำคณะ โดยดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามารับราชการเป็นอาจารย์ประจำ และได้จัดสรรทุนการศึกษาสำหรับส่งอาจารย์ไปศึกษาวิชานิติศาสตร์ในระดับสูงในต่างประเทศ ในระยะเริ่มต้นคณะได้จัดสรรทุนธรรมศาสตร์และทุนจากสมาคมธรรมศาสตร์ให้แก่อาจารย์คณะนิติศาสตร์เพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกโดยมีวัตถุประสงค์ให้กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ประจำที่คณะนิติศาสตร์ ซึ่งในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา คณะก็ได้รับทุนการศึกษาจากแหล่งต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ทุน ก.พ. ทุนโอเซี่ยนนิคและสุวรรณมาศ ทุนรัฐบาลฝรั่งเศส ทุนอานันทมหิดล สาขาธรรมศาสตร์ เป็นต้น
พ.ศ. 2514 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนอีกครั้ง โดยนำระบบหน่วยกิตและการวัดผลแบบใหม่เข้ามาใช้ในมหาวิทยาลัย ยังผลให้หลักสูตรทั้งปวงของคณะนิติศาสตร์ก็ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับระบบของมหาวิทยาลัย เว้นแต่วิธีการวัดผลการศึกษาซึ่งยังใช้ระบบคะแนนดังเดิม โดยถือเป็นเพียงคณะเดียวในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ใช้ระบบคะแนนเฉลี่ย ไม่ใช่ระบบเกรดเฉลี่ย
พ.ศ. 2515 คณะนิติศาสตร์ได้เปิดหลักสูตรนิติศาสตร์สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากสาขาอื่นมาแล้ว เรียกว่า "หลักสูตรชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ ภาคบัณฑิต" โดยเข้าศึกษาเฉพาะวิชาบังคับ ตามหลักสูตรชั้นปริญญาตรีชั้นปีที่สอง ปีที่สาม และปีที่สี่ ของคณะนิติศาสตร์ ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรนี้มีศักดิ์และสิทธิเป็น "นิติศาสตรบัณฑิต" แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสมอกันกับผู้สำเร็จหลักสูตรปรกติ
พ.ศ. 2549 ผลจากมติสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ได้ทำการย้ายการเรียนการสอนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ ทั้งหมดมาทำการเรียนการสอน ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดย นักศึกษา รหัส 4901XXXXXX ถือเป็นรหัสแรกที่ต้องศึกษา ณ ศูนย์รังสิต ตลอดหลักสูตรการศึกษา เว้นแต่ภาคฤดูร้อนที่ต้องกลับไปศึกษา ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
พ.ศ. 2552 คณะนิติศาสตร์ ได้เปิดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เป็นรุ่นแรก ตามนโยบายการกระจายการศึกษาวิชานิติศาสตร์สู่ท้องถิ่น ในเบื้องต้นเปิดรับนักศึกษาจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งสิ้น 200 คน โดยรับด้วยวิธีมหาวิทยาลัยคัดเลือกตรง(สอบตรง) จากผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือ จำนวน 150 คน และผ่านระบบรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจากทั่วประเทศอีก 50 คน และในปีเดียวกันนี้ได้ปิดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปางลงด้วย[6]
ปัจจุบัน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงเปิดดำเนินการและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นคณะในสถาบันอุดมศึกษาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นอันดับที่สองของประเทศโดยรองจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล[7][8][9][10]
[แก้] การบริหาร
[แก้] ทำเนียบคณบดี
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีและผู้รักษาการแทนคณบดีเป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะรับตำแหน่ง
[แก้] ภาควิชา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบด้วยภาควิชาดังต่อไปนี้
|
|
และประกอบไปด้วยสาขาวิชาที่ยังมิได้เป็นภาควิชาดังต่อไปนี้
|
|
[แก้] ศูนย์หรือสถาบันศึกษากฎหมายเฉพาะทาง
คณะนิติศาสตร์ ได้จัดให้มีศูนย์หรือสถาบันศึกษากฎหมายเฉพาะทาง ดังนี้
|
[แก้] สำนักงานเลขานุการ
สำนักงานเลขานุการคณะนิติศาสตร์ มีหน่วยงานทั้งสิ้น 5 หน่วยงาน
|
และเพิ่มหน่วยงานภายในอีก 3 หน่วยงาน รวมเป็น 8 หน่วยงาน
|
[แก้] หน่วยงานอื่น
นอกจากหน่วยงานที่ตอบสนองภารกิจพื้นฐานของคณะนิติศาสตร์แล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นอีก 3 หน่วยงาน คือ
- ศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มูลนิธินิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มนธ.)
- สมาคมนิติศาสตร์ มหาิวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สนธ.)
[แก้] สัญลักษณ์
- ตรา - ตรามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตราธรรมจักร มีรัฐธรรมนูญใส่พานอยู่ตรงกลาง ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดภาพเครื่องหมายราชการตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พุทธศักราช 2482 (ฉบับที่ 50) ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509[12]
- ธง - ธงประจำคณะนิติศาสตร์ใช้ธงสีเดียวกันกับธงมหาวิทยาลัย คือ ธงสีเหลือง แต่เพิ่มคำว่า "คณะนิติศาสตร์" เข้าไปในธรรมจักร
- สี - สีขาวเป็นสีประจำคณะนิติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ถึงความสะอาดบริสุทธิ์และอวมลทิน ทั้งนี้ ชุดครุยคณะนิติศาสตร๋ใช้แถบสีขาวเป็นแถบครุย
- สัญลักษณ์ - ตราชูหรือดุลพ่าห์เป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการของคณะนิติศาสตร์ หมายถึง เครื่องนำพาไปซึ่งความเที่ยงตรง
- ปฏิมา - พระพุทธโลกนิติธรรมเทสก์ อันสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดสร้างขึ้นในวาระครบรอบสามสิบปีของการก่อตั้งสมาคม นามพระพุทธรูปได้รับประทานจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธปฏิมา
- สัตว์สัญลักษณ์ - เสือเหลืองเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของคณะ แสดงถึงความสง่างาม การรักษาเกียรติยศ หลงใหลในความยุติธรรม รักสันโดษ พลังอำนาจ ความน่าเกรงขาม และความเป็นผู้นำ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า เสือเป็นผู้คานอำนาจการปกครองกับสิงห์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะรัฐศาสตร์ การใช้สัตว์ทั้งสองเป็นสัญลักษณ์นี้มีที่มาจากการแข่งขันกีฬาของทั้งสองคณะที่เรียก "กีฬาประเพณีเสือเหลือง-สิงห์แดง"
- เพลง - นอกจากเพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว คณะนิติศาสตร์ยังมีเพลงประจำคณะอีกสี่เพลง ดังต่อไปนี้[13] [14]
- "นิติศาสตร์สามัคคี" ประพันธ์คำร้องโดย ทวีป วรดิลก และทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน
- "นิติศาสตร์สมานฉันท์" ประพันธ์คำร้องโดย ทวีป วรดิลก และทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน
- "ตราชู" ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง โดยใช้ขับร้องในวันรพี ณ ลานพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์หน้าศาลยุติธรรม ในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี
- "บูมนิติฯ" ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง
[แก้] การเรียนการสอน
[แก้] หลักสูตร
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบด้วยการเรียนการสอนตามหลักสูตรดังต่อไปนี้[15]
[แก้] การอบรม
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดให้มีการอบรมความรู้ด้านกฎหมายเฉพาะด้านหลายโครงการแก่บุคคลทั่วไปหรือผู้สนใจ ซึ่งประกอบไปด้วย
- โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชน
- โครงการอบรมกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
- โครงการอบรมภาษาอังกฤษสำหรับนักฎหมายระดับพื้นฐาน
- โครงการอบรมภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมายระดับเฉพาะทาง
- โครงการอบรมประกาศนียบัตรกฎหมายธุรกิจสำหรับบุคคลทั่วไป
- โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
เป็นต้น
[แก้] ปริญญาตรี
นิติศาสตรบัณฑิต (น.บ.) สาขาวิชานิติศาสตร์ (Bachelor of Laws Programme : LL.B)[16] คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องโดยเน้นลักษณะวิชาที่จำเป็นสำหรับวิชาชีพนิติศาสตร์และปรับปรุงให้เข้ากับสภาวการณ์ปัจจุบัน โดยได้มีการเพิ่มวิชากฎหมายแพ่ง: หลักทั่วไป นิติปรัชญา หลักวิชาชีพนักกฎหมาย และกฎหมายแรงงานเข้าไว้ในหลักสูตรด้วย ส่วนวิชาซึ่งเคยศึกษาตั้งแต่เริ่มมีหลักสูตรนิติศาสตร์ ก็ได้ปรับปรุงให้มีเนื้อหาของวิชากว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความสมดุล ทั้งทางด้านวิชาการและการฝึกฝนอบรมวิชาชีพนักกฎหมาย โดยนอกจากวิชาเฉพาะด้านแล้ว สำหรับหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ ได้เปิดให้มีการศึกษาวิชาเลือกของคณะนิติศาสตร์ เพื่อขอรับประกาศนียบัตรความรู้เฉพาะด้านในสาขากฎหมายใดสาขาหนึ่งตามข้อกำหนดของคณะนิติศาสตร์ ซึ่งจะจัดให้มีการศึกษาความรู้เฉพาะด้านใน 4 สาขา ดังนี้
ทั้งนี้หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ได้เปิดบรรยายดังต่อไปนี้
- ภาคปกติ หลักสูตร 4 ปี (สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย)
- การสอบคัดเลือกผ่าน สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.)
- โครงการสอบคัดเลือกตรง (คณะนิติศาสตร์จัดสอบคัดเลือกเอง) ณ ศูนย์รังสิต และศูนย์ลำปาง
- โครงการนักศึกษาผู้พิการ
- โครงการเรียนดีจากชนบท
- โครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้
- โครงการนักศึกษาผู้มีความสามารถดีเด่นในการกีฬา
- โครงการนักศึกษาเรียนดีเด่น
- ภาคบัณฑิต หลักสูตร 3 ปี (สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ ยกเว้นสาขานิติศาสตร์)
- โครงการนิติศาสตร์ภาคบัณฑิต
[แก้] ประกาศนียบัตรบัณฑิต
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดให้มีการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับนิติศาสตรบัณฑิต โดยมิได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในระดับปริญญาโท หากแต่เป็นโครงการที่มีลักษณะเฉพาะที่สมบูรณ์ในตัวเอง การศึกษาตามโครงการนี้จะเน้นให้ศึกษาได้มีความรู้ ทั้งทางด้านกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติที่เป็นอยู่โดยจะศึกษาทั้งทางด้านทฤษฎีควบคู่กับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่องในทางปฏิบัติ ซึ่งประกอบด้วย
- ประกาศนียบัตรบัณฑิตทางกฎหมายมหาชน (Graduate Diploma Programme in Public Law)
- ประกาศนียบัตรบัณฑิตทางกฎหมายธุรกิจ (Graduate Diploma Programme in Business Law)
[แก้] ปริญญาโท
นิติศาสตรมหาบัณฑิต (น.ม.) (Master of Laws Programme : LL.M)[17] คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทโดยเกิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อ พ.ศ. 2477 และได้ปรับปรุงหลักสูตรนี้โดยตลอด การปรับปรุงครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี พ.ศ. 2544 โดยประกอบไปด้วยสาขาวิชาดังต่อไปนี้
- หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต หลักสูตร 2 ปีครึ่ง ไม่เกิน 4 ปี (สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต) เปิดรับสมัคร 8 สาขา ดังนี้
|
|
- หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต ภาคภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต ดังนี้
- Master of Laws Program in Business Laws (English Programme)
- หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (Master of Arts Programme : M.A.) สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต หรือปริญญาบัณฑิตอื่น ดังนี้
- หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตด้านกฎหมายมหาชน (Public Law)
- หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขานิติเศรษฐศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ
[แก้] ปริญญาเอก
นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต (น.ด.) (Doctor of Laws Programme : LL.D.) เช่นเดียวกันกับหลักสูตรปริญญาโท หลักสูตรปริญญาเอกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้เปิดสอนเป็นสถาบันแรกของประเทศไทยเช่นเดียวกัน และได้จัดการเรียนการสอนตลอดมา และได้มีการปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. 2539 โดยผู้สมัครเป็นผู้เสนอหัวข้อให้บัณฑิตศึกษา คณะนิติศาสตร์ เป็นผู้พิจารณาวิทยานิพนธ์ เป็นต้น
[แก้] ความร่วมมือทางวิชาการ
ปัจจุบันคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีความสัมพันธ์ในด้านความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษานิติศาสตร์ในต่างประเทศหลายสถาบัน เช่น
[แก้] กิจกรรมนักศึกษา
[แก้] กิจกรรมประจำ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดระบบกิจกรรมนักศึกษาโดยให้นักศึกษามีอิสระในการดำเนินกิจกรรม ซึ่งมีคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมหลัก ทั้งนี้ยังประกอบด้วยกลุ่มกิจกรรมอื่น ๆ ภายในคณะอีกด้วยที่มีคณะกรรมการนักศึกษาฯ เป็นผู้ประสานงาน
โดยกิจกรรมหลักในแต่ละปีการศึกษาประกอบด้วยกิจกรรมดังต่อไปนี้เป็นต้น
|
และยังประกอบด้วยกิจกรรมอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ เป็นต้นว่า
|
[แก้] เครือข่ายนักศึกษา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นภาคีสมาชิกองค์การต่อไปนี้
- องค์การความร่วมมือนิสิตนักศึกษานิติศาสตร์แห่งประเทศไทย (Unity of Juristic Student of Thailand :UJUST)
ซึ่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นหนึ่งในผู้เริ่มก่อการ
- องค์การนักเรียนกฎหมายแห่งประเทศไทย (อ.น.ก.ท.) อยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์
- Asian Law Students Association (ALSA)
- องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- สมัชชาประชาคมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
[แก้] กิจกรรมเด่น
[แก้] วันรพี
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมเนื่องในวันรพีเป็นประจำในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแข่งขันตอบปัญหากฎหมายระดับอุดมศึกษาชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และระดับมัธยมศึกษาชิงถ้วยรางวัลประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา การแสดงศาลจำลอง การเสวนาวิชาการ การแนะแนวการศึกษา ลานน้ำชาปัญญาชน ห้องประวัติศาสตร์เดือนตุลา การจัดแสดงนิทรรศการวิชาการ และการจัดขบวนเชิญพวงมาลาไปถวายสักการะพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ณ ลานพระรูปหน้าศาลยุติธรรม
นอกจากนี้ ในแต่ละปียังมีการคัดเลือกนักศึกษาจำนวนแปดคน เป็นชายสี่คน และหญิงสี่คน ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากนักศึกษาด้วยกันเอง ให้เป็นทูตรพีอีกด้วย ทูตรพีมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมทั้งปวงและมีหน้าที่เชิญพวงมาลาไปวางหน้าพระรูปพร้อมกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยตามกำหนดการ
งานวันรพีของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน เนื่องจากมีการเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ และผู้ร่วมเสวนามักเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีชื่อเสียงในสังคม[18] [19]
[แก้] โต๊ะ
โต๊ะ หมายถึง นักศึกษาที่ได้รับการจัดเป็นกลุ่ม ซึ่งมีธรรมเนียมว่า นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีหนึ่ง ให้เลือกโต๊ะของตนด้วยการจับสลากในวันรับเพื่อนใหม่นิติศาสตร์ ธรรมเนียมนี้ริเริ่มอย่างเป็นรูปเป็นร่างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2525 ปัจจุบัน มีโต๊ะทั้งสิ้นยี่สิบห้าโต๊ะ ดังนี้[20]
|
|
|
|
ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2553 โดยคณะอนุกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ได้จัดให้มีโต๊ะกลุ่มขึ้น ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ทั้งสิ้นสิบสองโต๊ะ[21] ดังนี้
|
|
|
|
ระบบการจัดการและธรรมเนียมเฉพาะของแต่ละโต๊ะมีความแตกต่างกันไป ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่มีการจัดโต๊ะเพื่อให้สมาชิกโต๊ะดูแลช่วยเหลือกันตามอัธยาศัย ส่วนนักศึกษาที่เป็นสมาชิกโต๊ะรุ่นก่อนหน้าก็จะให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ แก่รุ่นน้อง โดยอาจจัดให้มีรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องเป็นราย ๆ ไป และไม่ใช้ระบบรหัสนักศึกษา ซึ่งสมาชิกภาพของสมาชิกโต๊ะนั้นสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกผู้นั้นแสดงเจตนาขอถอนตัวต่อกลุ่มโต๊ะ หรืออาจสิ้นสุดลงเมื่อขาดการติดต่อกับโต๊ะโดยสิ้นเชิง
[แก้] ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง
-
ดูเพิ่มที่ รายนามบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
[แก้] เกร็ด
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่นพิกัดภูมิศาสตร์: 14°04′32″N 100°37′02″E / 14.07559°N 100.61722°E
|