สนั่น ขจรประศาสน์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พลตรี ดร.สนั่น ขจรประศาสน์
สนั่น ขจรประศาสน์

อยู่ในวาระ
เริ่มดำรงตำแหน่ง
6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
(ครม. 57 - 58 - 59)
นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช -
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ -
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ดำรงตำแหน่ง
5 ตุลาคม พ.ศ. 2541 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2543
นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย
ดำรงตำแหน่ง
26 สิงหาคม พ.ศ. 2533 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533
นายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

ดำรงตำแหน่ง
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2543
นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย
สมัยก่อนหน้า นายเสนาะ เทียนทอง
สมัยถัดไป นายบัญญัติ บรรทัดฐาน
ดำรงตำแหน่ง
17 ธันวาคม พ.ศ. 2537 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2538
นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย
สมัยก่อนหน้า พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
สมัยถัดไป นายบรรหาร ศิลปอาชา

ดำรงตำแหน่ง
23 กันยายน พ.ศ. 2535 – 13 ธันวาคม พ.ศ. 2537
นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย
สมัยก่อนหน้า นายสิปปนนท์ เกตุทัต
สมัยถัดไป นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี

ดำรงตำแหน่ง
4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 – 26 สิงหาคม พ.ศ. 2533
นายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
สมัยก่อนหน้า พลเอกหาญ ลีลานนท์
สมัยถัดไป นายชวน หลีกภัย

เกิด 7 กันยายน พ.ศ. 2478 (อายุ 74 ปี)
พิจิตร, ประเทศไทย Flag of ไทย
สังกัดพรรค พรรคชาติไทยพัฒนา (2552 - ปัจจุบัน)
พรรคชาติไทย (2550 - 2551)
พรรคมหาชน (2547 - 2550)
พรรคประชาธิปัตย์ ( ? - 2543)
สมรสกับ นางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์
ศาสนา พุทธ

พลตรี ดร.สนั่น ขจรประศาสน์ (7 กันยายน 2478 —) รองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ก่อตั้ง และเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมหาชน เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีชื่อที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า "เสธ.หนั่น"


เนื้อหา

[แก้] ประวัติ

สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นชาวจังหวัดพิจิตร เคยรับราชการเป็นทหารบก เหล่าทหารม้า มียศทางทหารสุดท้ายเป็นพันโท ก่อนจะถูกให้ออกจากราชการ เมื่อ พ.ศ. 2520 เมื่อร่วมก่อการกบฏ 26 มีนาคม 2520 ซึ่งมี พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริเป็นหัวหน้า และมี พ.ท.สนั่นเป็นเลขาธิการคณะ พ.ท.สนั่นถูกจำคุกที่ เรือนจำลาดยาว จากข้อหากบฏ ทำให้ได้พบและสนิทสนมกับ พ.อ.มนูญ รูปขจร (ปัจจุบันคือ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร) ต่อมาในภายหลังเมื่อ พ.ท.สนั่น ได้เข้าทำงานการเมือง และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ท.สนั่นได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็น "พลตรี"

พล.ต.สนั่นสมรสกับ นางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คนที่ 3 เป็นบุตรชายเข้าสู่วงการเมือง คือ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ หรือ "ลูกยอด" อดีต ส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคมหาชน ส่วนบุตรสาวอีก 3 คนคือ นางสาวบงกชรัตน์ ขจรประศาสน์, นางสาวปัทมารัตน์ ขจรประศาสน์ และนางสาววัฒนีพร ขจรประศาสน์

พล.ต.สนั่นมีธุรกิจส่วนตัวคือ ฟาร์มนกกระจอกเทศชื่อ "ขจรฟาร์ม" ซึ่งเป็นฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังทำไร่องุ่นดงเจริญ และผลิตไวน์ชื่อ "ชาโต เดอ ชาละวัน" ซึ่งสอดคล้องกับรสนิยมส่วนตัวที่ทราบกันทั่วไปคือชอบดื่มไวน์

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550 พล.ต.สนั่นพร้อมด้วย นายศิริวัฒน์ บุตรชาย และสมาชิกพรรคมหาชน เดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบันไม่เอื้อต่อการดำเนินงานของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ถือเป็นการสิ้นสุดการดำเนินงานของพรรคมหาชนไปโดยบริยาย

[แก้] การเมือง

[แก้] กบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520

[แก้] ประกาศปิดป่า

การประกาศดังกล่าวถูกฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีว่าปิดป่าเพื่อตัดเอง[ต้องการอ้างอิง]

[แก้] กรณีกลุ่มงูเห่าและพรรคประชากรไทย

ปลายปี พ.ศ. 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถูกแรงกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการลดค่าเงินบาทในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 และตัดสินใจลาออกเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ในเวลานั้นพรรคร่วมรัฐบาล ที่ประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่, พรรคชาติพัฒนา, พรรคชาติไทย, พรรคประชากรไทย, พรรคกิจสังคม ตกลงร่วมกันที่จะสนับสนุน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา อดีตนายกรัฐมนตรี ให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ทางพรรคฝ่ายค้านที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ และมีจำนวนส.ส.น้อยกว่าพรรคความหวังใหม่เพียง 2 เสียง ก็มีความพยายามที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน

วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 นายเสนาะ เทียนทอง เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ได้จัดแถลงข่าว ยืนยันการจัดตั้งรัฐบาล โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ชั้นล่างของทำเนียบรัฐบาล แต่ในเวลาเดียวกัน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เปิดแถลงข่าว เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลด้วย โดยมีเสียงสนับสนุนจากพรรคกิจสังคมของ นายมนตรี พงษ์พานิช ที่ย้ายฟากมาจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมอย่างกระทันหัน และมีตัวแปรสำคัญคือ ส.ส. พรรคประชากรไทย จำนวน 12 คน นำโดย นายวัฒนา อัศวเหม และ นายฉลอง เรี่ยวแรง ที่เข้าร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่หัวหน้าพรรคประชากรไทย คือ นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ทราบมาก่อนและยังสนับสนุนฝ่าย พล.อ.ชาติชาย ทำให้สถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเสียงทางฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่า และทำให้นายชวน หลีกภัย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 ในที่สุด

หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ได้กล่าวเปรียบเทียบว่า ตนเป็นเหมือนชาวนาในนิทานอีสป เรื่อง "ชาวนากับงูเห่า" ที่เก็บงูเห่าที่กำลังจะตายจากความหนาวเย็น มาไว้ในอกเสื้อเพื่อให้ความอบอุ่น แต่ต่อมางูเห่านั้นก็ฉกชาวนาตาย ซึ่งนายสมัครเปรียบเทียบกับ แกนนำของ ส.ส. ทั้ง 12 คน โดยเฉพาะ ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ของนายวัฒนา อัศวเหม ซึ่งเดิมสังกัดพรรคสามัคคีธรรม แต่ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ไม่มีพรรคใดรับเข้าสังกัด จนในที่สุดมาเข้าสังกัดพรรคประชากรไทย ที่นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรค และต่อมามีการตัดสินใจทางการเมือง ที่ขัดต่อมติพรรคดังกล่าว ทำให้ต่อมาสื่อมวลชน เรียก ส.ส. 12 คนนี้ตามคำพูดของนายสมัครว่า "กลุ่มงูเห่า" อยู่เป็นเวลานาน

ต่อมามีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ส.ส. พรรคประชากรไทยทั้ง 12 คน มีสิทธิตามกฎหมาย ที่จะตัดสินใจทางการเมืองโดยอิสระ เช่น การสนับสนุน นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมติพรรค หรือความต้องการของหัวหน้าพรรคการเมืองที่ตนสังกัด การรวบรวมเสียง ส.ส. จนสามารถสนับสนุน นายชวน หลีกภัย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 ได้สำเร็จครั้งนี้ ทำให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ได้รับการกล่าวขานถึงในฐานะผู้มีเหลี่ยมคูทางการเมือง และเป็นกรณีศึกษาหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย

[แก้] ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.จังหวัดขอนแก่น พรรคความหวังใหม่ ได้เปิดเผยข้อมูลระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจพลตรีสนั่น ว่า พลตรีสนั่น แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยระบุว่ามีการกู้ยืมเงินจำนวน 45 ล้านบาท จากบริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส ทั้งที่ไม่มีการกู้ยืมจริง

ต่อมา นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพประชาชน ได้ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง จนคดีเข้าสู่ กระบวนการทางกฎหมาย และต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ว่า พล.ต.สนั่น มีความผิด ฐานจงใจแสดง บัญชทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 295 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี[1]

จากการถูกดำเนินคดีทางการเมืองดังกล่าว ทำให้ พล.ต.สนั่น ต้องลาออกจากตำแหน่ง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นมายาวนานถึง 13 ปี โดยมี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เข้ารักษาการตำแหน่งเลขาธิการพรรคเป็นเวลาสั้นๆ และต่อมา นายอนันต์ อนันตกูล ได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2543

[แก้] ก่อตั้งพรรคมหาชน

หลังการถูกตัดสิทธิทางการเมือง พล.ต.สนั่น ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และในที่สุดได้ก่อตั้ง พรรคมหาชน ขึ้น โดยมี ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2548 และต่อมา พล.ต.สนั่น ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน

[แก้] ควบรวมพรรคมหาชนเข้ากับพรรคชาติไทย

วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550 พลตรีสนั่น พร้อมด้วยนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย และสมาชิกพรรคมหาชน เดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายพรรคการเมืองปัจจุบันไม่เอื้อต่อการดำเนินงานของพรรคการเมืองขนาดเล็ก ถือเป็นการสิ้นสุดการดำเนินงานของพรรคมหาชนไปโดยบริยาย[2]

พ.ศ. 2551 พลตรีสนั่น ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 ของไทย

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ กองบรรณาธิการมติชน, 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน, 2549, ISBN 974-323-889-1
  2. ^ "ชาติไทย-มหาชน" จับขั้วไร้เงื่อนไข
สมัยก่อนหน้า สนั่น ขจรประศาสน์ สมัยถัดไป
สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
สนั่น ขจรประศาสน์
โอฬาร ไชยประวัติ
2leftarrow.png Seal Prime Minister of Thailand.png
รองนายกรัฐมนตรี (ครม. 59)
(20 ธันวาคม พ.ศ. 2551 – ปัจจุบัน)
2rightarrow.png อยู่ในวาระ


Crystal Clear app Login Manager.png สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ สนั่น ขจรประศาสน์ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ