คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อภาษาอังกฤษ | Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Mahidol University |
วันจัดตั้ง | พ.ศ. 2432 |
คณบดี | ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ |
วารสาร | สารศิริราช |
สีประจำคณะ | เขียวศิริราช |
สถานปฏิบัติการ | โรงพยาบาลศิริราช |
เลขที่ 2 ถนนพรานนก แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10700 |
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นับได้ว่าเป็นคณะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย โดยมีต้นกำเนิดมาจากโรงเรียนแพทยากร และพัฒนามาจนกระทั่งเป็น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีอายุ 120 ปีแล้ว มีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาทั้งหมด 115 รุ่น สำหรับนักศึกษาแพทย์ปีการศึกษา 2553 นี้ นับเป็นรุ่นที่ 121
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
วิชาการแพทย์ไทยแต่เดิมพัฒนาจากการใช้ยาสมุนไพร เมื่อชาวบ้านคนใดเจ็บป่วยก็พากันไปรักษากับหมอยาตำราหลวงตามแบบแผนอย่างไทย กระทั่งมีคณะมิชชันนารีจากต่างชาติที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาพร้อมกับวิทยาการทางการแพทย์แผนตะวันตกในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เกิดรูปแบบการรักษาพยาบาลแบบใหม่ขึ้นในสยามประเทศ
ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์จะให้มีโรงพยาบาล เพื่อจัดระเบียบและยกระดับมาตรฐานการแพทย์และการสาธารณสุขในสยามให้สมกับเป็นประเทศที่รุ่งเรือง พระองค์ทรงจัดตั้งคณะกรรมการ (คอมมิตตี-Committee) ชุดหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2429 ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น 9 ท่าน คือ
- พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสิริธัชสังกาศ เป็นนายก
- พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ
- พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์
- พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฏางค์
- พระยาโชฏึกราชเศรษฐี
- เจ้าหมื่นสรรเพชรภักดี
- ดอกเตอร์ ปีเตอร์ เคาแวน แพทย์ประจำพระองค์
เป็นผู้ร่วมดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาล คณะกรรมการชุดนี้ได้กราบทูลขอแบ่งพื้นที่พระราชวังบวรสถานพิมุขด้านใต้อันเป็นพื้นที่หลวงร้างฟากธนบุรี เพื่อเป็นพื้นที่ก่อสร้างโรงพยาบาล และซื้อที่ริมข้างเหนือโรงเรียนของคณะมิชชันนารีอเมริกันเพื่อทำท่าขึ้นโรงพยาบาล และให้ชื่อว่า “โรงพยาบาลวังหลัง” เป็นโรงพยาบาลหลวงแห่งแรกในสยาม
ลุปี พ.ศ. 2430 ขณะกำลังก่อสร้างโรงพยาบาล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ประชวรสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคบิด ยังความโศกเศร้าพระราชหฤทัยแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี เป็นล้นพ้น จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเกื้อกูลโรงพยาบาลเพื่อเป็นพระราชกุศล เมื่อเสร็จสิ้นงานพระเมรุพระราชทานเพลิงพระศพแล้ว ได้พระราชทานไม้ที่ใช้สร้างพระเมรุมาศจำนวน 15 หลังมาเป็นวัสดุสำหรับปลูกสร้างโรงพยาบาล ทั้งยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ในส่วนของเจ้าฟ้าศิริราชฯ จำนวน 700 ชั่ง (56,000 บาท) เป็นค่าก่อสร้างอีกด้วย ดังปรากฏพระราชปรารภของพระองค์ในพระราชหัตถเลขาถึงคณะกรรมการสร้างโรงพยาบาล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ลงวันอังคาร เดือนอ้าย แรม 7 ค่ำ ปีชวดสัมฤทธิ์ศก จุลศักราช 1250 ความตอนหนึ่งว่า
"...ภายหลังเกิดวิบัติเคราะห์ร้าย ลูกซึ่งเป็นที่รักตายเป็นที่สลดใจด้วยการที่รักษาเจ็บไข้ เห็นแต่ว่าลูกเราพิทักษ์รักษาเพียงนี้ ยังได้ความทุกขเวทนาแสนสาหัส ลูกราษฎรที่อนาถาทั้งปวงจะได้ความลำบากทุกข์เวทนายิ่งกว่านี้ประการใด ยิ่งทำให้มีความปรารถนาที่จะให้มีโรงพยาบาลมากยิ่งขึ้น ภายหลังกรมหมื่นดำรงราชนุภาพคิดการที่จะตั้งโรงพยาบาล ทำความเห็นมายื่น เห็นว่าเป็นทางที่จะจัดการตลอดได้ จึงได้ตั้งท่านทั้งหลายเป็นคอมมิตตีจัดการ แลได้ปรึกษากับแม่เล็กเสาวภาผ่องศรี มีความชื่นชมในการที่จะสงเคราะห์แก่คนที่ได้ความลำบากด้วยป่วยไข้นี้ด้วย ยอมยกทรัพย์สมบัติของลูกที่ตายให้เป็นส่วนในการทำโรงพยาบาลนี้ เป็นต้นทุน..."
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาล ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นวันกำเนิดโรงพยาบาล และพระราชทานนามใหม่แก่โรงพยาบาลว่า “โรงศิริราชพยาบาล” สังกัดกรมพยาบาลอันมีพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์เป็นอธิบดี
เมื่อตั้งโรงพยาบาล ความลำบากประการแรกที่ต้องพบคือการสรรหาแพทย์ประจำโรงพยาบาล ในชั้นแรกคณะกรรมการได้เชิญหมอหลวงที่มีชื่อเสียงมารับตำแหน่งกินเงินเดือน ซึ่งก็ได้พระประสิทธิวิทยา (หนู – ภายหลังได้เป็น พระยาประเสริฐศาสตร์ธำรง) มาเป็นแพทย์ใหญ่ พร้อมกับลูกศิษย์อีก 2 คนเป็นแพทย์รอง
ในคราวนั้น คณะกรรมการเห็นว่าการจะหาแพทย์เพิ่มเติมนั้นยากเต็มที เพราะบรรดาหมอที่มีชื่อเสียงในขณะนี้ออกจะถือตัว ไม่ยอมเข้าร่วมกับโรงพยาบาล สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ จึงได้กราบบังคมทูลให้มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาแพทย์ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์และจะได้เพิ่มเติมวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดตามแนวตะวันตกให้แก่แพทย์ไทยด้วย โดยตั้งโรงเรียนขึ้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าโรงพยาบาล เมื่อ พ.ศ. 2432 และเปิดสอนตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2433 รับสมัครนักเรียนอายุ 18 ปีเข้าศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม มีดอกเตอร์ยอร์ช แมกฟาแลนด์ (หมอเมฆฟ้าลั่น - ภายหลังได้เป็น อำมาตย์เอก ศาสตราจารย์พระอาจวิทยาคม) เป็นครูสอน กระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 จึงได้เปิด “โรงเรียนแพทยากร” ขึ้นอย่างเป็นทางการตามพระบรมราชโองการ และเจริญรุ่งเรืองมาจนได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “โรงเรียนราชแพทยาลัย” ในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2443
ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาโรงเรียนข้าราชการพลเรือนขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบรมชนกนาถ ในโอกาสนี้ได้ทรงรวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าเป็น 1 ใน 4 คณะแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพระราชทานนามว่า “คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ต่อมาได้เปลี่ยนนามตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2461 เป็น “คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล”
ในปี พ.ศ. 2464 รัฐบาลบาลสยาม (กัดฟันมันสยาม-Government of Siam) ได้เริ่มเจรจากับมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ (Rockefeller) ในชั้นแรกได้ติดต่อผ่านทางเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีซึ่งเป็นเสนาบดีกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงรับเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการเจรจาเพื่อปรับปรุงและขยายการศึกษาแพทยศาสตร์ของสยามให้ถึงระดับปริญญา นอกจากนี้ เมื่อครั้งที่สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ ดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ตรี อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ ยังทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างตึกในโรงพยาบาลศิริราชหลายหลัง และยังได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทย สำหรับไปศึกษายังต่างประเทศเพื่อให้กลับมาเป็นอาจารย์ต่อไป (ดังเช่น นายแพทย์เฉลิม พรมมาส เป็นต้น)
นับได้ว่า สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อศิริราชและการแพทย์แผนปัจจุบันของไทยเป็นนานาอเนกประการ ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจึงได้จัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ไว้ ณ ใจกลางโรงพยาบาล และถวายพระราชสมัญญาว่า “องค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” เพื่อประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ให้ปรากฏตราบชั่วนิรันดร์สมัย
ถึงรัฐบาลภายใต้การนำของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม (ขีตะสังขะ) ได้ดำเนินนโยบายจัดระเบียบการบริหาราชการแผ่นดินใหม่ และได้รวมเอาคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล แผนกทันตแพทยศาสตร์ แผนกสัตวแพทยศาสตร์ และแผนกเภสัชศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์” เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 มีฐานะเป็นกรม สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะย้ายมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2502 ระหว่างนี้ได้มีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาย้ายไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ ต่อมาย้ายไปสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นต้น
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามใหม่แก่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ว่า “ มหาวิทยาลัยมหิดล ” ทางคณะฯจึงได้ถือโอกาสนี้เปลี่ยนนามใหม่เป็น “คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล” โดยในระหว่างนี้ได้ช่วยเหลือในการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ตามลำดับ
ปี พ.ศ. 2547 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับกรรมสิทธิ์ที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นจำนวน 30 ไร่ รวมเป็น 107 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์
[แก้] ภาควิชาและหน่วยงาน
[แก้] ภาควิชา
- ภาควิชากายวิภาคศาสตร์
- ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
- ภาควิชาจักษุวิทยา
- ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
- ภาควิชาจุลชีววิทยา
- ภาควิชาชีวเคมี
- ภาควิชาตจวิทยา
- ภาควิชานิติเวชศาสตร์
- ภาควิชาปรสิตวิทยา
- ภาควิชาพยาธิวิทยา
- ภาควิชาพยาธิวิทยาคลินิก
- ภาควิชาเภสัชวิทยา
- ภาควิชารังสีวิทยา
- ภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน
- ภาควิชาวิสัญญีวิทยา
- ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด
- ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
- ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- ภาควิชาศัลยศาสตร์
- ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด
- ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
- ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
- ภาควิชาอายุรศาสตร์
[แก้] สถาน
- สำนักงานศูนย์โรคหัวใจสมเด็จพระบรมราชินีนาถ
- สถานส่งเสริมการวิจัย
- สถานเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์
- สถานวิทยามะเร็งศิริราช
- สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์
[แก้] หลักสูตร
ระดับปริญญาตรี | ระดับปริญญาโท | ระดับปริญญาเอก |
---|---|---|
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณทิต หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
|
หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
|
หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
|
[แก้] โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย | จังหวัด | สังกัด |
---|---|---|
โรงพยาบาลศิริราช | กรุงเทพมหานคร | คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล |
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- www.si.mahidol.ac.th
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย หรือ กูเกิลแมป
- แผนที่ จาก มัลติแมป หรือ โกลบอลไกด์
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°45′24″N 100°29′11″E / 13.756633°N 100.48645°E
|
|
|