อำเภอพนัสนิคม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
|
อำเภอพนัสนิคม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดชลบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา
เนื้อหา |
[แก้] ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอพนัสนิคมตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดชลบุรี ห่างจากตัวจังหวัดไปทางตะวันออกประมาณ 22 กิโลเมตรตามเส้นทางถนนสุขประยูร มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแปลงยาวและอำเภอบ้านโพธิ์ (จังหวัดฉะเชิงเทรา)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเกาะจันทร์
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ่อทองและอำเภอบ้านบึง
- ทิศตะวันตก จรดอำเภอพานทอง
[แก้] ประวัติศาสตร์
พนัสนิคมเป็นเมืองโบราณซึ่งเคยรุ่งเรืองเมื่อสมัยประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว หรือสมัยที่ขอมยังเรืองอำนาจอยู่ในอาณาจักรสุวรรณภูมิ จากหลักฐานต่าง ๆ น่าเชื่อถือว่าเมืองที่รุ่งเรืองดังกล่าวชื่อ "เมืองพระรถ"
พนัสนิคมตั้งขึ้นเป็นเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2440 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคและจัดระเบียบการปกครองใหม่เป็นมณฑล จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน จึงโปรดเกล้าฯให้เมืองพนัสนิคม เมืองบางละมุง และเมืองบางปลาสร้อยรวมกัน และเมืองพนัสนิคมจึงเป็นอำเภอของชลบุรีเมื่อปี พ.ศ. 2447 ตั้งแต่นั้นมา
โดยอาณาเขตอำเภอพนัสนิคมเดิมนั้นต่อมาได้แยกออกไปเป็นอำเภอใหม่ในจังหวัดชลบุรี ดังนี้
- ตำบลคลองพลู เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอพนัสนิคม ก่อนที่จะโอนมาขึ้นกับอำเภอบ้านบึงเมื่อ พ.ศ. 2418 และได้ยกฐานะเป็นอำเภอหนองใหญ่ในเวลาต่อมา
- ตำบลบ่อทอง เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอพนัสนิคม โดยต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอบ่อทอง เมื่อ พ.ศ. 2528
- ตำบลเกาะจันทร์ และตำบลท่าบุญมี เดิมขึ้นอยู่กับอำเภอพนัสนิคม โดยต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอเกาะจันทร์ เมื่อ พ.ศ. 2550
กล่าวคืออำเภอพนัสนิคมแต่เดิมมีฐานะเป็นเมืองพนัสนิคม จนถึง พ.ศ. 2447 ได้รวมเมืองพนัสนิคม เมืองบางละมุง และเมืองปลาสร้อย เป็นจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน
"พนัสนิคม" ซึ่งเป็นชื่อของอำเภอที่เรียกใช้ในทางราชการทุกวันนี้ ชาวบ้านมักเรียกไปอีกอย่างหนึ่งว่า "เมืองเก่า" การที่เรียกเช่นนี้ เพราะว่าที่ตั้งอำเภอพนัสนิคมนี้เคยเป็นเมืองมาแต่ก่อนในอดีต ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากเรื่อยมาซึ่งจะนำประวัติศาสตร์การตั้งเมืองพนัสนิคมดังต่อไปนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 2367 ได้ทรงจัดการปกครองบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยใน พ.ศ. 2368 จึงได้โปรดยกตำบล บ้าน ขึ้นเป็นเมือง รวม 27 เมือง ในจำนวนนี้ ได้ยกหมู่บ้านแดนป่าพระรศขึ้นเป็นเมืองเรียกว่าเมืองพนัสนิคม เมืองเหล่านี้โดยจัดเป็นหัวเมืองชั้นตรี
เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ขณะนั้นเจ้าอนุสุริยวงษ์หรือพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 หรือเรียกสั้นๆว่าเจ้าอนุวงศ์ เจ้าประเทศราชครองกรุงเวียงจันทน์ ราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ซึ่งเป็นประเทศราชของราชอาณาจักรสยาม มาแต่ครั้งสมัยกรุงธนบุรี โดยใน พ.ศ. 2321ได้มีพระราชสาส์นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานครอบครัวชาวเวียงจันทน์ซึ่งสยามได้กวาดต้อนเป็นเชลยมาแต่ครั้งเมื่อตีกรุงเวียงจันทน์ได้ในครั้งแรกและได้ตั้งครัวเรือนทำมาหากินอยู่ที่เมืองสระบุรีอย่างหนึ่ง กับขอละครผู้หญิงของสยามในราชสำนักสยามอย่างหนึ่ง แต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรดประทานให้ จึงเป็นเหตุให้เจ้าอนุวงศ์ทรงโกรธ
โดยพอดี เฮนรี เบอร์นี ราชทูตอังกฤษได้เข้ามาติดต่อกับราชสำนักสยาม ในกรณีขอให้สยามช่วยรบพม่าเพราะขณะนั้นอังกฤษกับพม่ากำลังมีเรื่องกัน แต่สยามยังมิได้ตัดสินใจแต่อย่างใดเรื่องการบ้านการเมืองระหว่างสยามกับอังกฤษในตอนนี้ คงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งแก่ราชอาณาจักรสยาม เจ้าอนุวงศ์ทรงเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ทรงเข้าใจว่าอังกฤษจะยกทัพมาตีกรุงเทพฯ ทรงเห็นเป็นโอกาสจึงได้คิดตั้งแข็งเมืองทันที เมื่อได้ตั้งแข็งเมืองแล้วยังทรงไม่เป็นที่พอพระทัย เจ้าอนุวงศ์ทรงได้แต่งให้เจ้าราชวงษ์ (เหง้า) ยกทัพมาตามแควป่าสักจนถึงเมืองสระบุรี เพื่อกวาดต้อนชาวเวียงจันทน์เดิมที่สระบุรีกลับไป ส่วนเจ้าอนุวงศ์ทรงยกมาอีกทัพหนึ่งทางนครราชสีมา ในการยกทัพลงมานี้เจ้าอนุวงศ์ทรงใช้คำลวงเมืองต่างๆที่ผ่านมาว่า สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามทรงรับสั่งให้ยกทัพมาเพื่อช่วยป้องกันราชอาณาจักรสยามเพราะรบกับอังกฤษ การติดต่อระหว่างหัวเมืองต่างๆกับกรุงเทพฯในขณะนั้นติดต่อกันได้ยาก บรรดาเจ้าเมืองต่างๆจึงพากันหลงเชื่อถ้อยคำไม่มีผู้ใดขัดขวาง การเดินทัพของเจ้าอนุวงศ์จึงมาได้โดยง่าย เจ้าอนุวงศ์ได้ยกทัพมาตั้งอยู่ในนครราชสีมา กรมการเมืองก็จัดการรับรอง
พฤติการณ์ที่เจ้าอนุวงศ์ทรงคิดกบฎแข็งเมืองต่อราชอาณาจักรสยามครั้งนี้ ได้เป็นที่ไม่พอใจของท้าวพญาและชาวเวียงจันทน์ด้วยกันเอง ได้แก่พระอินทอาษาหรือท้าวทุม ชาวเวียงจันทน์ ไม่เข้าด้วยกับพวกเจ้าอนุวงศ์จึงได้รวบรวมท้าวพญาและเหล่าครอบครัวชาวลาวเวียงจันทน์ พากันเดินทางจากกรุงเวียงจันทน์เข้ามาสู่ราชอาณาจักรสยามจนถึงกรุงเทพฯ เพื่อขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดรับไว้และจัดให้ออกไปตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ชายเมืองระหว่างเมืองชลบุรีกับเมืองฉะเชิงเทราต่อกัน
พระอินทอาษากับเหล่าท้าวพญาและครอบครัวชาวลาวกรุงเวียงจันทน์ เมื่อได้รับพระราชทานที่ทางทำมาหากินเช่นนั้น ก็พากันขมักเขม้นสร้างที่ดินซึ่งขณะนั้นเป็นป่าอยู่ทั่วๆไป ได้ประกอบการทำมาหากินโดยซื่อสัตย์สุจริต จนตั้งหลักฐานเป็นหมู่บ้านใหญ่มีผู้คนอยู่กันเป็นปึกแผ่นแน่นหนาและเรียกชื่อในขณะนั้นว่าบ้านแดนป่าพระรศตามนิยายเก่าเรื่องพระรถ-เมรี
เมื่อมีผู้คนพลเมืองมากขึ้นเพื่อสะดวกแก่การปกครอง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้ยกหมู่บ้านแดนป่าพระรศ ขึ้นเป็นเมืองเรียกว่า "เมืองพนัสนิคม" เป็นชื่อฟังเพราะเหมาะสม และมีความหมาย ที่ได้ความอยู่ในตัว คือ "พนัส" แปลว่าป่า นิคมแปลว่าหมู่บ้านใหญ่หรือตำบล เมื่อรวมความตามศัพท์ พนัสนิคม ก็แปลได้ใจความว่า หมู่บ้านใหญ่หรือตำบลที่มีภูมิประเทศเป็นป่า ในเรื่องการปกครองเมื่อได้ยกแดนป่าพระรศซึ่งพระอินทอาษาได้พาพรรคพวกมาตั้งภูมิลำเนาแล้ว โปรดเกล้าให้ตั้งพระอินทอาษาเป็นผู้ปกครองเมือง เรียกกันในสมัยนั้นว่าผู้สำเร็จราชการเมืองพนัสนิคม และให้เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองโดยการสืบสายสกุล เมืองพนัสนิคมได้มีผู้สำเร็จราชการสืบสายสกุลกันมาได้ 4 ชั่วอายุ คือ
- 1) พระอินทอาษา หรือท้าวทุม ผู้สำเร็จราชการเมืองพนัสนิคมคนแรก และต้นตระกูลทุมมานนท์ ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว นามสกุลพระราชทานที่ ๑๔๐๕ "ทุมมานนท์" {Dummananda เขียนแบบโรมัน)
- 2) ท้าวทุมมานนท์ ได้รับพระราชทานพระบรรดาศักดิ์เป็นพระอินทราษา
- 3) หลวงภักดีสงคราม (ผิว ทุมมานนท์)
- 4) ท้าวบุญจันทร์ ทุมมานนท์
พนัสนิคมได้ตั้งเป็นเมืองตลอดมาจนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2447 ได้ทรงปรับปรุงการปกครองประเทศใหม่ ทรงโปรดให้เมืองพนัสนิคมเป็นอำเภอพนัสนิคมขึ้นอยู่ในความปกครองของจังหวัดชลบุรี โดยรวมระยะเวลาที่พนัสนิคมได้ตั้งเป็นเมืองมีเจ้าเมืองประมาณ 80 ปี
ตำแหน่งนายอำเภอพนัสนิคมคนแรกคือ หลวงสัจจพันธ์คีรี ศรีรัตนไพรวัน เจฏิยาสัน คามวาสี นพ-คูหาพนมโขลน นามเดิมว่า บัว ไม่ทราบนามสกุล ได้เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ร.ศ.123 (ตรงกับ พ.ศ. 2447) และได้มีการย้ายสับเปลี่ยนจนถึงปัจจุบันนี้
[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอพนัสนิคมแบ่งออกเป็น 20 ตำบล แต่ละตำบลแบ่งย่อยออกเป็นหมู่บ้านรวม 185 หมู่บ้าน
1. | ตำบลพนัสนิคม | (Phanat Nikhom) | 11. | ตำบลท่าข้าม | (Tha Kham) | |||||||
2. | ตำบลหน้าพระธาตุ | (Na Phra That) | 12. | ตำบลหนองปรือ | (Nong Prue) | |||||||
3. | ตำบลวัดหลวง | (Wat Luang) | 13. | ตำบลหนองขยาด | (Nong Khayat) | |||||||
4. | ตำบลบ้านเซิด | (Ban Soet) | 14. | ตำบลทุ่งขวาง | (Thung Khwang) | |||||||
5. | ตำบลนาเริก | (Na Roek) | 15. | ตำบลหนองเหียง | (Nong Hiang) | |||||||
6. | ตำบลหมอนนาง | (Mon Nang) | 16. | ตำบลนาวังหิน | (Na Wang Hin) | |||||||
7. | ตำบลสระสี่เหลี่ยม | (Sa Si Liam) | 17. | ตำบลบ้านช้าง | (Ban Chang) | |||||||
8. | ตำบลวัดโบสถ์ | (Wat Bot) | 18. | ตำบลโคกเพลาะ | (Khok Phlo) | |||||||
9. | ตำบลกุฎโง้ง | (Kut Ngong) | 19. | ตำบลไร่หลักทอง | (Rai Lak Thong) | |||||||
10. | ตำบลหัวถนน | (Hua Thanon) | 20. | ตำบลนามะตูม | (Na Matum) |
[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอพนัสนิคมประกอบด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น 20 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลเมืองพนัสนิคม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพนัสนิคมทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลหมอนนาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหมอนนางทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหน้าพระธาตุ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหน้าพระธาตุทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลวัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเซิด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านเซิดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาเริก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาเริกทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสระสี่เหลี่ยม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสระสี่เหลี่ยมทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลวัดโบสถ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดโบสถ์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกุฎโง้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกุฎโง้งทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหัวถนน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหัวถนนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าข้ามทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปรือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองปรือทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขยาด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองขยาดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งขวาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งขวางทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหียง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองเหียงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาวังหิน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาวังหินทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านช้างทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโคกเพลาะ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโคกเพลาะทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลไร่หลักทอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไร่หลักทองทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนามะตูม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนามะตูมทั้งตำบล
[แก้] พระพุทธรูปประจำเมือง
[แก้] ประเพณีท้องถิ่น
- ประเพณีงานบุญกลางบ้าน
[แก้] สถานที่สำคัญ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และแหล่งโบราณคดี
- พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี (พระพนัสบดี) (โบราณวัตถุ)
- พระพุทธรูปปางมารวิชัย (พระพุทธรูปมิ่งเมือง) พนัสนิคม (โบราณวัตถุ)
- พระพุทธรูปปางมารวิชัย (หลวงพ่อติ้ว) (โบราณวัตถุ)
- โบราณสถาน เมืองพระรถ (พนัสนิคม) และแหล่งโบราณคดีโบราณสถานนอกเมืองพระรถ
- โบราณสถาน สระน้ำ (สระสี่เหลี่ยม)
- โบราณสถานเนินดินโคกพนมดี
- โบราณสถาน วัดโบสถ์
- โบราณสถาน หอไตรวัดใต้ต้นลาน และแหล่งโบราณคดีวัดใต้ต้นลาน
- โบราณวัตถุ โค ชนิดหิน (วัดหน้าพระธาตุ)
- แหล่งโบราณคดี วัดหัวถนน
- แหล่งโบราณคดีหนองใน
- แหล่งโบราณคดีที่ฝังศพโบราณบ้านเหนือ
- แหล่งโบราณคดีบ้านบนเนิน
- แหล่งโบราณคดีโคกพุทรา
- ตลาดเครื่องจักสานพนัสนิคม
- ค้างคาวแม่ไก่ วัดหลวงพรหมวาส
- ถ้ำนางสิบสอง
[แก้] สถานศึกษา
- โรงเรียนพนัสพิทยาคาร
- โรงเรียนอนุบาลพนัสศึกษาลัย
- โรงเรียนวัฒนานุศาสน์
- โรงเรียนอุทกวิทยาคม
- โรงเรียนทุ่งเหียงพิทยาคม
- โรงเรียนหัวถนนวิทยา
- วิทยาลัยการอาชีพพนัสนิคม
[แก้] ตำนานเมืองพระรถ
- วรรณคดีและตำนานพระรถ-เมรี
[แก้] นามสกุลพระราชทานที่เกี่ยวข้องกับอำเภอพนัสนิคม
[แก้] ดูเพิ่ม
- โรงพยาบาลพนัสนิคม กระทรวงสาธารณสุข
- ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 19 อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
- สนามกีฬาและศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองพนัสนิคม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์จังหวัดชลบุรี
- อำเภอพนัสนิคม
- หนังสือพิทยานุสรณ์ พ.ศ. 2499
- สถานที่ท่องเที่ยว อำเภอพนัสนิคม
- สถานที่ต่างๆ อำเภอพนัสนิคม
- โรงเรียนพนัสพิทยาคาร
- พระรถเมรี
|