สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
-
สำหรับความหมายอื่น ดูที่ พระเจ้าอู่ทอง
ราชวงศ์ | ราชวงศ์อู่ทอง |
ครองราชย์ | พ.ศ. 1893 |
ระยะครองราชย์ | 19 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | พระเจ้าบรมราชา (อาณาจักรละโว้ ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง) |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระราเมศวร |
พระพุทธปฏิมา ประจำรัชกาล |
พระพุทธรูปปางประทานเอหิภิกขุ ณ หอราชกรมานุสรณ์ |
สวรรคต | พ.ศ. 1912 |
พระราชชนก | มีหลายตำนาน |
พระราชชนนี | มีหลายตำนาน |
พระมเหสี | ไม่ปรากฏพระนาม (พระกนิษฐาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1) |
พระราชโอรส/ธิดา | - สมเด็จพระราเมศวร |
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ทรงเป็นพระปฐมบรมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 1857 ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของอาณาจักรอยุธยา เมื่อ จุลศักราช 712 ปีขาล โทศก วันศุกร์ เดือนห้า ขึ้นหกค่ำ เวลา 3 นาฬิกา 9 บาท (ตรงกับ พ.ศ. 1893) มีพระนามเต็มว่า สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตร พระเจ้าอยู่หัว และเสด็จสวรรคต เมื่อ ปีระกา เอกศก จุลศักราช 731 (ตรงกับ พ.ศ. 1912) ครองราชสมบัติ 20 ปี ผู้สืบราชพระราชบัลลังก์ต่อคือ สมเด็จพระราเมศวร
เนื้อหา |
พระนาม
- สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตร (พระนามในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์)
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (หลังจากขึ้นครองราชย์)
- พระยาอู่ทอง (ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์)
- สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทร บรมมหาจักรพรรดิศรราชาธิราช (ในโองการแช่งน้ำ(3))
- สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสุนทรบรมจักรพัตราธิราช (ในกฎหมายลักษณะอาญาราษฎร์)
- สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุรินทร บรมจักรพรรดิศร บวรมหาธรรมิกราชาธิราช (ในกฎหมายลักษณะอาญาหลวง)
ที่มาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑
- แนวความคิดที่ ๑
พระเจ้าอู่ทองมาจากอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแนวความคิดของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่ในปัจจุบันแนวความคิดนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากการสำรวจหลักฐานทางโบราณคดีของ อ.มานิต วัลลิโภดม ที่เมืองอู่ทองแล้วพบว่า เป็นศิลปกรรมสมัยทวารวดีตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 ทั้งสิ้น แล้วประมาณอายุเมืองนี้ว่าต้องร้างไปก่อนสมัยสมเด็จพระรามาธิบดี ผู้สร้างพระนครศรีอยุธยาราว 200 ปี ศาสตราจารย์ชอง บวสเซอลิเย่ แห่งมหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศสมาร่วมขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2511 สรุปว่าเมืองอู่ทองโบราณนี้ร้างไปแล้วเป็นเวลาถึง 300 ปีก่อนยุคของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
- แนวความคิดที่ ๒
สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มผู้ปกครองทางเหนือ ในตำนานสิงหนวัติกล่าวว่า พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าพรหมกุมาร มีต้นวงศ์อยู่ที่เมืองเชียงแสนหรือแคว้นโยนกนคร ต่อมาพระเจ้าพรหมได้อพยพมาสร้างเมืองที่เชียงรายหรือเวียงไชยปราการ กษัตริย์ที่เวียงไชยปราการที่ปกครองสืบต่อมาถูกเมืองสุธรรมวดีรุกราน จึงอพยพอยู่แถบบริเวณเมืองไตรตรึงส์สืบต่ออายุมาหลายชั่วคน จนถึงพระเจ้าอู่ทองหรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ที่ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
- แนวความคิดที่ ๓
แนวความคิดที่ว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นชาวจีน เป็นเพียงการอ้างอิงจากพงศาวดารฉบับวันวลิต อีกทั้งก็ไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุน ข้อสันนิษฐานนี้จึงไม่มีน้ำหนักมากพอเช่นกัน
- แนวความคิดที่ ๔
พระเจ้าอู่ทองมาจากเมืองเพชรบุรี(พริบพรี) ที่กล่าวถึงในจดหมายเหตุลาลูแบร์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ รวมถึงยังมีตำนานที่กล่าวอ้างอิงถึงอยู่บ้าง โดยกล่าวว่า สมเด็จพระบรมราชาสถาปนาพระพุทธไตรรัตนนายกได้ 1 ปีก็เสด็จออกผนวช แล้วสถาปนาเจ้าชายวรเชษฐ์ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ครั้นลาสิกขาแล้ว ก็โปรดให้เจ้าชายวรเชษฐ์ไปครองเมืองเพชรบุรี ซึ่งตำนานระบุว่าต่อมาคือสมเด็จพระรามาธบดีที่ 1
- แนวความคิดที่ ๕
พระเจ้าอู่ทองอยู่ที่บริเวณอยุธยานี้เดิมอยู่แล้ว เดิมเป็นเจ้าเมืองอโยธยา เมื่อมีโรคระบาดดังกล่าวก็ได้เสด็จมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณที่เป็นกรุงศรีอยุธยาในปัจจุบัน
- แนวความคิดที่ ๖
พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองลพบุรี โดยอ้างหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรจากชินกาลมาลีปกรณ์ ที่กล่าวถึงกษัตริย์จากเมืองอโยธยปุระเสด็จมาจากเมืองกัมโพชหรือลพบุรีในปัจจุบันมายึดเมืองชัยนาทหรือพิษณุโลกในปัจจุบัน แล้วตั้งขุนนางชื่อวัฏเดชหรือขุนหลวงพะงั่วครองเมืองสุพรรณภูมิ ญาติของวัฏเดชได้อภิเษกกับพระเจ้าอู่ทองแล้วพระองค์ก็ได้เสด็จกลับไปที่เมืองอโยธยปุระ
- ตามหลักฐานและโบราณคดี
ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1ในแนวคิดที่ ๔ ๕ และ ๖ สามารถผนวกรวมกันได้ กล่าวคือ เมื่อพิจารณาตำนานทั้งหลายแล้ว เจ้าชายวรเชษฐ์ ทรงเป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมราชา กษัตริย์แห่งอาณาจักรละโว้ (แนวความคิดที่ ๖) ต่อมาพระราชชนกโปรดให้ไปครองเมืองพริบพรี (แนวความคิดที่ ๔) และหลังจากพระราชชนกเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงกลับมาครองเมืองอโยธยา (แนวความคิดที่ ๕) จากนั้นจึงเกิดโรคระบาด จึงทรงย้ายที่ตั้งเมืองมายังตำแหน่งปัจจุบัน
พระราชกรณียกิจ
การทำสงครามกับเขมร (ในคราวขอมแปรพักตร์)
ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พระองค์ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับแว่นแคว้นต่างๆมากมาย แม้กระทั่ง ขอม ซึ่งก็เป็นมาด้วยดีจนกระทั่งกษัตริย์ขอมทรงสวรรคต พระราชโอรสนาม พระบรมลำพงศ์ ทรงขึ้นครองราชย์ ซึ่งพระบรมลำพงศ์ก็แปรพักตร์ไม่เป็นไมตรีดังแต่ก่อน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีบัญชาให้ สมเด็จพระราเมศวร ยกทัพไปตีกัมพูชา และให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว ทรงยกทัพไปช่วย จึงสามารถตีเมืองนครธมแตกได้ พระบรมลำพงศ์ทรงสวรรคตในศึกครั้งนี้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 จึงแต่งตั้ง ปาสัต พระราชโอรสของพระบรมลำพงศ์เป็นกษัตริย์ขอม
ตรากฎหมาย
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงประกาศใช้กฎหมายถึง 10 ฉบับ ในรัชสมัยของพระองค์ ได้แก่
- พระราชบัญญัติลักษณะพยาน
- พระราชบัญญัติลักษณะอาญาหลวง
- พระราชบัญญัติลักษณะรับฟ้อง
- พระราชบัญญัติลักษณะลักพา
- พระราชบัญญัติลักษณะอาญาราษฎร์
- พระราชบัญญัติลักษณ์โจร
- พระราชบัญญัติเบ็ดเสร็จว่าด้วยที่ดิน
- พระราชบัญญัติลักษณะผัวเมีย
- พระราชบัญญัติลักษณะผัวเมีย (อีกตอนหนึ่ง)
- พระราชบัญญัติลักษณะโจรว่าด้วยโจร
ในประวัติศาสตร์บางแหล่งบอกว่ามีมากกว่านี้ แต่เท่าที่หาหลักฐานได้ มีเพียงเท่านี้เท่านั้น
การศาสนา
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างวัดต่างๆ เช่น
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพุทไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 1876
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดป่าแก้ว เมื่อปี พ.ศ. 1900
- ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระราม เมื่อปี พ.ศ. 1912
พระโอรส
- พระราเมศวร พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา
อ้างอิง
- จิตร ภูมิศักดิ์. ข้อคิดใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา. ดวงกมล : กรุงเทพฯ, 2524.
ดูเพิ่ม
สมัยก่อนหน้า | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ไม่ทราบ | ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อาณาจักรละโว้ (ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง (พ.ศ. 1868 - ไม่ทราบปี)) |
— | ||
พระอินทราชา | กษัตริย์แห่งแคว้นพริบพรี(เพชรบุรี) (ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง (ไม่ทราบปี - 1887)) |
เจ้าสาม | ||
พระเจ้าบรมราชา ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง (พ.ศ. 1853 - 1887) |
กษัตริย์แห่งอาณาจักรละโว้ (ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง (พ.ศ. 1887 - 1893)) |
— | ||
ผู้รั้งเมืองอโยธยา (ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง (พ.ศ. 1887 - 1893)) |
||||
— | พระมหากษัตริย์ แห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์อู่ทอง (พ.ศ. 1893 - 1912)) |
สมเด็จพระราเมศวร ราชวงศ์อู่ทอง (พ.ศ. 1912 - 1913) |
|
|