เบนาซีร์ บุตโต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เบนาซีร์ บุตโต
เบนาซีร์ บุตโต

นายกรัฐมนตรีคนที่ 12 และ 16 ของปากีสถาน
ดำรงตำแหน่ง
18 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 – 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
ประธานาธิบดี Wasim Sajjad
และ Farooq Leghari
สมัยก่อนหน้า Muhammad Khan Junejo
สมัยถัดไป Ghulam Mustafa Jatoi
ดำรงตำแหน่ง
2 ธันวาคม พ.ศ. 2531 – 6 สิงหาคม พ.ศ. 2533
ประธานาธิบดี Ghulam Ishaq Khan
สมัยก่อนหน้า Muhammad Khan Junejo
สมัยถัดไป Ghulam Mustafa Jatoi

เกิด 21 มิถุนายน พ.ศ. 2496
การาจี, ปากีสถาน
ถึงแก่อสัญกรรม 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550 (อายุ 54 ปี)
ราวัลพินดี, ปากีสถาน
สังกัดพรรค พรรคประชาชนปากีสถาน
สมรสกับ Asif Ali Zardari
ศาสนา ศาสนาอิสลาม นิกายชีอะหฺ

เบนาซีร์ บุตโต (อูรดู: بینظیر بھٹو, อังกฤษ: Benazir Bhutto, IPA: [beːnəziːr bɦʊʈːoː]) เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศปากีสถาน และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอิสลาม โดยดำรงตำแหน่ง 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2531 - 2533 และ พ.ศ. 2536 - 2539

เนื้อหา

[แก้] ประวัติ

นางเบนาซีร์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1953 เป็นบุตรสาวของ ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี)อดีตประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 1971 ถึง 1977 ที่ถูกรัฐประหารและประหารชีวิตโดย นายพลมูฮัมหมัด เซีย-อุล-ฮัค

เธอลี้ภัยไปยังสหราชอาณาจักรในปี 1984 และได้ตั้งที่ทำการพรรคประชาชนปากีสถาน (Pakistan's People's Party – PPP) และขึ้นทำหน้าที่ผู้นำพรรคแทนนาง เบกุม นุสรัต บุตโต แม่ของเธอ

บุตโตเดินทางกลับสู่ปากีสถานในปี 1986 และชนะการเลือกตั้งและเพียงสองปีหลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน ด้วยวัย 35 ปี

นางเบนาซีร์ สำเร็จการศึกษาทางด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สมรสกับ อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี

[แก้] การเมือง

เบนาซีร์ บุตโต กลับเข้าปากีสถานในปีค.ศ. 1977 และ กลายเป็นผู้นำพรรคพีพีพี หลังจากบิดาถูกประหารชีวิตในปี 1979 เบนาซีร์ บุตโต เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกจากการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1988 จนกระทั่งปีค.ศ. 1990 ก็ถูกสั่งถอดถอนด้วยข้อหาคอร์รัปชั่นแต่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยสองอีกครั้งในปี 1993 หลังจาก นาวาซ ชารีฟ ถูกบังคับให้ลาออกภายหลังทะเลาะกับประธานาธิบดี ปี 1999 บุตโตและอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามี ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปีและปรับเงินจำนวน 8 ล้าน 6 แสนเหรียญสหรัฐ ด้วยข้อหารับเงินจากบริษัทสัญชาติสวิสเพื่อติดสินบนในการหลบเลี่ยงภาษี ศาลสูงกลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเวลาต่อมา และตัวเธอเองยืนยันว่าข้อกล่าวหาต่างๆ ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายตรงข้าม ภาพลักษณ์ของเธอในฐานะผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยถูกโจมตีด้วยข้อหาคอร์รัปชั่น และฟอกเงิน แต่การเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้านประธานาธิบดีก็มีส่วนผลักดันเธอไปสู่ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน บุตโต ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการขาดธรรมาภิบาลและเล่นการเมืองเพื่อตอบสนองตัวเอง

บุตโตลี้ภัยการเมืองอยู่ในดูไบตั้งแต่ปี 1998 และเดินทางกลับสู่ปากีสถานเพื่อรณรงค์หาเสียงเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2007 เพื่อลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า โดยหวังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3

ก่อนที่บุตโต จะเดินทางกลับสู่ปากีสถาน เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ ประธานาธิบดีได้ลงนามนิรโทษกรรมบรรดานักการเมือง เพื่อเปิดทางให้กับการเจรจาจัดสรรอำนาจกับนางบุตโต

เมื่อมูชาร์ราฟ ประกาศภาวะฉุกเฉิน แรงกดดันก็ตกอยู่แก่ฝ่ายนางบุตโต และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางในฐานะผู้นำฝ่ายค้านและมูชาร์ราฟตกอยู่ภายใต้ภาวะตึงเครียด

ภายใต้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอประณามการปราบปรามสื่ออย่างรุนแรงของมูชาร์ราฟ ทั้งประกาศด้วยว่า จะไม่มีทางทำงานร่วมกับนายมูชาร์ราฟเด็ดขาด อีกทั้งประกาศว่าต้องการโค่นอำนาจของนายมูชาร์ราฟลงจากตำแหน่งผู้นำกองทัพ และประธานาธิบดีตามลำดับ

หลังยืนยันว่าจะไม่ทำข้อตกลงร่วมกับมูชาร์ราฟ เธอหันมาจับมือกับศัตรูทางการเมืองอันยาวนาน นาวาซ ชาร์รีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกโค่นอำนาจลงโดยมูชาร์ราฟ

หลังลี้ภัยในต่างประเทศถึง 8 ปี ในวันที่ 18 ตุลาคม เมื่อเบนาซีร์ บุตโต เดินทางกลับสู่มาตุภูมิเพื่อจะรณรงค์หาเสียงเพื่อขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 3 เธอได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลามจากประชาชนเรือนแสนกลางกรุงการาจี ซึ่งสนับสนุนพรรคประชาชนปากีสถาน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่มันก็จบลงด้วยโศกนาฎกรรมที่มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 139 คน เธอไม่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนั้น แต่ 27 ธันวาคม คือวันปฏิบัติการที่มีชีวิตของเธอเป็นเป้าหมาย บรรลุผล และเธอต้องจบชีวิตลง หลังเกิดเหตุมือระเบิดพลีชีพ ระหว่างการหาเสียงที่เมืองราวัลพินดี และเธอถูกยิงเข้าที่ลำคอ [1]

[แก้] ทายาททางการเมือง

หลังการเสียชีวิตของนางเบนาซีร์ พรรคพีพีพีได้เลือกนายอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี สามีของนางเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่นายซาร์ดารีปฏิเสธ และเสนอให้นายบิลาวัล บุตโต ซาร์ดารี บุตรชายเป็นผู้รับตำแหน่งแทน โดยเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติงานแทนหัวหน้าพรรค จนกระทั่งนายบิลาวัล บุตโต ซาร์ดารี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2553

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] อ้างอิง

Commons:Category
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
เบนาซีร์ บุตโต
  1. ^ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000154476
Crystal Clear app Login Manager.png เบนาซีร์ บุตโต เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ เบนาซีร์ บุตโต ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ