สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระปรมาภิไธย | สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโต |
พระอิสริยยศ | สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ญี่ปุ่น |
ระยะครองราชย์ | 7 มกราคม พ.ศ. 2532 - ปัจจุบัน |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะ |
พระราชสมภพ | 23 ธันวาคม พ.ศ. 2476 (อายุ 76 ปี) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น[1] |
พระราชบิดา | สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะ |
พระราชมารดา | สมเด็จพระจักรพรรดินีโคจุน |
พระอัครมเหสี | สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ |
พระราชโอรส/ธิดา | มกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะ เจ้าฟ้าชายฟุมิฮิโตะ อะกิชิโนะ ซายาโกะ คุโรดะ |
พระราชวงศ์ญี่ปุ่น |
---|
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ |
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโต (ญี่ปุ่น: 明仁 Akihito ?) เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น และเป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 125 ตั้งแต่โบราณกาลของญี่ปุ่น ในปัจจุบันนี้พระองค์ทรงเป็นพระประมุขเพียงพระองค์เดียวในโลกที่ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิ
ในญี่ปุ่น การเอ่ยถึงพระจักรพรรดิ จะเรียกพระนามของพระองค์โดยตรงไม่ได้ เช่นเดียวกับในประเทศไทย แต่จะเอ่ยถึงพระองค์ว่า เทนโน เฮคะ (ญี่ปุ่น: 天皇陛下 tennō heika ?) หรือ สมเด็จพระจักรพรรดิ และรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตจะเรียกว่า ยุคเฮเซ (ญี่ปุ่น: 平成 Heisei ?) หลังจากที่สิ้นยุคของพระองค์แล้ว เราก็อาจจะขนานพระนามพระองค์ว่า จักรพรรดิเฮเซ
เนื้อหา |
[แก้] พระราชประวัติ
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต พระราชสมภพเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ณ พระราชวังอิมพีเรียล กรุงโตเกียว พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอลำดับที่ 5 ใน 7 พระองค์ ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต (จักรพรรดิโชวะ) และสมเด็จพระจักรพรรดินีนางาโกะ (จักรพรรดินีโคจุน) แต่ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โต พระองค์ทรงดำรงพระยศเดิมเป็น เจ้าชายสึงุ (ญี่ปุ่น: 継宮 Tsugu-no-miya ?)
อนึ่ง สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์นี้ทรงเป็นพระญาติของ เจ้าหญิงบังจา (เกาหลี: 방자) มกุฎราชกุมารีองค์สุดท้ายของราชวงศ์เกาหลี
ตามลำดับการสืบสันตติวงศ์ของญี่ปุ่น พระองค์ทรงเป็นรัชทายาทอันดับ 1 ของราชบังลังก์เบญจมาศตั้งแต่ประสูติ และทรงเข้าพระราชพิธีแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร (ญี่ปุ่น: 立太子の礼 Rittaishi-no-rei ?) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494
ในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2502 มกุฎราชกุมารอากิฮิโตทรงอภิเษกสมรสกับนางสาวมิชิโกะ โชดะ การอภิเษกสมรสครั้งนี้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้ญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นการอภิเษกของสตรีสามัญชนครั้งแรกกับราชวงศ์ญี่ปุ่น ทำให้นางสาวโชดะกลายเป็น มกุฎราชกุมารีมิชิโกะ
ในวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2532 สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะเสด็จสวรรคต เจ้าฟ้าชายอากิฮิโต มกุฎราชกุมาร ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 125 ของญี่ปุ่นต่อทันที ตามโบราณราชประเพณี และมีการมอบของสามสิ่งในพระราชพิธีนั้น
ในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต เข้าพระราชพิธีอภิเษกเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และทรงสถาปนาเจ้าฟ้าหญิงมิชิโกะ มกุฎราชกุมารี ขึ้นเป็น สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะ
[แก้] พระราชโอรสและพระราชธิดา
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 3 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าฟ้าชายนะรุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 皇太子德仁親王 โคไตชินะรุฮิโตะ ?) ประสูติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 ปัจจุบันเสกสมรสแล้วกับนางสาวโอวะดะ มะซะโกะ มีพระราชธิดาด้วยกัน 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงไอโกะ
- เจ้าฟ้าชายฟุมิฮิโตะ อะกิชิโนะ (ญี่ปุ่น: 秋篠宮文仁親王 อะกิชิโนะ-โนะ-มิยะ ฟุมิฮิโตะ ชินโน ?) ประสูติเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ปัจจุบันเสกสมรสแล้วกับนางสาวคะวะชิมะ คิโกะ มีพระโอรส และพระธิดาด้วยกัน 3 คน ได้แก่ เจ้าหญิงมะโกะ อะกิชิโนะ, เจ้าหญิงคะโกะ อะกิชิโนะ และเจ้าชายฮิซะฮิโตะ อะกิชิโนะ
- อดีตเจ้าฟ้าหญิงโนะริ (ญี่ปุ่น: 紀宮 清子内親王 โนะริ-โนะ-มิยะ ซะยะโกะ ไนชินโน ?) หรือ เจ้าหญิงซายาโกะ ประสูติเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2512 ต่อมามาสมรสกับสามัญชนนามว่า นายคุโรดะ โยชิกิ เจ้าหญิงจึงต้องสละฐานันดรศักดิ์ตามกฏมณเฑียรบาลของญี่ปุ่น และเปลี่ยนชื่อเป็น ซายาโกะ คุโรดะ (ญี่ปุ่น: 黒田 清子 คุโระดะ ซะยะโกะ ?)
[แก้] พระอัจฉริยภาพทางด้านมีนวิทยา
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์น้ำผู้หนึ่ง ทรงศึกษาวิชามีนวิทยา จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย Gakushuin กรุงโตเกียว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ได้ทรงเสด็จมายังประเทศไทย และทรงทูลเกล้าถวายปลานิลจำนวน 50 ตัว แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนั้นได้ทรงโปรดเกล้า ให้ทดลองเลี้ยงปลานิลในบ่อสวนจิตรลดา เป็นหนึ่งโครงการในโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ซึ่งการทดลองเลี้ยงนับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง จนปัจจุบัน ปลานิลกลายเป็นหนึ่งในปลาเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย โดยก่อนหน้านั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถทรงนำ เจ้าชายอากิฮิโต มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น และเจ้าหญิงมิชิโกะ พระชายา (พระอิสริยยศขณะนั้น) ได้เสด็จทอดพระเนตรกิจการ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2507
นอกจากนี้แล้ว ยังทรงค้นพบปลาในตระกูลปลาบู่ทะเลชนิดใหม่ ต่อมาได้มีการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Exyrias akihito ซึ่งชื่อสายพันธุ์ของปลาชนิดนี้ได้ถูกตั้งตามพระนามของพระองค์ด้วย
[แก้] ราชตระกูล
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ |
พระชนก: สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะ |
พระอัยกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระจักรพรรดิไทโช |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ |
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: พระสนมยะนะงิวะระ นะรุโกะ |
|||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนก: สมเด็จพระจักรพรรดินีเทเม |
พระปัยกาฝ่ายพระชนก: เจ้าชายคุโจ มิชิทะกะ แห่งตระกูลฟูจิวาระ |
||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: คุณหญิงอิกุโกะ โนะมะ |
|||
พระชนนี: สมเด็จพระจักรพรรดินีโคจุน |
พระอัยกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าชายคุนิโยะชิ คุนิ |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าชายอะซะฮิโกะ คุนิ |
|
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: คุณหญิงมะกิโกะ อิซุเมะ |
|||
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าหญิงชิมะสุ ชิกะโกะ แห่งซัตสึมะ |
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าชายชิมะสุ ทะดะโยะชิ ไดเมียวคนที่ 29 และคนสุดท้ายแห่งซัตสึมะ, โอซุมิ และเฮียวกะ |
||
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: คุณหญิงซุมะโกะ ฮิโระ |
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] อ้างอิง
สมัยก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะ | จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น (ยุคใหม่) (พ.ศ. 2532 - ปัจจุบัน) |
- |