มหาวิทยาลัยแม่โจ้
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อักษรย่อ | มมจ. / MJU |
ชื่อภาษาอังกฤษ | Maejo University |
วันสถาปนา | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 |
ประเภท | รัฐ |
นายกสภาฯ | ดร.อำนวย ยศสุข |
อธิการบดี | รศ. ดร. เทพ พงษ์พานิช |
สีประจำสถาบัน | เขียว-ขาว-เหลือง |
ต้นไม้ | อินทนิล |
ถนนเชียงใหม่-พร้าว ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ |
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านเกษตรกรรมที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย เปิดสอนเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477[1]
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียไทยได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ |
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พัฒนามาจาก โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ กระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 เป็นสถานศึกษาขั้นสูงสุดทางการเกษตรของประเทศในสมัยนั้น ซึ่งมีประวัติที่เล่าขานและเป็นตำนานที่บอกกล่าวมายาวนานถึงเรื่องราวการบุกเบิกพื้นที่ และการต่อสู้กับงานหนัก เพื่อให้ความรู้ สติปัญญา ฝึกทักษะ อาชีพ และหล่อหลอมความทรหดอดทนของผู้เรียน เพื่อให้บรรลุผลของงานที่ทำ ท่ามกลางภยันตรายที่รุมล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นไข้ป่า ความกันดารของสภาพพื้นที่ที่เป็นป่า ขาดแคลนน้ำและดินเลว สภาพที่อยู่ที่กิน และห้องเรียนทีสร้างจากใบตองตึงพื้นเป็นดิน ซึ่งหากไม่มีหัวใจของนักต่อสู้งานหนัก จิตใจที่ตั้งมั่นและอดทนแล้ว คงมิอาจฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ดังกล่าวไปได้เลย สมดังปรัชญาของลูกแม่โจ้ "งานหนักไม่เคยฆ่าคน"
[แก้] ยุคสร้าง "แม่โจ้"
- พ.ศ. 2477 จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รัฐมนตรีกระทรวงธรรมการ ได้มีบัญชาให้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือที่แม่โจ้ ให้พระช่วงเกษตรศิลปการ เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก ควบคู่กับสถานีทดลองกสิกรรมภาคพายัพ โดยจัดแบ่งพื้นที่คนละครั้งกับสถานีทดลองซึ่งอยู่ด้านทิศเหนือ พื้นที่โรงเรียนอยู่ทางทิศใต้ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 900 ไร่เศษ สภาพพื้นที่ยังเป็นป่าตองตึงและไม้เหียงซึ่งเป็นไม้ขนาดย่อมส่วนไม้ป่าอื่น ๆ เช่น สัก ประดู่และตะเคียน มีอยู่เพียงประปรายเท่านั้น เหตุผลเพราะดินชั้นล่างเป็นดินดานแข็งโดยทั่วไป ระบบรากต้นไม้ไม่อาจหยั่งลึกได้ ส่วนดินชั้นบนก็เป็นดินทราย ขาดความอุดมสมบูรณ์สำหรับการปลูกพืชทั่ว ๆ ไป สภาพพื้นที่อย่างนี้จึงไม่มีใครต้องการจะทำประโยชน์อะไรแต่กลับเป็นเหตุผลจูงใจสำคัญยิ่ง ที่พระช่วงฯ ต้องการจะทำประโยชน์ในพื้นที่อย่างนี้ ท่านเล็งให้เห็นว่าการจะพัฒนาการเกษตร ให้เป็นแบบอย่างสำหรับเกษตรกรทั่วไปได้นั้น สิ่งหนึ่งที่จะทำคือ ต้องนำเอาความรู้มาสาธิตแสดงให้ประจักษ์ต่อบุคคลทั่วไป ได้เห็นว่าการปรับปรุงดินเลวให้สามารถใช้ปลูกพืชโดยจัดระบบปุ๋ยพืชสด การใช้ปุ๋ยหมักต่าง ๆ ในพื้นที่เกษตร ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่ นา สวนไม้ผล แปลงปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์และระบบการหมุนเวียนใช้ประโยชน์ของพื้นที่นั้น จะสามารถทำการเกษตรได้ทุกอย่าง
การที่ต้องเปิดโรงเรียนตามนโยบายของกระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) อย่างเร่งด่วนในปีนี้นั้นสภาพสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่นห้องเรียน เรือนนอน โรงอาหารและบ้านพักครู จึงต้องจัดสร้างขึ้นอย่างลำลองชั่วคราว โดยใช้เสาไม้ หลังคาและฝาใช้ใบตองตึง พื้นเป็นดิน ห้องเรียนมีเฉพาะหลังคาไว้กันแดดและฝนเท่านั้น โต๊ะเรียนและม้านั่งก็ใช้ไม้กระดาน 2 แผ่นตอกยึดไว้ นั่งได้ 3 คน สร้างเรียงเป็นแถวไว้เนื่องจากมีนักเรียนเพียง 48 คนในปีแรก เป็นนักเรียนในบำรุง 37 คน และนอกบำรุง 11 คน (นักเรียนในบำรุง คือ นักเรียนที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภาคส่งเข้าเรียนโดยรัฐออกค่าใช้จ่ายค่าอาหารให้เดือนละ 15 บาท ส่วนประเภทนอกบำรุงคือ ผู้ที่สมัครมาเรียนเอง หรือเรียนด้วยทุนส่วนตัว เป็นค่าอาหารเดือนละ 10 บาท) จึงใช้ห้องเรียนเพียงห้องเดียวหมุนเวียนครูอาจารย์สอนแต่ละวิชากันไป (ปี พ.ศ. 2477 มีครูอาจารย์ 5 คน ส่วนปี พ.ศ. 2478 มีเพิ่มอีก 12 คน และรับนักเรียนเพิ่มเป็น 85 คน) ส่วนเรือนนอกนักเรียนนั้น ยกพื้นกระดานสูงจากพื้นดินราว 50 เซนติเมตร ฝาและหลังคาใช้ใบตองตึงทั้งหมด เวลาจะนอนต้องกางมุ้งเพื่อป้องกันยุงและขี้มอดที่ร่วงจากหลังคา
รับผู้สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 หรือประกาศนียบัตรครูมูล (ป.) ใช้เวลาเรียน 2 ปี ได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก.) หากรับราชการจะได้เงินเดือนขั้นต้น 45 บาท ผู้สำเร็จการศึกษารุ่นแรกนี้มีจำนวน 48 คน อาทิ เลขประจำตัว 2: อาจารย์กำจร (ตาคำ) บุญแปง, เลขประจำตัว16: อาจารย์เลื่อน เมฆบังวัง, เลขประจำตัว 38: อาจารย์สุรัตน์ (หลี) มงคลชัยสิทธิ์ และเลขประจำตัว 45: อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เป็นต้น สามท่านแรกเมื่อจบการศึกษาแล้วก็ได้รับการบรรจุเป็นครูสอนในปี พ.ศ. 2479 ทันที ส่วนอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เข้ารับราชการเป็นพนักงานเกษตรกรรมผู้ช่วยและพนักงานยางที่อำเภอหาดใหญ่ และสอบชิงทุนหลวง (ทุน ก.พ.ในปัจจุบัน) ไปเรียนต่อปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ ที่ลอสบานยอส ระหว่างปี พ.ศ. 2480 - 2483 เมื่อจบการศึกษาแล้ว จึงกลับมาสอนและเป็นอาจารย์ผู้ปกครองที่แม่โจ้ เมื่อปี พ.ศ. 2484
- หลักสูตร ปปก.รับนักเรียนเพียง 3 รุ่น คือในปี 2477-79 (แม่โจ้ รุ่น 1 จำนวน 48 คน รุ่น 2 จำนวน 84 คน และ รุ่น 3 จำนวน 99 คน)
- พ.ศ. 2478 โรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม
กระทรวงธรรมการเห็นว่า หลักสูตรประโยคครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก.) ที่เปิดไปแล้วมีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากพอ และมีสถานศึกษาที่ต้องใช้ครูเกษตรเหล่านี้เพียงจำนวนน้อย จึงให้ยุบเลิกการสอนหลักสูตรดังกล่าว และเปิดหลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมขึ้นแทน
หลักสูตรที่เปิดใหม่นี้ รับจากผู้สำเร็จมัธยมปีที่ 4 สายสามัญ เข้าเรียนต่ออีก 4 ปี จบการศึกษาแล้วจะไดรับประกาศนียบัตรประโยคมัธยมบริบูรณ์แผนกเกษตรกรรม เทียบได้ชั้นมัธยม 8
- หลักสูตรมัธยมวิสามัญเกษตรกรรม (มก.) รับเพียง 4 รุ่น ในปี 2478-2481 (แม่โจ้ รุ่น 2 (มก.1) จำนวน 134 คน รุ่น 3 (มก.2) จำนวน 57 คน รุ่น 4 (มก.3) จำนวน62 คน รุ่น 5 (มก.4) จำนวน 51 คน
- พ.ศ. 2481 จัดตั้งเป็น วิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กระทรวงธรรมการได้โอนโรงเรียนมัธยมวิสามัญเกษตรกรรมให้กับกระทรวงเกษตราธิการโดยยุบรวมแห่งอื่น ๆ ที่บางกอกน้อย โนนวัด คอหงศ์ และที่แม่โจ้ แล้วจัดตั้งเป็นวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ เพียงแห่งเดียว หลักสูตร 2 ปี ระดับอนุปริญญา โดยรับผู้สำเร็จชั้นมัธยม 8 สำเร็จแล้วบรรจุเป็นข้าราชการชั้นตรี อันดับ 1 อัตราเงินเดือน 80 บาท ตกลงในปีเดียวกันนี้ แม่โจ้จึงเป็นทั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม (ป.ป.ก. ปีสุดท้าย) มัธยมวิสามัญเกษตรกรรม และวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามลำดับโดยมี พระช่วงเกษตรศิลปการ เป็นผู้อำนวยการ
กลางปี พ.ศ. 2481 พระช่วงเกษตรศิลปการได้ย้ายไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมเกษตรที่กรุงเทพฯ อาจารยจรัด สุนทรสิงห์ มารักษาการแทน
- พ.ศ. 2482 เป็นโรงเรียนเตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เมื่อวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ย้ายจากแม่โจ้ไปตั้งที่บางเขนที่แม่โจ้จึงถูกจัดตั้งเป็นโรงเรียนเตรียมเกษตรศาสตร์ รับผู้สำเร็จชั้นมัธยมปลาย (ม.6 สายสามัญ) หลักสูตร 2 ปี สำเร็จแล้วเข้าศึกาต่อได้ที่วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ เป็นผู้อำนวยการ
ศาสตราจาร ดร.พนม ย้ายไปกรมเกษตร ขณะเดียวกันก็เป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เมื่อปี พ.ศ. 2484 อาจารย์ประเทือง ประทีปเสน จึงรักษาการผู้อำนวยการต่อจนถึงปี พ.ศ. 2486
- พ.ศ. 2486 โรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เมื่อวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนได้รับการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม่โจ้จึงเปลี่ยนไปเป็น"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์" หลักสูตร 2 ปี เพื่อเตรียมนักเรียนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต่อไป โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ เป็นผู้อำนวยการ
- หลักสูตรตั้งแต่ปี 2482-87 เป็นหลักสูตร 2 ปี (แม่โจ้ รุ่น 6 - รุ่น 11)
- พ.ศ. 2488 สถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้
ได้มีการยกเลิกโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้ เนื่องจากต้องการที่จะควบรวมกิจการกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขนทั้งหมด กอรปกับในปีนี้เองสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เส้นทางคมนาคมสำคัญ เช่นทางรถไฟ สะพาน ถูกทำลาย ทำให้มีผู้มาสมัครเรียนเพียง 12 คนเท่านั้น อีกทั้งแม่โจ้ก็อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร ไม่สะดวกในการติดต่อและดำเนินงานเชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่บางเขนจึงให้ยุบเลิกโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเกษตรศาสตร์ที่แม่โจ้เสีย แต่พระช่วงเกษตรศิลปการ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมเกษตรเห็นว่า ควรจะคงสถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้ไว้สักแห่งหนึ่ง เพราะถิ่นภาคเหนือเป็นแหล่งที่มีน้ำดี อากาศดี อุดมด้วยการกสิกรรมเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านการเกษตรแก่เยาวชนและเกษตรกร โดยจัดตั้งเป็นสถานศึกษาการเกษตร กำหนดเวลาเรียน 3 ปี ใช้หลักสูตรเตรียมอุดมศึกษาอย่างเดิม นับเป็นก้าวใหม่ของการให้การศึกษาอาชีวเกษตรของประเทศ
พ.ศ. 2490-91 งดรับนักศึกษา 2 ปี เพราะไม่ได้งบประมาณอุดหนุนและจำนวนผู้เรียนน้อย
- พ.ศ. 2492 จัดตั้งเป็นโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้
โอนกิจการของสถานศึกษาการเกษตรแม่โจ้ไปสังกัดกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ เพื่อให้การศึกษาระดับประโยคอาชีวชั้นสูงเกษตรกรรม โดยรับนักศึกษาจากผู้สำเร็จประโยคอาชีวชั้นกลาง เกษตรกรรม และประโยคมัธยมศึกษาตอนต้น (มัธยมปีที่ 6) ใช้เวลาเรียน 3 ปี ได้รับประกาศนียบัตรอาชีวชั้นสูงเกษตรกรรม
ศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2495 จึงได้ย้ายไปอยู่กับ สำนักงานอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟ.เอ.โอ.) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา อาจารย์ไสว ชูติวัตร จึงมารับงานในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่สืบแทน จึงถึงปี พ.ศ. 2497 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวหน้ากองโรงเรียนเกษตรกรรม กรมอาชีวศึกษา
[แก้] รายนามอธิการบดี
สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร | ||
---|---|---|
คนที่ | รายนามอธิการบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
1. | ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 |
21 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 - 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 | ||
สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ | ||
2. | ศาสตราจารย์ ดร.ยรรยง สิทธิชัย | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2526 - 4 มิถุนายน พ.ศ. 2530 |
3. | นายสุรพล สงวนศรี | 5 มิถุนายน พ.ศ. 2530 - 30 เมษายน พ.ศ. 2532 |
4. | รองศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ เที่ยงตรง | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 - 30 เมษายน พ.ศ. 2536 |
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 - 30 เมษายน พ.ศ. 2540 | ||
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ | ||
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 | ||
5. | นายสราญ เพิ่มพูล | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 |
6. | รองศาสตราจารย์ ดร.เทพ พงษ์พานิช | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 - 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 |
8 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน |
[แก้] สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย
ต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย คือ อินทนิล[2]
- อินทนิล เป็นไม้ยืนต้นที่แข็งแรง อายุยาวนาน และเจริญเติบโตได้ทุกสภาพของประเทศไทย แทน ความแข็งแกร่ง อดทน ของศิษย์แม่โจ้
- ช่ออินทนิล มีลักษณะเกาะกันเป็นกลุ่มแน่น สีสด แทน ความรัก ความสามัคคี และความกลมเกลียว
- อินทนิลเป็นต้นไม้ที่เจริญได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย แทน ศิษย์แม่โจ้ที่มาจากทุกหนทุกแห่ง และกระจายกันออกไปเจริญเติบโตก้าวหน้าอยู่ทั่วทุกภาค
- ต้น เปลือก และใบ ของอินทนิล ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ แทน คุณค่าของศิษย์แม่โจ ที่ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม
[แก้] หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย
[แก้] สำนักงานอธิการบดี
|
|
[แก้] คณะ/วิทยาลัย/สำนัก
|
|
[แก้] ปริญญาโท
|
|
[แก้] ปริญญาเอก
- การวางแผนและพัฒนาชนบท
- สาขาวิชาบริหารศาสตร์
- พัฒนาการท่องเที่ยว
[แก้] ศูนย์/โครงการจัดตั้ง
- ศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพ และสถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ
- ศูนย์ภาษามหาวิทยาลัยแม่โจ้
- สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ
- สำนักงานตรวจสอบภายใน
- สถานบริการวิชาการ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร
- ศูนย์วิจัยพลังงาน
- สำนักงานประสานงานวิจัยเชิงบูรณาการ (สกว.แม่โจ้)
- สำนักงานสภามหาวิทยาลัยแม่โจ้
- ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- สำนักฟาร์มมหาวิทยาลัย
[แก้] สถาบัน/ศูนย์และหน่วยงานอื่นๆ
- สำนักงานบัญชี 3 มิติ
- ศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยว
- ศูนย์ประสานงานวิจัยฯ
- เกษตรอินทรีย์มุ่งสู่ ORGANIC LAND
- ศูนย์ประสานงานความร่วมมือเพื่อพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารและอาหารไทยสู่โลก
- โครงการคืนชีวิตกล้วยไม้ไทยสู่ไพรพฤกษ์
- คลินิกเทคโนโลยี
- โครงการสวนพฤกษศาสตร์ ร้อยปีสมเด็จย่า
- ศูนย์วิจัยและควบคุมศัตรูพืช
- ฐานเรียนรู้การผลิตปุ๋ยหมักแบบไม่ต้องพลิกกลับกอง ด้วยระบบกองเติมอากาศ (รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2549)
- ศูนย์ข้อมูลไส้เดือนดิน
- แตงกวาผลสั้นพันธุ์แม่โจ้ 34
- มะเขือพวงไร้หนามพันธุ์ ("แม่โจ้นิรมิต1")
- มะเขือเปราะพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้
- กองทุนเงินให้กู้ยืม
- วิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน
- สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
[แก้] วิทยาเขต
มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่บนถนนเชียงใหม่-พร้าว ในพื้นที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยห่างจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 12,879 ไร่ อยู่ใน 3 จังหวัด คือ
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เลขที่ 63 หมู่ที่ 4 ถนนเชียงใหม่ - พร้าว ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร อำเภอละแม จังหวัดชุมพร
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ เลขที่ 17 หมู่ 3 ถนนยันตรกิจโกศล ตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่
[แก้] บุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ รายนามบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้
- อำมาตย์โทพระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปัจจุบัน) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
- ศาสตราจารย์ ดร. วิภาต บุญศรี วังซ้าย อธิการบดีคนแรกของสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร (แม่โจ้)
- ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมป่าไม่ และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- นายสุนัย จุลพงศธร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- ศาสตราจารย์ระพี สาคริก แม่โจ้รุ่น 7 อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- บิว กัลยาณี นักร้อง
[แก้] พิธีพระราชทานปริญญาบัตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาในการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครั้งแรก เมื่อปี 2521 และได้เสด็จพระราชดำเนินในการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรด้วยพระองค์เองเรื่อยมา แต่ในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แก่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นประจำทุกปี ดังนั้น วันพระราชทานปริญญาบัตรของทุกปี จึงจัดให้อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ตามอย่างคราวรับพระราชทานปริญญาบัตร ครั้งแรก ในคราวรับพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกนั้นจัดขึ้นที่อาคารแผ่พืชน์ ซึ่งในปี 2553 เป็นครั้งที่ 32 บัณฑิตรุ่นที่ 33 ปัจจุบันพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ณ ศูนย์กีฬากาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- มหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร
- ดูการเรียกรุ่นแม่โจ้ใช้ปี พ.ศ.ที่เข้าเรียน
- ม.แม่โจ้,mju
- ตำนานแม่โจ้
|