โผน กิ่งเพชร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

โผน กิ่งเพชร
{Pone Kingpetch}
โผน กิ่งเพชร.jpg
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อจริง มานะ สีดอกบวบ
วันเกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478
สถานที่เกิด Flag of ไทย อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
วันที่เสียชีวิต 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2525
รุ่น ฟลายเวท
ผู้จัดการ ทองทศ อินทรทัต
หิรัญ สีดอกบวบ (พี่ชาย)
เอนก ค้ำพันธ์
เทรนเนอร์ นิยม ทองชิต
อัล ซิลวานี่
สถิติ
ชก 35
ชนะ 28
ชนะน็อก 9
แพ้ 7
เสมอ -

โผน กิ่งเพชร (12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 - พ.ศ. 2525) ชื่อจริงว่า มานะ สีดอกบวบ ชื่อเล่น "แกละ" เป็นแชมป์โลกชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ โผนเป็นนักมวยรูปร่างผอมบาง มีช่วงขาที่ยาว ถนัดขวา ส่วนสูง 5 ฟุต 6½ นิ้ว[1] และเป็นแชมป์โลกชาวไทยคนแรกที่ได้ครองแชมป์โลกถึง 3 สมัย แต่ด้วยปัญหาส่วนตัว ทำให้โผนติดสุราจนการชกตกต่ำลง จนเสียแชมป์ไปและไม่มีโอกาสชิงแชมป์คืนได้อีก โผนถือเป็นตำนานของวงการมวยสากลคนหนึ่งของไทย วันที่โผนชิงแชมป์โลกได้ถูกกำหนดให้เป็นวันนักกีฬาไทย และมีการสร้างอนุสรณ์สถานของเขาที่หัวหินหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว 10 ปี

เนื้อหา

[แก้] ประวัติ

[แก้] ชีวิตวัยเด็ก

โผนเป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 9 คน ของนายห้อย และนางริ้ว สีดอกบวบ เรียนที่โรงเรียนมัธยมสาธุการจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วจึงเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอหัวหินจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากนั้น จึงไปเรียนที่โรงเรียนหัวหินวิทยาลัยจบการศึกษาระดับมัธยมปีที่ 6[2] ด้วยความเป็นคนรักกีฬา ชอบเล่นกีฬาทุกประเภท แต่ที่ชอบมากที่สุด คือ มวยสากล ถึงขนาดเคยลั่นวาจาต่อหน้าเพื่อน ๆ ว่า เขาจะเป็นแชมป์โลกคนแรกของไทยให้ได้[2](เนื่องด้วยก่อนหน้านั้น จำเริญ ทรงกิตรัตน์ เคยชิงแชมเปี้ยนโลกมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลย)

หลังจากนั้นโผนหันมาชกมวยสากลอาชีพอย่างจริงจัง จนได้ครองแชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท และได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทกับ ปาสคาล เปเรซ เจ้าของตำแหน่งในขณะนั้นชาวอาร์เจนตินา ซึ่งโผนชนะคะแนนได้เป็นแชมป์โลกคนแรกของไทยตามที่ตั้งใจไว้ แม้จะเสียตำแหน่งไป โผนก็ยังชิงแชมป์คืนกลับมาได้ ได้เป็นแชมป์โลกถึงสามสมัยก่อนจะแขวนนวมไป

[แก้] ชีวิตครอบครัว

หลังจากได้เป็นแชมป์โลกแล้ว โผนจึงรู้จักกับ มณฑา เพชรไทย ซึ่งเป็นบุตรสาวของ พ.ต.ต. พยุง เพชรไทย แต่งงานกันเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ก่อนที่โผนจะไปป้องกันแชมป์โลกกับไฟติ้ง ฮาราด้า โผนมีบุตรสาว 2 คน[2]

[แก้] บั้นปลายชีวิต

หลังจากแขวนนวม ชีวิตของโผนตกต่ำอย่างที่สุด เพราะทรัพย์สินเงินทองเมื่อครั้งได้จากการชกมวยก็ร่อยหรอ แม้แต่โรงเรียนมานะวิทยา ที่เคยสร้างไว้ที่บ้านเกิด เมื่อครั้งรุ่งเรือง ก็ต้องขายทิ้ง ประกอบอาชีพค้าขายก็ขาดทุน เพราะไม่เจนจัดเล่ห์เหลี่ยมการค้า ส่วนตัวโผนเองก็มีโรคประจำตัวเรื้อรังคือ โรคเบาหวาน

ท้ายที่สุด ขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวที่บ้านหัวหิน อาหารเกิดสำลักเข้าไปติดอยู่ในหลอดลม ทำให้เกิดการบูดเน่าและโลหิตเป็นพิษ อาการของโผนทรุดหนัก เพราะเป็นหวัดอยู่ด้วยและเป็นโรคปอดแทรกซ้อนเข้ามา ครอบครัวต้องนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นการด่วน อาการก็ไม่ดีขึ้น จนในที่สุด เวลา 5 ทุ่ม ของคืนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 โผนก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ด้วยวัยเพียง 47 ปี 3 เดือน 19 วัน[2]

[แก้] ผลงานด้านการชกมวย

โผนฝึกและขึ้นชกมวยครั้งแรกที่หัวหินบ้านเกิด มีฝีมือดีที่เป็นที่ลือลั่น แต่ สง่า สีดอกบวบ พี่ชายคนโต ไม่เห็นชอบด้วย จึงนำโผนมาฝากไว้กับ นายห้างทองทศ อินทรทัต เจ้าของบริษัทเทวกรรม โอสถ ซึ่งเป็นเจ้าของค่าย "กิ่งเพชร" ในซอยชื่อเดียวกับค่าย ย่านถนนเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2497[2] ซึ่งโผนได้รับการฝึกสอนและขึ้นชกสม่ำเสมออย่างจริงจัง โดยที่มาของชื่อ "โผน" นั้น เป็นชื่อของน้องชายนายห้างทองทศ ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์กบฏวังหลวง พ.ศ. 2492 ก่อนหน้านี้ (พ.ต. โผน อินทรทัต อดีตเสรีไทย และผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ในขณะนั้น)

การชกของโผนดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชนะน็อก กู้น้อย วิถีชัย แชมป์ฟลายเวทของเวทีราชดำเนิน ได้อย่างงดงาม ทั้ง ๆ ที่โผนมีประสบการณ์น้อยกว่าอย่างเทียบไม่ติด และต่อมาเมื่อมีการแก้มือกัน โผนก็ชนะคะแนนไปได้อีกครั้ง ก่อนจะขึ้นครองแชมป์เวทีราชดำเนิน โผนชกชนะนักมวยชื่อดังในรุ่นฟลายเวตและแบนตัมเวทในยุคนั้นมาแล้วหลายคน เช่น บุญธรรม วิถีชัย พร พัลธุมเกียรติ สมยศ สิงหพัลลภ ประยุทธ ยนตรกิจ เป็นต้น[3] ต่อมา โผนได้ขึ้นชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลฯ (OPBF) โดยชนะคะแนน แดนนี่ คิด เจ้าของตำแหน่งชาวฟิลิปปินส์ โผนจึงได้มีชื่อติดอันดับโลก และเป็นการกรุยทางสู่การชิงแชมป์โลก

[แก้] แชมป์โลกคนแรกของไทย

โผนชกแก้มือกับ ปาสคาล เปเรซ

การชิงแชมป์โลกของโผนได้กระทำต่อหน้าพระพักตร์ กับ ปาสคาล เปเรซ แชมเปี้ยนชาวอาร์เจนตินา ณ เวทีมวยลุมพินี เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2503 โดยในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วย การชกในวันนั้นไม่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ เนื่องจากประเทศไทยขณะนั้นยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ แต่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียง และมีการบันทึกการชกเป็นหนังสารคดีฉายตามโรงภาพยนตร์ในภายหลังแทน[4][2] เริ่มแรกกำหนดการชิงแชมป์โลกของโผน คือ 2 เมษายน แล้วจึงเลื่อนออกมาเป็น 16 เมษายน มีการแต่งเพลงออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงด้วยทำนองเพลงกราวกีฬาว่า[5]

Cquote1.svg

วันที่ 2 เมษามหาฤกษ์ ชาวไทยเอิกเกริกกันทั่วหน้า โผนจะได้ชิงมงกุฏสุดโสภา เป็นมิ่งขวัญประชาชาติไทย

Cquote2.svg

ก่อนถึงวันชก มีการโปรโมตตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น แต่งเพลงเชียร์โผนเป็นทำนองเพลงมาร์ช ปลุกใจ ตามวิทยุ หรือ รถกระจายเสียง ซึ่งผู้แต่ง คือ สุรพล โทณะวณิก และผู้ขับร้อง คือ มีศักดิ์ นาครัตน์ มีเนื้อร้องบางช่วงว่า

Cquote1.svg

เราเชียร์โผน...เราเชียร์โผน...เราเชียร์โผน..โผน...โผน...โผน...โผน เปเรซจะแข็งอย่างไร แต่โผนเลือดไทย....ต้องเชียร์ไว้ดีกว่า.....

Cquote2.svg

แต่ก็มีเด็ก ๆ ไปแปลงเนื้อเป็น[6]

Cquote1.svg

โผน กิ่งเพชร เปเรซ กิ่งไผ่ โผน มือไวต่อยไข่ เปเรซ

Cquote2.svg

สำหรับ ปาสคาล เปเรซ แชมเปี้ยนนั้น เคยครองเหรียญทองโอลิมปิกมาแล้ว จากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ที่กรุงลอนดอน ในปี พ.ศ. 2491 และก่อนหน้าจะมาป้องกันตำแหน่งกับโผนนั้น ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้แล้วถึง 10 ครั้ง ครองแชมป์อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ปี โดยอายุของเปเรซขณะนั้นได้ 33 ปี ขณะที่โผนอายุเพียง 25 ปี ผ่านการชกมาแค่ 22 ไฟท์ เมื่อมาถึง คนไทยให้ฉายาเปเรซว่า "ยักษ์แคระ" เพราะเป็นนักมวยรูปร่างเล็ก แต่มีช่วงแขนที่ใหญ่บึกบึน

ผลการแข่งขันในการชกในครั้งนั้น ปรากฏว่าโผนชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ โดยกรรมการ โลเรนโซ เทอเลบ้า กรรมการห้ามบนเวทีชาวอาร์เจนตินา ชาติเดียวกับเปเรซ ให้เปเรซชนะ 145 - 143 กรรมการชาวไทย วงศ์ หิรัญยเลขา ให้โผนชนะ 148 - 137 และ แน็ต แฟลชเชอร์ กรรมการจากเดอะ ริง ให้โผนชนะ 146 - 140 ได้ครองแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท ของสถาบันเดอะริง (The Ring) เป็นแชมป์โลกคนแรกของไทย ภายหลังการรู้ผลการชก ที่อำเภอหัวหินบ้านเกิดของโผนได้มีการจุดพลุฉลองทั่วทั้งเมืองทันที ต่อมา สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ วันที่ 16 เมษายน ของทุกปี เป็น วันนักกีฬายอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ วันนักกีฬาไทย[7] โดยมีการมอบรางวัลถ้วยพระราชทานเป็นประจำทุกปี (คนละวันกับ วันกีฬาแห่งชาติ 16 ธันวาคม ที่กำหนดตามวันที่ในหลวงทรงได้เหรียญทองซีเกมส์)

โผนชนะ ทีเคโอ ปาสคาล เปเรซ ที่ลอสแอนเจลิส

ในการชกครั้งต่อ ๆ มา เมื่อโผน กิ่งเพชร เสียตำแหน่งไปก็สามารถชิงกลับมาได้ถึง 3 ครั้ง โดยมีหลายไฟท์ในความทรงจำ เช่น การแก้มือกับ ปาสคาล เปเรซ ที่ลอสแอนเจลิส โดยชนะทีเคโอไปอย่างหายสงสัย และชนะคะแนน "เสือหมัดซ้าย" มิตสุโนริ เซกิ ถึงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โผนเสียแชมป์สมัยแรกให้กับไฟติ้ง ฮาราด้า นักมวยดาวรุ่งจากญี่ปุ่น ก่อนการชก โผนเป็นฝ่ายได้เปรียบทั้งในด้านประสบการณ์และฝีมือ แต่เมื่อชกกันจริง ปรากฏว่าฮาราด้าใช้ความหนุ่มแน่นบุกตะลุยเข้าชกตั้งแต่ยกแรกจนโผนตั้งตัวไม่ติด อ่อนแรงลงและแพ้น็อคไปในที่สุด[8]

โผนได้ชกแก้มือกับฮาราด้าอีกครั้งที่กรุงเทพฯ เมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2506 ซึ่งในหลวงได้เสด็จมาทอดพระเนตรด้วย การชกครั้งนั้นจัดที่อาคารยิมเนเซียม 1 หรือที่เรียกว่าอาคารนิมิบุตรในปัจจุบัน เป็นศึกชิงแชมป์โลกครั้งที่ 4 ที่จัดในเมืองไทย ในวันนั้นคนดูเข้าซื้อตั๋วที่สนามจนแน่น ตั้งแต่เวลา 17.00 น. และมีคนดูที่ซื้อตั๋วแล้วแต่เข้าสนามไม่ได้อีกมาก[9]

การชกในยกแรก ๆ โผนใช้เชิงชกที่เหนือกว่าและหมัดแย็ป เก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ ส่วนฮาราด้ายังบุกตะลุยเข้ามาในแบบเดิม จนโผนเริ่มหมดแรง ยืนขาตายหนีไม่ออก ถูกฮาราด้าไล่ถลุง ขณะนั้นในหลวงเสด็จถึงสนามมวยพอดี เมื่อโผนทราบว่าในหลวงเสด็จมาแล้วก็เกิดกำลังใจออกไปชกกับฮาราด้าได้ในรูปแบบเดิมใช้จังหวะฝีมือที่เหนือกว่าหลอกล่อฮาราด้า แทบจะเป็นฝ่ายชกข้างเดียวครบ 15 ยก โผนจึงเป็นฝ่ายชนะคะแนน ได้ครองแชมป์โลกสมัยที่ 2[8]

หลังจากชิงแชมป์คืนมาจากฮาราด้า โผนว่างเว้นจาการชกไปนานเนื่องจากโผนไม่ยอมเข้าค่ายซ้อม แม้จะมีผู้ท้าชิงจากญี่ปุ่น คือ ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ติดต่อมา แต่ก็ต้องเลื่อนกำหนดการชกออกไปหลายครั้ง ระหว่างนี้ นิยม ทองชิตร ถอนตัวจากการเป็นเทรนเนอร์ หิรัญ สีดอกบวบ พี่ชายเข้ามาเป็นผู้จัดการแทน ในที่สุดกำหนดการชกระหว่างโผนกับเอบิฮาร่ามีขึ้นเมื่อ 18 กันยายน พ.ศ. 2506 และโผนเป็นฝ่ายแพ้น็อคแค่ยกแรกเท่านั้น[10] แต่ก็สามารถชกแก้มือ ชิงแชมป์โลกคืนจากเอบิฮาร่า เป็นสมัยที่สาม หลังจากนั้น ชื่อเสียงของโผนเริ่มตกต่ำลง การชกมวยของโผนไม่เป็นที่ราบรื่น เพราะขัดแย้งกับเทรนเนอร์ และผู้จัดการเสมอ ๆ จนต้องมีการเปลี่ยนตัวบ่อยครั้ง ประกอบกับโผนเองก็ติดสุราอย่างหนัก จนเกือบเป็นสุราเรื้อรัง หนีซ้อม ผลการชกก็ตกลงเรื่อย ๆ จนเสียแชมป์ให้กับซัลวาโตเร่ เบอรูนี่ ที่อิตาลี จากนั้น โผนไม่มีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกเลย กลับมาชกไต่อันดับก็แพ้คะแนน เบบี้ โรโรน่า (ฟิลิปปินส์) โผนจึงแขวนนวมในปี พ.ศ. 2509 เมื่ออายุได้ 31 ปี

[แก้] ผลงานการชกครั้งสำคัญ

โผนถูกหมัดของฮาราด้าจนแพ้น็อคยก 11 ที่ญี่ปุ่น
โผนถูก ไฟติ้ง ฮาราด้า ชกขวาตรงเข้าใบหน้า แต่เป็นฝ่ายชนะคะแนนเมื่อครบ 15 ยก ที่กรุงเทพ ในไฟท์แก้มือ

ผลงานการชกครั้งสำคัญของโผน[11] ได้แก่

  • แชมป์ประเทศไทยรุ่นฟลายเวท
  • แชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท (2500)
  • แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท (2503 – 2505)
    • ชิง, 16 เมษายน 2503 ชนะคะแนน ปาสคาล เปเรซ ที่ เวทีลุมพินี
    • ป้องกันครั้งที่ 1, 22 กันยายน 2503 ชนะน็อค ปาสคาล เปเรซ ยก 8 ที่ สหรัฐ
    • ป้องกันครั้งที่ 2, 27 มิถุนายน 2504 ชนะคะแนน มิตสุโนริ เซกิ ที่ ญี่ปุ่น
    • ป้องกันครั้งที่ 3, 30 พฤษภาคม 2505 ชนะคะแนน เคียว โนกูจิ ที่ ญี่ปุ่น
    • เสียแชมป์, 10 ตุลาคม 2505 แพ้น็อค ไฟติ้ง ฮาราด้า ยก 11 ที่ ญี่ปุ่น
  • แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBA, WBC (2506)
    • ชิง, 12 มกราคม 2506 ชนะคะแนน ไฟติ้ง ฮาราด้า ที่ กรุงเทพฯ
    • เสียแชมป์, 18 กันยายน 2506 แพ้น็อค ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ยก 1 ที่ ญี่ปุ่น
  • แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBA, WBC (2507 – 2508)
    • ชิง, WBA, WBC 23 มกราคม 2507 ชนะคะแนน ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า ที่ เวทีราชดำเนิน
    • เสียแชมป์, 23 เมษายน 2508 แพ้คะแนน ซัลวาโตเร่ เบอร์รูนี่ ที่ อิตาลี
  • เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ

[แก้] ผลงานด้านอื่น

[แก้] การแสดงภาพยนตร์

เมื่อยังเป็นแชมป์โลกอยู่นั้น โผน กิ่งเพชร เคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง "เทพบุตรนักเลง" ในปี พ.ศ. 2508 ด้วย นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา และ เพชรา เชาวราษฎร์ โดยโผนแสดงเป็นตัวประกอบ เนื่องจากเป็นบุคคลที่โด่งดังอยู่ในเวลานั้น และมี อภิเดช ศิษย์หิรัญ นักมวยไทยชื่อดังร่วมสมัยแสดงด้วย นอกจากนี้ เมื่อโผนเสียชีวิตไปแล้ว ในปี พ.ศ. 2529 กันตนาจึงได้ผลิตละครชีวประวัติของโผน กิ่งเพชร ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5[12]

[แก้] การฝึกสอนมวยสากล

โผนเป็นนักมวยที่มีจุดเด่นที่หมัดแยปรวดเร็ว ฟุตเวิร์กคล่องแคล่ว หาจังหวะชกฉาบฉวยได้ดี และมีปฏิภาณไหวพริบในการชก ไม่ใช่มวยหมัดหนักแบบ "โป้งเดียวจอด"[5] เมื่อโผนเลิกชกมวยแล้ว เคยมีนักมวยรุ่นหลังมาฝึกมวยกับโผนหลายคน รวมทั้ง พเยาว์ พูนธรัตน์ ส่วน ชาติชาย เชี่ยวน้อย แชมป์โลกคนที่ 2 เคยมาเป็นคู่ซ้อมของโผนอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อราว พ.ศ. 2519 - 2520 มีชาวญี่ปุ่นมาเชิญโผนไปสอนมวยสากลที่ญี่ปุ่น แต่โผนปฏิเสธ โดยกล่าวว่าเขาไม่ต้องการให้วิชามวยนี้ไปอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่มีหน่วยงานใด ๆ ในไทยมาเชิญโผนไปสอนมวยสากลอย่างจริงจัง ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีฟิล์มภาพยนตร์บันทึกภาพการชกของโผนไว้ศึกษาในพิพิธภัณฑ์[2]

[แก้] กิจกรรมด้านสังคม

เมื่อโผนได้เป็นแชมป์โลก และเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง โผนได้สร้างโรงเรียนที่อำเภอหัวหินชื่อ "โรงเรียนมานะวิทยา" เพื่อเปิดโอกาสให้คนจนได้เรียน โดยเซ้งกิจการต่อจากโรงเรียนจีนที่ใกล้จะปิดกิจการ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึง ม.3 แต่เปิดอยู่ได้ไม่นาน ก็ซบเซาจนต้องปิดกิจการ และถูกกระทรวงศึกษาธิการสั่งปิดเมื่อ พ.ศ. 2520[2]

[แก้] อนุสรณ์สถาน

อนุสาวรีย์ โผน กิ่งเพชร ที่ชายหาดหัวหิน ที่เทศบาลเมืองหัวหินสร้างไว้เป็นอนุสรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2535

แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างอนุสรณ์สถานของโผน กิ่งเพชรเริ่มขึ้นตั้งแต่โผนเสียชีวิต แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก ต่อมา เมื่อ พ.ศ. 2532 หอภาพยนตร์แห่งชาติ กรมศิลปากร ได้จัดฉายภาพยนตร์การชกระหว่างโผนกับเปเรซ เก็บเงินบริจาคได้จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่มีการสร้างอนุสรณ์สถาน จนกระทั่ง พ.ศ. 2534 สมาคมกิจวัฒนธรรมได้เคลื่อนไหวเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานอีกครั้ง และได้เสนอให้สร้างอนุสาวรีย์ของโผนที่หาดหัวหิน เทศบาลหัวหินได้จัดงานแสดงดนตรีเพื่อระดมทุนก่อสร้างเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2534 จากนั้น จึงเริ่มการสร้างและมีพิธีเปิดเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2535[7] ลักษณะรูปปั้น สูง 2 เมตร 20 เซนติเมตร อยู่ในท่ายืน มือขวาชูกำปั้น มือซ้ายถือเข็มขัดแชมป์โลก[13] โดยประติมากรผู้ปั้นรูปโผน คือ นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2549[14]

นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่ตั้งชื่อให้เกียรติกับโผน คือ "น้ำตกโผนพบ" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย โดยโผนได้เคยมาฟิตซ้อมบนภูกระดึงเพื่อให้เคยชินกับอากาศของต่างประเทศ ก่อนเดินทางไปแข่งขัน จึงได้ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่โผน กิ่งเพชร[15]

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ boxrec.com
  2. ^ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 ทรงวิทย์ ดลประสิทธิ์. โผน กิ่งเพชร ผู้บุกเบิกตำแหน่งแชมป์โลกของไทย. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 5(6): เมษายน 2527 หน้า 88-97
  3. ^ อาว์สังข์ สุดเสียง. เรื่องเก่าเล่าใหม่:สนอง ร.ส.พ. หนึ่งเดียวที่โผนกิ่งเพชรไม่กล้าทาบ. นิตยสารมวยโลก. เล่มที่ 1128 เมษายน 2539 หน้า 40 - 43
  4. ^ รายชื่อภาพยนตร์ไทย พ.ศ. 2503
  5. ^ 5.0 5.1 อัศศิริ ธรรมโชติ. โผนรำลึก. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 5(6) เมษายน 2527 หน้า 100 - 103
  6. ^ พล นิกร กิมหงวน ตอน ไปเชียร์โผน
  7. ^ 7.0 7.1 โดม สุขวงศ์. เปิดอนุสาวรีย์ โผน กิ่งเพชร 16 เมษายน 2535. ศิลปวัฒนธรรม. ปี่ที่ 13(6): 121-126 เมษายน 2535
  8. ^ 8.0 8.1 คนเหล็ก. ย้อนอดีตมวยดัง:มาซาฮิโกะ ไฟติ้ง ฮาราด้า ผู้เขี่ยโผนหล่นจากบัลลังก์โลก. นิตยสารมวยโลก. เล่มที่ 1197 สิงหาคม 2550 หน้า 40 -41
  9. ^ ท่านปลัด. เรื่องเก่าเล่าใหม่: 2 ศึกชิงแชมป์โลกที่ลืมไม่ลง. นิตยสารมวยโลก. เล่มที่ 1132 พฤษภาคม 2549 หน้า 19-21
  10. ^ อาว์สังข์ สุดเสียง. เรื่องเก่าเล่าใหม่:โผน VS เอบิฮาร่าที่โตเกียว ...โผนถูกน็อกยกแรก. นิตยสารมวยโลก. ฉบับที่ 1135 หน้า 18-21 มิถุนายน 2549
  11. ^ สถิติการชก boxrec.com (อังกฤษ)
  12. ^ ขอเชิญร่วมระลึกละครกันตนา-ททบ.5 ก่อนที่สิ่งดีๆจะมาถึง
  13. ^ เอกรินทร์ พึ่งประชา. โผน กิ่งเพชร "เพชร" เฉิดฉายที่ชายหาดหัวหิน. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 13 (6): 128-132. เมษายน 2535
  14. ^ ลำดับเหตุการณ์กว่าจะเป็นบ้านพิพิธภัณฑ์
  15. ^ คำเล่าขานกับตำนานภูกระดึง se-ed.net

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

สมัยก่อนหน้า โผน กิ่งเพชร สมัยถัดไป
ปาสคาล เปเรซ 2leftarrow.png แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท
(16 เม.ย. 2503 - 10 ต.ค. 2505)
2rightarrow.png ไฟติ้ง ฮาราด้า
ไฟติ้ง ฮาราด้า 2leftarrow.png แชมป์ WBC,WBA รุ่นฟลายเวท
(12 ม.ค. 2506 - 18 ก.ย. 2506)
2rightarrow.png ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า
ฮิโรยูกิ เอบิฮาร่า 2leftarrow.png แชมป์ WBC,WBA รุ่นฟลายเวท
(23 ม.ค. 2507 - 23 เม.ย. 2508)
2rightarrow.png ซัลวาโตเร่ เบอร์รูนี่