สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | เดอะแม็กพาย, เดอะทูน | |||
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1892 | |||
สนามกีฬา | เซนต์เจมส์พาร์ค นิวคาสเซิล อังกฤษ (ความจุ: 52,387 คน) |
|||
เจ้าของ | ไมค์ แอชลีย์ | |||
ประธาน | ดีเร็ค แลมเบียส | |||
ผู้จัดการ | คริส ฮิวส์ตัน | |||
ลีก | พรีเมียร์ลีก | |||
2009-10 | เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อันดับที่ 1 | |||
|
สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Newcastle United FC : NUFC) เป็นทีมฟุตบอลอาชีพทีมหนึ่งในฟุตบอลลีกอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เมืองนิวคาสเซิล อัพพอน ไทน์ มีชื่อเล่นของทีมว่า แม็กพายส์ (สาลิกาดง หรือ กางเขนเหล็กในภาษาไทย) แฟนของทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะมีชื่อเรียกว่าเหล่าทูน อาร์มี
ในฤดูกาลปัจจุบัน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เล่นอยู่ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกสูงสุดประเทศอังกฤษ โดยมีคู่แข่งในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยกัน คือ ซันเดอร์แลนด์ (อังกฤษ: Sunderland) และ มิดเดิลสโบรช์ (อังกฤษ: Middlesbrough)
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติสโมสร
-
ดูบทความหลักที่ ประวัติสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1881 ทีมคริกเก็ตสแตนลีย์ได้ตัดสินใจตั้งทีมฟุตบอลขึ้น เพื่อลงเล่นในช่วงที่ฤดูกาลแข่งขันคริกเก็ตปิดตัวลงในฤดูหนาว พวกเขาชนะเกมแรกที่ลงแข่งขันด้วยสกอร์ 5-0 โดยมีคู่แข่งเป็นทีมเอลสวิกเลเธอร์เวิร์คส์ชุดสำรอง หนึ่งปีต่อมา ทีมก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลอีสท์เอนด์
ขณะเดียวกัน ทีมคริกเก็ตอีกทีมหนึ่งในย่านเดียวกันก็ได้เริ่มสนใจที่จะตั้งทีมฟุตบอล จนกระทั่งมีการก่อตั้งสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลเวสท์เอนด์ขึ้น ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1882 โดยในช่วงแรกนั้น พวกเขาใช้สนามคริกเก็ตเดิมเป็นสนามเหย้า ก่อนที่จะย้ายไปลงเตะในเซนต์เจมส์พาร์ค
หลังจากนั้น ได้มีการจัดตั้งฟุตบอลลีกท้องถิ่นขึ้นในปี ค.ศ. 1889 การที่มีลีกอาชีพในบริเวณใกล้เคียงให้ลงเตะ ประกอบกับความสนใจในถ้วยเอฟเอคัพ ทำให้นิวคาสเซิลอีสท์เอนด์เปลี่ยนจากทีมสมัครเล่นมาเป็นทีมอาชีพในปีเดียวกันนั้นเอง แต่ทว่าทางฝั่งนิวคาสเซิลเวสท์เอนด์กลับล้มเหลวที่จะตามรอยทีมเพื่อนบ้านสู่สถานะทีมฟุตบอลอาชีพ จนกระทั่งในช่วงต้นปี ค.ศ. 1892 ผู้บริหารของนิวคาสเซิลเวสท์เอนด์ได้ตัดสินใจที่จะขอเข้าควบกิจการกับนิวคาสเซิล อีสท์ เอนด์ เพื่อมิให้ทีมต้องยุบตัวลงโดยสิ้นเชิง
การควบกิจการเป็นไปด้วยดี ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1892 ชื่อ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด ก็ถูกเลือกให้เป็นชื่อใหม่ของทีม
นิวคาสเซิลสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมาครองได้ถึงสามสมัยในช่วงทศวรรษ 1900s และยังเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพถึง 5 ครั้งใน 7 ฤดูกาล แต่สามารถเป็นแชมป์ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในปี 1910 หลังจากเอาชนะบาร์นสลีย์ไปได้ในการเตะนัดรีเพลย์ที่กูดิสันพาร์ค
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้อีกสมัยโดยการเอาชนะแอสตัน วิลลาในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ นอกจากนั้น นิวคาสเซิลยังเป็นแชมป์ลีกได้อีกหนึ่งสมัยในปี 1927 อีกด้วย
ในช่วงทศวรรษ 1950s นิวคาสเซิลเป็นแชมป์เอฟเอคัพถึง 3 สมัยในช่วงเวลา 5 ปี โดยเอาชนะแบล็กพูล 2-0 ในปี 1951 ชนะอาร์เซนอล 1-0 ในปี 1952 และชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี 3-1 ในปี 1955 โดยทีมนิวคาสเซิลในยุคนั้น มีผู้เล่นชื่อดังอยู่หลายคนด้วยกัน เช่น แจคกี มิลเบิร์น, บ็อบบี มิทเชลล์, และสแตน เซมัวร์
หลังจากตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชันสองอยู่ชั่วขณะ นิวคาสเซิลที่นำโดยผู้จัดการทีม โจ ฮาร์วีย์ ก็ได้เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดในปี 1965 แต่ทว่าฟอร์มของพวกเขาหลังจากนั้นไม่สม่ำเสมอนัก
ทีมของฮาร์วีย์สามารถทำอันดับผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปครั้งแรกในปี 1968 ก่อนจะคว้าแชมป์ถ้วยอินเตอร์-ซิตีส์ แฟร์ส คัพ (หรือถ้วยยูฟ่าคัพในปัจจุบัน) ไปครองอย่างเหนือความคาดหมายในปีถัดมา โดยสามารถเอาชนะทีมใหญ่ในยุโรปของยุคนั้นไปได้หลายราย ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ติง ลิสบอน, เฟเยนูร์ด รอตเตอร์ดัม หรือ รีล ซาราโกซา และปิดท้ายด้วยการคว่ำทีมอุจเพสท์จากฮังการีในรอบชิงชนะเลิศ
นับตั้งแต่ก่อตั้งทีมมา นิวคาสเซิลมักจะมอบเสื้อหมายเลข 9 ให้แก่ผู้เล่นกองหน้าชื่อดังประจำทีม โดยประเพณีนี้ยังคงตกทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับในช่วงเวลานั้น ผู้เล่นที่ได้ใส่เสื้อหมายเลข 9 มีหลายคนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น วิน เดวีส์, ไบรอัน ร็อบสัน, บ็อบบี มอนเคอร์ หรือ แฟรงค์ คลาร์ก
หลังจากประสบความสำเร็จในฟุตบอลสโมสรยุโรป ฮาร์วีย์ก็ได้ดึงตัวผู้เล่นเกมรุกชื่อดังมากมายเข้ามาร่วมทีม นับตั้งแต่ จิมมี สมิธ, โทนี กรีน และเทอร์รี ฮิบบิทท์ ไปจนถึงยอดศูนย์หน้าอย่าง มัลคอล์ม แมคโดแนลด์ เจ้าของฉายา 'ซูเปอร์แมค' ผู้เป็นหนึ่งในตำนานของสโมสร แมคโดแนลด์พานิวคาสเซิลเข้าชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอคัพและลีกคัพกับลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตีในปี 1974 และ 1976 ตามลำดับ แต่พลพรรคแม็กพายส์กลับล้มเหลวในรอบชิงทั้งสองครั้ง
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s นิวคาสเซิลอยู่ในช่วงตกต่ำ โดยได้ตกชั้นลงไปเล่นอยู่ในดิวิชัน 2 อยู่เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่ผู้จัดการทีมอาร์เธอร์ ค็อกซ์จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยมีเควิน คีแกน อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเป็นแกนหลัก จนกระทั่งได้เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุด
หลังจากนั้น นิวคาสเซิลเล่นอยู่ในดิวิชัน 1 จนกระทั่งพวกเขาตกชั้นอีกครั้งในปี 1989
ในปี 1992 เควิน คีแกนได้กลับคืนสู่นิวคาสเซิลอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม เมื่อเขาตอบรับสัญญาระยะสั้น เข้ามาคุมทีมแทนออสซี อาร์ดิเลส ตัวคีแกนเองนั้นกล่าวว่า งานคุมทีมนิวคาสเซิลเป็นงานเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำให้เขาหวนคืนสู่วงการฟุตบอลได้ ในขณะนั้น นิวคาสเซิลกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นอยู่ในดิวิชัน 2 ถึงแม้ว่าจะเพิ่งถูกซื้อกิจการโดยเซอร์ จอห์น ฮอลล์ไปไม่นานก็ตาม
ในฤดูกาลนั้น นิวคาสเซิลสามารถหนีรอดพ้นการตกชั้นไปได้ โดยเปิดบ้านเอาชนะปอร์ทสมัธก่อนจะบุกไปเอาชนะเลสเตอร์ ซิตีในสองเกมสุดท้ายของฤดูกาล
ในฤดูกาลถัดมา (1992-93) ฟอร์มของนิวคาสเซิลเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาเล่นฟุตบอลเกมรุกแบบตื่นตาตื่นใจ จนกระทั่งคว้าชัยชนะในเกมลีก 11 นัดแรก ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์ดิวิชัน 1 และเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกด้วยชัยชนะเหนือกริมสบี ทาวน์ 2-0
นิวคาสเซิลประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดภายใต้การคุมทีมของคีแกน พวกเขาจบฤดูกาล 1993-94 ที่อันดับ 3 และได้รับการตั้งฉายาโดยสื่อมวลชนอังกฤษว่าเป็น "The Entertainers"
ในปีถัดมา นิวคาสเซิลจบฤดูกาลที่อันดับ 6 หลังจากที่ช็อกแฟนบอลด้วยการขายกองหน้าจอมถล่มประตู แอนดี โคล ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์บวกกับคีธ กิลเลสพี ปีกขวาดาวรุ่งชาวไอริช
ในปี 1995-96 นิวคาสเซิลเสริมทีมครั้งใหญ่ โดยดึงตัวผู้เล่นชื่อดังเช่นดาวิด ชิโนลาและเลส เฟอร์ดินานด์มาร่วมทีม พวกเขาเกือบที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แต่ก็ทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์ ทั้งที่ในช่วงคริสต์มาส พวกเขาทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึง 12 คะแนน เกมที่นิวคาสเซิลพ่ายให้กับลิเวอร์พูลไป 3-4 ที่สนามแอนฟิลด์ในฤดูกาลนี้ ได้รับการโหวตให้เป็นเกมยอดเยี่ยมตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
นิวคาสเซิลเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 2 อีกครั้งในปีถัดมา แม้ว่าจะทำการเซ็นสัญญากองหน้าทีมชาติอังกฤษ อลัน เชียเรอร์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวสถิติโลก 15 ล้านปอนด์ สำหรับฤดูกาล 1996-97 นี้ เป็นที่จดจำของแฟนบอลหลายคน เนื่องจากนิวคาสเซิลได้ถล่มเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปด้วยสกอร์ถึง 5-0 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1996
คีแกนลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในเดือนมกราคม ปี 1997 และถูกแทนที่โดยเคนนี ดัลกลิช ซึ่งได้รับเลือกเพื่อมาช่วยแก้ปัญหาเกมรับของทีม ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของปี 1997-98 ดัลกลิชพานิวคาสเซิลเข้าไปเล่นฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และพ่ายต่ออาร์เซนอลในรอบชิงชนะเลิศถ้วยเอฟเอคัพไป 0-2 หลังจากนั้น แฟนบอลก็เริ่มที่จะไม่พอใจกับสไตล์การทำทีมที่เน้นเกมรับของดัลกลิช เมื่อบวกกับผลงานที่ตกต่ำลงของทีม เป็นผลให้ดัลกลิชถูกปลดออกจากตำแหน่งในช่วงต้นฤดูกาล 1998-99
รุด กุลลิทก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อจากดัลกลิช และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอคัพอีกครั้ง ก่อนจะพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปในที่สุด แต่กุลลิทได้ทำการซื้อตัวผู้เล่นราคาแพงหลายคนที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในพรีเมียร์ลีก เช่นมาร์เซลิโน กองหลังชาวสเปน และซิลวิโอ มาริช มิดฟิลด์โครเอเชีย นอกจากนี้กุลลิทยังมีปากเสียงกับผู้เล่นคนสำคัญหลายคนในทีม ทั้งหมดนี้ประกอบกับการเริ่มต้นฤดูกาล 1999-2000 ได้อย่างเลวร้าย ทำให้กุลลิทถูกกดดันให้ลาออกไป
นิวคาสเซิลตัดสินใจแต่งตั้งเซอร์ บ็อบบี ร็อบสัน อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชาวจอร์ดี เข้ามากู้สถานการณ์ของทีม ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในโซนตกชั้น เกมเหย้าเกมแรกของนิวคาสเซิลภายใต้ร็อบสันจบลงด้วยชัยชนะ 8-0 เหนือเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ พร้อมทั้ง 5 ประตูจากกัปตันทีมอลัน เชียเรอร์ ในช่วงที่ร็อบสันคุมทีม นิวคาสเซิลได้สร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยอาศัยนักเตะดาวรุ่งเป็นแกนหลัก ผู้เล่นอย่างคีรอน ดายเออร์, เคร็ก เบลลามี่ และโลรองต์ โรแบร์ ทำให้นิวคาสเซิลกลับมาเป็นทีมระดับหัวแถวของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ฟุตบอลเกมรุกอันน่าตื่นเต้นของพวกเขาทำให้นิวคาสเซิลทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2001-02 จนได้กลับเข้าไปเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และได้เข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของถ้วยเอฟเอคัพและลีกคัพ
ในฤดูกาล 2002-03 นิวคาสเซิลได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นทีมแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่แพ้ในรอบแบ่งกลุ่ม 3 เกมแรกแล้วยังสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ก่อนจะตกรอบแบ่งกลุ่มรอบสอง หลังจากถูกจับฉลากแบ่งสายไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับทีมยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลนาและอินเตอร์ มิลาน ส่วนผลงานในพรีเมียร์ลีกนั้น นิวคาสเซิลก็ยังคงทำได้ดีอย่างสม่ำเสมอ จนจบฤดูกาลในอันดับที่ 3
ต่อมาในฤดูกาล 2003-04 นิวคาสเซิลตกรอบคัดเลือกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหลังพ่ายในการดวลจุดโทษให้กับพาร์ทิซาน เบลเกรด จนต้องตกลงไปเล่นในถ้วยยูฟ่าคัพแทน นิวคาสเซิลจบฤดูกาลในอันดับที่ 5 และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศถ้วยยูฟ่าคัพ ในฤดูกาล2007-2008 นิวคาสเซิ่ลได้แต่งตั้งแซม อัลลาไดซ์ เป็นผู้จัดการทีมและได้มีการซื้อนักแตะเสริมทัพหลายคนเช่น เฌเรมี่,อลัน สมิธ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว6ล้านปอนด์,ดาวิด โรเซนนาล,เคลาดิโอ คาซาป้า,โจอี้ บาร์ตัน เป็นต้นแต่นักเตะที่ซื้อมากับทำผลงานได้ย่ำแย่และทำให้ทีมฟอร์มตกจนไปอยู่ท้ายตารางรวมถึงในเกมส์ในบ้านที่แพ้ลิเวอร์พูล3-0ชนิดว่าไม่มีลุ้นทำให้มีเสียงโห่จากแฟนนิวคาสเซิ่ลจำนวนมากในเซนต์ เจมส์ พาร์คก่อนที่แซมจะโดนปลดออกและแทนที่ด้วยเควิน คีแกนทำให้สร้างขวัญกำลังใจให้กับนักเตะและแฟนบอลจนผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและจบฤดูกาลด้วยอันดับ12
นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2008-09 นิวคาสเซิลบุกไปแพ้แอสตันวิลลา 1-0 ที่วิลลาพาร์ค ทำให้ทีมต้องตกชั้นสู่[[ฟุตบอลลีกแชมเปียนชิพ|ด้วยอันดับ 18 ของตาราง หลังจากตกชั้นได้ไม่นานอลัน เชียเรอร์ ก็หมดสัญญาคุมทีม โดยมีคริส ฮิวจ์ตัน ทำหน้าที่รักษาการแทน หลังจากนั้นทีมต้องเสียนักเตะอย่าง ไมเคิล โอเว่น, มาร์ค วิดูก้า, ดาวิด เอ็ดการ์, โอบาเฟมี มาร์ตินส์,เชย์ กิฟเว่น,เซบาสเตียน บาสซง,เดเมี่ยน ดัฟ และฮาบิบ เบย์ ไปทำให้ทีมเริ่มระส่ำระส่ายมากขึ้นแต่ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่นิวคาสเซิ่ลสามารถคว้านักเตะเสริมทัพได้โดยเป็นแดนนี่ ซิมป์สัน มาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในสัญญายืมตัว ยืมมาร์ลอน แฮร์วู้ดมาจากแอสตัน วิลล่าและเซ็นสัญญาคว้าตัวปีเตอร์ โลเวนครานด์กับฟาบริซ ป็องครัตมาแบบไร้ค่าตัว โดยผลงานของนิวคาสเซิ่ลในนัดเปิดฤดูกาล2009/2010สามารถบุกไปเสมอเวสบรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ 1-1 หลังจากนั้นไม่นานนิวคาสเซิ่ลก็มีข่าวว่าเควิน คีแกนอดีตผู้จัดการทีมและขวัญใจแฟนนิวคาสเซิ่ลได้เรียกร้องเงินชดเชยที่ได้ระบุในสัญญาคุมทีม 3ปีก่อนคีแกนจะลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากโดนแทรกแซงเรื่องการบริหารก่อนที่ศาลตัดสินให้นิวคาสเซิ่ลจ่ายเงินชดเชยจำนวน 2ล้านปอนด์หรือ112ล้านบาทโดยในเหตุการ์ณครั้งนั้นคีแกนไม่พอใจที่โดนเดนนิส ไวส์ ผู้อำนวยการแทรกแซงเรื่องการซื้อขายนักเตะโดยคีแกนไม่พอใจที่ขายเจมส์ มิลเนอร์ กองกลางทีมชาติอังกฤษของทีมให้แอสตัน วิลล่ารวมถึงการซื้อซิสโก้ กองหน้าชาวสเปนและอิ๊กนาซิโอ กอนซาเลซ นักเตะชาวอุรุกวัยโดยไม่ผ่านการตัดสินใจของคีแกน พร้อมกับทางสโมสรพยายามปล่อยตัวโจอี้ บาร์ตัน กองกลางที่พึ่งพ้นโทษออกจากคุกมาโดยที่ขัดแย้งกับคีแกนซึ่งพยายามรั้งตัวไว้หลังจากนั้นนิวคาสเซิลสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจนสามารถคว้าแชมป์ เดอะแชมเปี่ยนชิพมาครองได้สำเร็จและส่วนหนึ่งมาจากแอนดี้ แคร์โรล เด็กปั้นของสโมสรซึ่งทำไป19ประตู เป็นดาวยิงสูงสุดของสโมสร
[แก้] รายชื่อผู้เล่นชุดปัจจุบัน
[แก้] ทีมชุดใหญ่
Note: ธงชาติที่ปรากฎบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
|
[แก้] ทีมชุดสำรอง
-
ดูบทความหลักที่ ชุดสำรองและชุดเยาวชนของสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด
Note: ธงชาติที่ปรากฎบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
|
|
[แก้] การบริหารและการจัดการ
[แก้] คณะผู้บริหาร
อัปเดตล่าสุดเมื่อ 1 เมษายน ค.ศ. 2009.
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
เจ้าของสโมสร | ไมค์ แอชลีย์ |
ประธานกิตติมศักดิ์ | เซอร์ จอห์น ฮอลล์ |
ประธานสโมสร | ดีเร็ค แลมเบียส |
ผู้อำนวยการด้านธุรกิจ | เดวิด วิลเลียมสัน |
ฝ่ายประสานงานด้านเทคนิค | เจฟฟ์ เวเทเร |
[แก้] สต๊าฟโค้ช
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
ผู้จัดการทีม | คริส ฮิวส์ตัน |
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม | โคลิน คัดเดอร์วู้ด |
ผู้จัดการทีมชุดสำรอง | อลัน ธอมป์สัน |
โค้ชทีมชุดใหญ่ | [ - |
โค้ชผู้รักษาประตู | พอล บาร์รอน |
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน | โจ จอยส์ |
โค้ชเยาวชน
ปีเตอร์ เบียดลี่ยส์ |
|
หัวหน้าทีมแพทย์ | ดีเร็ค ไรท์ |
ทีมแพทย์ | เดวิด เฮนเดอร์สัน, เจมส์ เมอร์ฟี |
แมวมอง | วิค ฮาร์รม, พาบริโอ ลองกอเรีย, โอเล นีลล์เซ่น |
[แก้] ผู้จัดการทีม
-
ดูบทความหลักที่ รายนามผู้จัดการทีมของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ตั้งแต่ ค.ศ. 1992 - ปัจจุบัน
ชื่อ | สัญชาติ | เริ่ม | ถึง |
---|---|---|---|
เควิน คีแกน | 1992 | 1997 | |
เคนนี ดัลกลิช | 1997 | 1998 | |
รุด กุลลิท | 1998 | 1999 | |
เซอร์ บ็อบบี ร็อบสัน | 1999 | 2004 | |
แกรม ซูเนสส์ | 2004 | 2006 | |
เกล็น โรเดอร์ | 2006 | 2007 | |
แซม อัลลาไดซ์ | 2007 | 2008 | |
เควิน คีแกน | 2008 | 2008 | |
โจ คินเนียร์ | 2008 | 2009 | |
อลัน เชียเรอร์ | 2009 | ' |
[แก้] เกียรติยศ
เกียรติยศ | จำนวน | ปี | |||
---|---|---|---|---|---|
ฟุตบอลลีก | |||||
ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง แชมป์ | 4 | 1904/05, 1906/07, 1908/09, 1926/27 | |||
เอฟเอพรีเมียร์ลีก รองแชมป์ | 2 | 1995/96, 1996/97 | |||
ฟุตบอลลีกดิวิชันสอง แชมป์ | 3 | 1964/65, 1983/84, 1992/93 | |||
ฟุตบอลลีกดิวิชันสอง รองแชมป์ | 2 | 1897/98, 1947/48 | |||
นอร์เทิร์นลีก แชมป์ | 3 | 1902/03, 1903/04, 1904/05 | |||
ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ | |||||
เอฟเอคัพ ชนะเลิศ | 6 | 1910, 1924, 1932, 1951, 1952, 1955 | |||
เอฟเอคัพ รองชนะเลิศ | 7 | 1905, 1906, 1908, 1911, 1974, 1998, 1999 | |||
ลีกคัพ รองชนะเลิศ | 1 | 1976 | |||
คอมมูนิตี้ชิลด์ ชนะเลิศ | 1 | 1909 | |||
คอมมูนิตี้ชิลด์ รองชนะเลิศ | 5 | 1932, 1951, 1952, 1955, 1996 | |||
เอฟเอยูธคัพ ชนะเลิศ | 2 | 1962, 1985 | |||
ฟุตบอลถ้วยยุโรป | |||||
อินเตอร์ซิตีแฟร์สคัพ ชนะเลิศ | 1 | 1969 | |||
ยูฟ่าอินเตอร์โตโต้คัพ ชนะเลิศ | 1 | 2006 | |||
ยูฟ่าอินเตอร์โตโต้คัพ รองชนะเลิศ | 1 | 2001 | |||
Anglo-Italian Cup ชนะเลิศ | 1 | 1973 | |||
ฟุตบอลถ้วยอื่น | |||||
คีรินคัพ ชนะเลิศ | 1 | 1983 | |||
เท็กเซโกคัพ ชนะเลิศ | 2 | 1974, 1975 | |||
Sheriff of London Charity Shield ชนะเลิศ | 1 | 1907 | |||
พรีเมียร์ลีกเอเชียโทรฟี่ ชนะเลิศ | 1 | 2003 |
[แก้] อ้างอิง
- ^ Breaking News: 2008/09 Squad Numbers. สืบค้นวันที่ 2008-08-02
- ^ Reserves - Academy. สืบค้นวันที่ 2008-08-01
- ^ NUFC Reserve Squad. สืบค้นวันที่ 2008-08-02
- ^ Club Honours. nufc.co.uk. สืบค้นวันที่ 2008-08-01
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้] เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
[แก้] เว็บไซต์ของผู้ติดตามผลงาน
|
|