พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
|
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (21 ตุลาคม พ.ศ. 2417 - 7 สิงหาคม พ.ศ. 2463) ทรงเป็นต้นราชสกุลรพีพัฒน์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ เกตุทัต โดยทรงมีพระเชษฐภคินีคือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัจฉรพรรณีรัชกัญญา ทรงเป็นผู้วางรากฐานด้านกฎหมายในเมืองไทย จนได้รับพระสมัญญานามว่า "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย"[1]
ทางด้านชีวิตส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงเสกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงอรพัทธ์ประไพ พระธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ แต่ทรงมีชีวิตร่วมกันเพียงไม่นานก็หย่าขาดจากกันหลังจากนั้นกทรงรับหม่อมอ่อนเป็นชายา หลังจากนั้นทรงมีหม่อมอีก 2 พระองค์ คือ หม่อมแดงและหม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช สิ้นพระชนม์ ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2463 พระชนมายุ 47 ปี
เนื้อหา |
[แก้] พระประวัติ
[แก้] ประสูติ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ที่ 2 ในเจ้าจอมมารดาตลับ ประสูติเมื่อวันพุธ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ จุลศักราช 1236 ตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2417[2] ต่อมาทรงได้รับพระราชทานนามจากพระราชบิดาว่า "รพีพัฒนศักดิ์" เมื่อทรงพระเยาว์พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงได้รับการอภิบาลจากเจ้าจอมมารดาตลับ หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์ พึ่งบุญ และพระยาเวียงในนฤบาล (หรั่ง เกตุทัต)[3]
[แก้] การศึกษา
เมื่อเจริญวัยขึ้นพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษาวิชาภาษาไทยเบื้องต้นกับพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) โดยใช้เก๋งกรงนกภายในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ทรงพระอักษร [4] เมื่อทรงศึกษาวิชาภาษาไทยจบแล้ว ก็ทรงเข้าศึกษาต่อที่สำนักของบาบู รามซามี โดยใช้โรงเรียนทหารมหาดเล็กเป็นที่ถวายพระอักษรจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2426[4] ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสวนกุหลาบ
ในการส่งพระราชโอรสไปศึกษายังต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเป็นพระราชโอรสกลุ่มแรกที่ทรงไปศึกษาต่อในทวีปยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2428 พร้อมกัน 4 พระองค์ คือ
- พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ (กรมพระจันทบุรีนฤนาถ)
- พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์)
- พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม (กรมหลวงปราจิณกิติบดี)
- พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช (กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช)
แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ทรงแยกกันเรียน โดยพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ เสด็จไปศึกษาที่กรุงเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ โดยให้หมอเกาวัน เป็นผู้จัดการศึกษา[5] ในการนี้เป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้น จึงมีเพียงครูชาวต่างชาติมาถวายพระอักษรที่ตำหนักครึ่งวัน และหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ถวายการสอนภาษาไทยอีกครึ่งวัน
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงศึกษาวิชาภาษาละติน วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาภาษาฝรั่งเศสอยู่ 2 ปี[6] จึงเสด็จนิวัติประเทศไทย จนถึงปี พ.ศ. 2431 จึงเสด็จไปศึกษาต่อในชั้นมัธยมอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และต่อมาปี พ.ศ. 2434 ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช ในมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2337 ทรงสามารถสอบไล่ได้ตามหลักสูตรชั้นปริญญาเกียรตินิยม[7] จากนั้นจึงเสด็จกลับประเทศไทย ด้วยพระอัจฉริยภาพที่มีมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จึงได้รับพระสมญาว่า เฉลียวฉลาดรพี
[แก้] พระราชพิธีโสกันต์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดให้ตั้งพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 3 พระองค์พร้อมกันคือ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช และพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เป็นการสมโภช 3 วัน ตั้งแต่วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2427 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2427 แล้วจึงประกอบพระราชพิธีโสกันต์ในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2427[8] โดยโปรดให้ทรงเครื่องต้นทั้ง 3 พระองค์
[แก้] ทรงผนวช
หลังจากพระราชพิธีโสกันต์ผ่านพ้นไปแล้วพระเจ้าลูกยาเธอที่จะเสด็จไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ จึงได้ทรงผนวชพร้อมกันตามโบราณราชประเพณี โดยมีกำหนดการที่สำคัญดังนี้
- 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - การพิธีสมโภชพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ที่จะทรงสมโภช
- 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พิธีผนวชพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ในคืนวันนี้พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ ทรงจำวัดที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำเสด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ส่งต่อไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร
- 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ไปจำวัดที่วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอิน
- 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2428 - พระเจ้าลูกยาเธอทั้ง 4 พระองค์ได้เสด็จกลับพระนคร
[แก้] รับราชการ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเริ่มรับราชการในสำนักราชเลขาธิการ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี ทรงประกอบพระกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อวงการกฎหมายไทยและศาลสถิตยุติธรรม ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และสภานายกในกองข้าหลวงพิเศษ จัดการปรับปรุงศาลยุติธรรมสู่ระบบใหม่ จัดตั้งศาลมณฑล และศาลจังหวัด ทั่วประเทศ, ทรงเป็นประธานกรรมการตรวจชำระกฎหมาย ประมวลขึ้นเป็นกฎหมายอาญาฉบับ ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) , ทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายเพื่อเปิดการสอนกฎหมาย ทรงรวบรวมและแต่งตำราคำอธิบายกฎหมายลักษณะต่างๆ มากมาย และทรงสอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง, ทรงเป็นกรรมการตรวจตัดสินความฎีกาซึ่งเทียบได้กับศาลฎีกาในปัจจุบัน, เมื่อ พ.ศ. 2443 ทรงตั้งกองพิมพ์ลายมือขึ้น สำหรับตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาในคดีอาญา ตำแหน่งสุดท้ายทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ทรงปรับปรุงกิจการกรมทะเบียนที่ดิน[9]
[แก้] สิ้นพระชนม์
ในปี พ.ศ. 2462 พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงประชวรด้วยพระโรคที่ต่อมลูกหมากและมีการแทรกซ้อนต่อไปยังพระวักกะ (ไต)[10] จึงทรงขอลาพักราชการในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2462 เพื่อรักษาพระองค์แต่อาการยังไม่ทุเลา ต่อมาจึงเสด็จไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่พระโรคที่พระวักกะก็ยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเกินที่แพทย์จะเยียวยาได้ จนกระทั่งถึงวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2463 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์สิ้นพระชนม์ สิริพระชันษา 45 ปี 9 เดือน 17 วัน
พระศพของพระองค์ได้รับการถวายพระเพลิงที่กรุงปารีส[11] หลังจากนั้น หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์เสด็จไปรับและอัญเชิญพระอัฐของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์มาถึงประเทศไทยในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2463 ในคราวนั้นเจ้าเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)หวนระลึกถึงรับสั่งของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ได้ตรัสไว้ก่อนที่เสด็จไปรักษาพระองค์ที่ประเทศฝรั่งเศสว่า
|
[แก้] พระโอรส-ธิดา
ราชสกุลรพีพัฒน์ ต้นราชสกุล คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
หลังพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ เสด็จกลับจากศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสู่ขอ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงอรพัทธ์ประไพ พระธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ พระราชทานเสกสมรสให้ โดยในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่มีการพระราชทานน้ำสังข์ แต่ทรงมีชีวิตร่วมกันเพียงไม่นานก็หย่าขาดจากกัน หลังจากนั้นพระองค์จึงรับหม่อมอ่อนในเป็นชายา
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงมีพระโอรส-ธิดา ที่ประสูติกับหม่อมอ่อน หม่อมแดง และหม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช ทุกพระองค์ทรงตั้งชื่อคล้องจองกันหมด และมีความหมายเกี่ยวกับ พระอาทิตย์[13]
[แก้] หม่อมอ่อน รพีพัฒน์ ณ อยุธยา
หม่อมอ่อน รพีพัฒน์ ณ อยุธยา ธิดาใน หม่อมราชวงศ์สำอาง เสนีวงศ์ [14] กับพระยาสุพรรณพิจิตร (โต) ก็ได้รับหม่อมอ่อนเข้ามาเป็นชายา เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมอ่อนมีโอรสธิดารวม 11 พระองค์ ดังนี้
- หม่อมเจ้าหญิงพิมพ์รำไพ รพีพัฒน์ (18 มกราคม 2441 - 22 กุมภาพันธ์ 2510)
- หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์ (29 ตุลาคม 2442 - 19 ตุลาคม 2521)
- หม่อมเจ้าสุรีย์ประภา รพีพัฒน์ (16 เมษายน 2444 - 19 กุมภาพันธ์ 2513)
- หม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ รพีพัฒน์ (25 ธันวาคม 2445 - 29 ธันวาคม 2501)
- หม่อมเจ้าหญิงชวลิตโอภาส รพีพัฒน์ (11 กุมภาพันธ์ 2447 - 18 มิถุนายน 2475)
- หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ (19 พฤศจิกายน 2448 - 18 พฤษภาคม 2475)
- หม่อมเจ้าเพลิงนภดล รพีพัฒน์ (30 ธันวาคม 2449 - 22 กรกฎาคม 2528)
- หม่อมเจ้าถกลไกรวัล รพีพัฒน์ (2 มกราคม 2452 - 16 กันยายน 2523)
- หม่อมเจ้ารวิพรรณไพโรจน์ รพีพัฒน์ (5 กันยายน 2455 - 18 กุมภาพันธ์ 2531)
- หม่อมเจ้าดวงทิพโชติแจ้งหล้า รพีพัฒน์ (11 ตุลาคม 2457 - 4 มีนาคม 2542)
- หม่อมเจ้าฑิตยาทรงกลด รพีพัฒน์ (21 พฤษภาคม 2459 - )
[แก้] หม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา
หม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา เป็นบุตรสาวของพ่อค้าจีนเจ้าของร้านเพชรหัวเม็ด ในประมาณปี พ.ศ. 2458 เสด็จในกรมหลวงราชบุรี ทรงรับหม่อมแดงเข้ามาเป็นหม่อมในพระองค์ เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมแดง รพีพัฒน์ ณ อยุธยา มีธิดารวม 1 พระองค์ ดังนี้
- หม่อมเจ้าหญิงคันธรสรังษี รพีพัฒน์ (5 มีนาคม 2459 - 23 พฤษภาคม 2526)
[แก้] หม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช บุตรีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ และหม่อมนุ่ม เสด็จในกรมหลวงราชบุรีและหม่อมราชวงศ์สอางค์ ปราโมช มีธิดารวม 1 พระองค์ ดังนี้
- หม่อมเจ้าหญิงรำไพศรีสอางค์ รพีพัฒน์ (17 กันยายน 2462 - 4 เมษายน 2543)
[แก้] พระกรณียกิจ
[แก้] ด้านกฎหมาย
เมื่อพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม พระองค์ทรงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิรูปการศาล ซึ่งปัญหาสำคัญสำหรับศาลไทยในเวลานั้น คือ เรื่องของศาลกงสุลต่างชาติ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในยุคนั้น เป็นที่รู้กันว่าชาวต่างเหล่านี้มีอำนาจอิทธิพลมาก เมื่อเกิดคดีความหรือข้อโต้แย้ง ชาวไทยมักตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะชาวต่างชาติมักจะอ้างว่ากฎหมายยังล้าหลังไม่ทันสมัยเพื่อเป็นข้ออ้างเอาเปรียบชาวไทยซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ศาลของไทยยังไม่พร้อมที่จะรับข้อกฎหมายใหม่ๆ ในเวลานั้น พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยการจ้างชาวต่างชาติมาเป็นผู้พิพากษาเป็นเหตุให้ผู้พิพากษาศาลไทยเกิดความกระตือรือร้นเร่งศึกษาชากฎหมายไทยและต่างประเทศทำให้ศาลไทยมีความเชื่อถือมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ ถึงกับยกเลิกศาลกงสุลยอมให้คนชาติตัวเองมาขึ้นศาลไทยนอกจากนั้น ยังทรงปฏิรูปการศาลในด้านอื่นอีกมากมาย อาทิ
- ขอพระราชทานพระบรมราชาอนุญาตให้ศาลในสังกัดกระทรวงยุติธรรมสามารถกำหนดโทษเองได้ เนื่องจากในสมัยนั้นเมื่อศาลกำหนดโทษจำคุกผู้ต้องหาแล้ว ต้องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำหนดเวลาให้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุของความล่าช้าในวงการศาล
- ทรงปรับปรุงเงินเดือนผู้พิพากษาให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่
- ออกประกาศ ออกประกาศยกเลิก หรือแก้ไขพระราชบัญญัติ กฎเสนาบดีกว่า 60 ฉบับ เพื่อแก้ไขจุดที่บกพร่อง เพิ่มสิทธิของคู่ความให้เท่าเทียมกัน หรือแก้ไขบทลงโทษที่ล้าหลัง ที่สำคัญได้แก่
ที่ทรงออกใหม่ | ที่ทรงแก้ไข |
---|---|
พระราชบัญญัติเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความอาญา | พระราชบัญญัติกระบวนวิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. 115 |
พระราชบัญญัติอุทธรณ์ ร.ศ. 123 | พระราชบัญญัติกฎหมายพยาน มาตรา 6 |
พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลยุติธรรม | |
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่ง ร.ศ. 127 | |
กฎเสนาบดีเรื่องการดำเนินคดีอย่างคนอนาถา | |
กฎเสนาบดีเรื่องอัตราธรรมเนียมค่าทนายความ | |
ห้ามนำคดีที่ศาลโปริสภาตัดสินแล้วฟ้องต่อศาลแพ่งและศาลอาญา | |
การเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยในคดีอาญาข้อหาลักทรัพย์ |
- ให้อำนาจศาลเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร
ฯลฯ
พระราชกรณียกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือในปี พ.ศ. 2440 ได้ทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้น โดยมีเจ้าพระยาอภัยราชาเป็นที่ปรึกษา และพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าสอนเป็นประจำ ต่อมาได้จัดให้มีการสอบไล่ขึ้นด้วย ในปีแรกที่มีการสอบปรากฏว่ามีผู้สอบผ่านเพียง 9 คนจากจำนวนกว่าร้อยคน และแม้ใน 14 ปีแรกมีผู้สอบผ่านเพียง 129 คนเท่านั้น แต่ก็ถือเป็นการผลิตนักกฎหมายที่มีคุณภาพให้สังคมเป็นอย่างมาก ต่อมายังทรงเป็นประธานกรรมการตรวจชำระกฎหมาย, กรรมการตรวจตัดสินความฎีกา และกรรมการตรวจร่างกฎหมายลักษณะอาญาอีกด้วย
[แก้] พระเกียรติยศ
[แก้] พระอิสริยยศ
- พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (พ.ศ. 2419 - 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442)
- พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2453)
- พระเจ้าพี่ยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455)[15]
- พระเจ้าพี่ยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2478)
- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 - ปัจจุบัน)[16]
[แก้] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังต่อไปนี้ [17]
- เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
- เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
- เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 2
- เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2
[แก้] รถยนต์พระที่นั่ง
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเสด็จไปทอดพระเนตรโรงงานผลิตรถยนต์ของบริษัท Diamler - Motorin - Gesellschaft ในปี พ.ศ. 2447 และทรงว่าจ้างให้บริษัทดังกล่าวประกอบรถยนต์ขึ้นจำนวน 1 คัน โดยเป็นรถเมอร์ซิเดส - เดมเลอร์สีเหลืองหลังคาเปิดประทุนซึ่งต่อมาพระองค์จึงทรงถวายรถคันนี้แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในภายหลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหลวงราชบุรีฯ สั่งซื้อรถเมอร์ซิเดส - เดมเลอร์สีแดงเข้ามาอีก 1 คัน แต่ปรากฏว่าไอน้ำมันระเหยขึ้นติดตะเกียงไฟลุกไหม้ประตูรถเสียหายไป 1 บาน หลังจากที่ซ่อมแซมเสร็จแล้วจึงนำขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงพระราชทานนามรถพระที่นั่งคันนี้ว่า "แก้วจักรพรรดิ์"
[แก้] การระลึก
[แก้] วันรพี
นักกฎหมายได้ถือเอาวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์คือวันที่ 7 สิงหาคม ของทุกปีเป็นวันรพีเพื่อเป็นวันรำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่มีต่อวงการกฎหมายไทย โดยจะมีการจัดกิจกรรมวันรพีที่อนุสาวรีย์พระรูป พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒน์ศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หน้าสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีการจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507[18]
[แก้] อนุสาวรีย์พระรูปหน้าสำนักงานศาลยุติธรรม
เมื่อ พ.ศ. 2498 คณะกรรมการเนติบัณฑิตยสภาได้มีมติจัดสร้างอนุสาวรีย์พระรูปพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ขึ้น โดยได้จัดการเรี่ยไรเงินจำนวน 500,000 บาท ต่อมาวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2507 ได้รับเงินบริจาครวมทั้งหมดเป็นจำนวน 296,546.75 บาท ซึ่งก็ยังไม่ครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ แต่แม้จำนวนเงินบริจาคนั้นจะยังไม่ครบ แต่ในส่วนของตัวอนุสาวรีย์นั้นได้มีการปั้นเสร็จในปี พ.ศ. 2506 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอนุสาวรีย์พระรูปพระองค์เจ้ารพีพัฒน์ศักดิ์ในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2507
[แก้] ราชตระกูล
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ |
พระชนก: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระอัยกาฝ่ายพระชนก: พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย |
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ |
|||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ |
||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: หม่อมน้อย |
|||
พระชนนี: เจ้าจอมมารดาตลับ ในรัชกาลที่ 5 |
พระอัยกาฝ่ายพระชนนี: พระยาเวียงในนฤบาล (หรั่ง เกตุทัต) |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: พระยาเพ็ชรพิไชย (หนู) |
|
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: ไม่มีข้อมูล |
|||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนี: ขรัวยายอิ่ม |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: ไม่มีข้อมูล |
||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: ไม่มีข้อมูล |
[แก้] อ้างอิง
- ^ นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ : พระบิดาแห่งกฎหมายไทย -- กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2549. หน้า 454 (ISBN 9740056508)
- ^ บรรเจิด อินทุจันทร์ยง. ราชสกุลพระบรมราชวงศ์จักรี -- กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, พ.ศ. 2539. หน้า 587 (ISBN 9740056508)
- ^ สัมภาษณ์ หม่อมราชวงศ์นภาจรี ทองแถม วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2546
- ^ 4.0 4.1 นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ : พระบิดาแห่งกฎหมายไทย -- กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2549. หน้า 43 (ISBN 9740056508)
- ^ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. สมุดพิเศษเล่ม 16. หน้า 99-100
- ^ นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ : พระบิดาแห่งกฎหมายไทย -- กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2549. หน้า 83 (ISBN 9740056508)
- ^ บรรเจิด อินทุจันทร์ยง. ราชสกุลพระบรมราชวงศ์จักรี -- กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, พ.ศ. 2539. หน้า 589 (ISBN 9740056508)
- ^ ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม. เรื่องเดิม, หน้า 48 (ISBN 9740056508)
- ^ นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ : พระบิดาแห่งกฎหมายไทย -- กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2549. หน้า 411 (ISBN 9740056508)
- ^ สัมภาษณ์หม่อมราชวงศ์อคิน รพีพัฒน์ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2546
- ^ นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ : พระบิดาแห่งกฎหมายไทย -- กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์, 2549. หน้า 439 (ISBN 9740056508)
- ^ ประวัติเจ้าพระยายมราช พระนิพนธ์ของ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ หน้า 47
- ^ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ พระนามพระราชโอรส พระราชธิดา และพระราชนัดดา, สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2548, 136 หน้า, ISBN 974-221-746-7
- ^ กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ คำนำพระนามพระบรมวงษานุวงษ์, เล่ม 27, ตอน ก, 30 ตุลาคม พ.ศ. 2453, หน้า 1
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศคำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์, เล่ม 52, ตอน 0 ง, 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2478, หน้า 1179
- ^ ราชกิจจานุเบกษา,ข่าวสิ้นพระชนม์ , เล่ม 37, 15 สิงหาคม พ.ศ. 2463, หน้า 1480
- ^ นิกร ทัสสโร. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์. กรุงเทพฯ : บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด, พ.ศ. 2549. ISBN 978-974-9909-300
สมัยก่อนหน้า | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล กรมหลวงพิชิตปรีชากร (พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2439) |
เสนาบดีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พ.ศ. 2439 - พ.ศ. 2453) |
เจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร (หม่อมราชวงศ์ลบ สุทัศน์) (พ.ศ. 2455 - พ.ศ. 2469) |
||
เจ้าพระยาพลเทพ (พุ่ม ศรีไชยยันต์) | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ((พ.ศ. 2473 - พ.ศ. 2474)) |
เจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) (พ.ศ. 2463 - พ.ศ. 2473) |
|
|
|