ไทรันโนซอรัส เร็กซ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

(เปลี่ยนทางมาจาก ไทแรนโนซอรัส เรกซ์)
ไทรันโนซอรัส เร็กซ์
Palais de la Decouverte Tyrannosaurus rex p1050042.jpg

ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Tyrannosaurus Rex, Tyrannosaurus = กิ้งก่าทรราช, rex = ราชา เมื่อนำมารวมกันแปลได้ว่า"ราชันย์ไดโนเสาร์ทรราช") หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ที-เร็กซ์ (T-rex) เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ มีถิ่นอาศัยตลอดทั่วตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกา ซึ่งกว้างกว่าไดโนเสาร์วงศ์เดียวกัน ไทรันโนซอรัสอาศัยอยู่ในยุคครีเทเซียสตอนปลายหรือประมาณ 68 ถึง 65 ล้านปีมาแล้ว เป็นหนึ่งในไดโนเสาร์พวกสุดท้ายที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนก ซึ่งมีชีวิตอยู่ก่อนการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่สามในยุคครีเทเชียส

ไทรันโนซอรัสเป็นสัตว์กินเนื้อ เดินสองขา มีกะโหลกศีรษะที่ใหญ่ และเพื่อสร้างความสมดุลมันจึงมีหางที่มีน้ำหนักมาก มีขาหลังที่ใหญ่และทรงพลัง แต่กลับมีขาหน้าขนาดเล็ก มีสองกรงเล็บ ถึงแม้ว่าจะมีไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าไทรันโนซอรัส เร็กซ์ แตมันก็มีขนาดใหญ่ที่สุดในไดโนเสาร์วงศ์เดียวกันและเป็นหนึ่งในผู้ล่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพ วัดความยาวได้ 13 ม.[1] สูง 4 ม. จากพื้นถึงสะโพก[2] และอาจหนักถึง 6.8 ตัน[3] ในยุคสมัยของไทรันโนซอรัส เร็กซ์ที่ยังมีนักล่าขนาดใหญ่ชนิดอื่นๆนั้น ไทรันโนซอรัส เร็กซ์อาจเป็นนักล่าที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เหยื่อของมันเช่น แฮโดรซอร์ และ เซอราทอปเซีย เป็นต้น ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าโดยพื้นฐานแล้วไทรันโนซอรัส เร็กซ์เป็นสัตว์กินซาก การถกเถียงในกรณีของไทรันโนซอรัสว่าเป็นนักล่าหรือสัตว์กินซากนั้นมีมานานมากแล้วในหมู่การโต้แย้งทางบรรพชีวินวิทยา

ไทรันโนซอรัสเป็นไดโนเสาร์ที่โด่งดังที่สุดในโลก ด้วยฐานะไดโนเสาร์กินเนื้อที่ตัวใหญ่ที่สุด ก่อนจะเสียอันดับให้ คาร์ชาโรดอนโทซอรัส และ จิกแกนโนโตซอรัส และ ปรากฏตัวในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น จูราสสิค พาร์ค ไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ ชื่อซู (Sue) เป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ ที่มีความสมบูรณ์ที่สุด มีขนาดลำตัวยาวกว่า 12.8 เมตร และความสูงถึงสะโพก 4 เมตร โดยตั้งชื่อมาจากซูฃานนักธรณีวิทยาที่ค้นพบ[4] ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Field Museum ที่ชิคาโก ในปี 2549 ซูได้เป็นตัวเอกหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ชื่อ Night at the Museum ของ ชอน เลวี่ (Shawn Levy) มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในพิพิธภัณฑ์ที่ต้องคำสาปให้กลับมีชีวิตขึ้นมาในตอนกลางคืน

เนื้อหา

[แก้] กายวิภาค

ตัวอย่างของไทรันโนซอรัส เร็กซ์หลายๆตัวอย่างเปรียบเทียบกับมนุษย์
การเปรียบเทียบขนาดของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่, ไทรันโนซอรัส เร็กซ์มีสีม่วง

ไทรันโนซอรัส เร็กซ์เป็นหนึ่งในไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ ตัวอย่างขนาดใหญ่ที่สุด สมบูรณ์ที่สุด มีชื่อว่า FMNH PR2081 หรือ "ซู" (Sue) มีความยาว 12.8 ม. สูงจากพื้นถึงสะโพก 4 ม.[2] มีน้ำหนักประมาณ 7.2 ตัน[5] หรือน้อยกว่า 4.5 ตัน[6][7] ซึ่งในปัจจุบันมีการประมาณกันว่าอยู่ในช่วง 5.4 ถึง 6.8 ตัน[3][8][9][10] ถึงแม้ว่าไทรันโนซอรัส เร็กซ์จะมีขนาดใหญ่กว่าไดโนเสาร์กินเนื้อในยุคจูแรสซิกอย่างอัลโลซอรัส แต่ก็ยังเล็กกว่าสไปโนซอรัสและจิกแกนโนโตซอรัส[11][12]

คอของไทรันโนซอรัส เร็กซ์งอโค้งเป็นรูปตัวเอสตามธรรมชาติเหมือนไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดอื่นๆ แต่มีขนาดสั้นและล่ำสันเพื่อรองรับหัวที่มีขนาดใหญ่ ขาหน้ามีสองกรงเล็บกับ[1]กระดูกขนาดเล็กที่เป็นส่วนที่หลงเหลือของนิ้วที่สาม[13] แต่ขาหลังกลับยาวที่สุดเมื่อเทียบตามสัดส่วนของร่างกายในไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดต่างๆ หางยาวและมีน้ำหนักมาก อาจมีกระดูกมากกว่า 40 ชิ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างให้สมดุลกับหัวที่มีขนาดใหญ่และลำตัวของมัน เพื่อชดเชยขนาดที่ใหญ่โต กระดูกหลายชิ้นจึงกลวงเพื่อลดน้ำหนักตัวลงโดยไม่สูญเสียความแข็งแรงไป[1]

กะโหลกศีรษะของไทรันโนซอรัส เร็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบมีความยาว 1.5 ม.[14] โพรงช่องเปิดขนาดใหญ่ในกะโหลกศีรษะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักตัวและเป็นที่อยู่ของกล้ามเนื้อที่ยึดติดในกะโหลกเหมือนในไดโนเสาร์กินเนื้อทุกชนิด แต่ในส่วนอื่นของกะโหลกไทรันโนซอรัสแตกต่างจากไดโนเสาร์กินเนื้อชนิดอื่น กะโหลกมีขนาดกว้างในส่วนด้านหลังและแคบลงไปทางจมูกเพื่อให้การเห็นเป็นภาพเดียวด้วยสองตาได้ดีเป็นพิเศษ[15][16] กะโหลกศีรษะ กระดูกจมูก และกระดูกอีกสองสามชิ้นเชื่อมต่อกัน เพื่อป้องกันการการเคลื่อนตัวของกระดูก แต่ก็เป็นโพรงอากาศจำนวนมาก (ประกอบไปด้วยช่องว่างขนาดเล็กคล้ายรังผึ้ง) ซึ่งอาจทำให้กระดูกมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นและเบาขึ้น กระดูกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเหล่านี้เป็นเป็นโครงสร้างสำคัญของวงศ์ไทรันโนซอริดี (Tyrannosauridae) ทำให้การกัดทรงพลังขึ้นซึ่งเหนือกว่าไดโนเสาร์กินเนื้อวงศ์อื่น[17][18][19] ปลายของขากรรไกรบนเป็นรูปตัวยู (ไดโนเสาร์กินเนื้อวงศ์อื่นส่วนมากมีขากรรไกรบนเป็นรูปตัววี) ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนของเนื้อเยื่อและกระดูกที่ไทรันโนซอรัสกัดออกมาได้ในหนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่าจะเพิ่มแรงตึงเครียดบนฟันหน้าด้วยก็ตาม[20][21]

ภาพวาดของไทรันโนซอรัส เร็กซ์เมื่อยังมีชีวิต

ฟันของไทรันโนซอรัส เร็กซ์เป็นแบบเฮเทอโรดอนต์ (มีลักษณะรูปร่างต่าง) [1][22] ฟันหน้าบนขากรรไกรบนเบียดชิดกันมากเป็นฟันตัด (ปลายฟันเหมือนกับใบมีด) มีรูปร่างเป็นตัวดีเมื่อตัดขวาง เสริมด้วยสันบนผิวด้านหลัง และโค้งไปด้านหลัง ซึ่งลักษณะเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้ฟันหักเมื่อไทรันโนซอรัสกัดและดึง ส่วนฟันที่เหลือแข็งแรงทนทานมาก มีลักษณะคล้ายกล้วยหอมมากกว่ากริช อยู่ห่างกันมากและมีสันเสริมด้วยเช่นกัน[23] ฟันบนขากรรไกรบนจะใหญ่กว่าฟันบนขากรรไกรล่าง ฟันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการค้นพบ ยาวประมาณ 30 ซม (12 นิ้ว) รวมรากฟัน ซึ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาไดโนเสาร์กินเนื้อ[2]

[แก้] การจำแนก

ไทรันโนซอรัสเป็นสกุลต้นแบบของวงศ์ใหญ่ไทรันโนซอรอยเดีย (Tyrannosauroidea), วงศ์ไทรันโนซอริดี, และวงศ์ย่อยไทรันโนซอริมี (Tyrannosaurinae) หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือเป็นมาตราฐานสำหรับนักบรรพชีวินวิทยาตัดสินใจว่าจะเพิ่มสปีชีส์อื่นลงไปในกลุ่มเดียวกันหรือไม่ สมาชิกอื่นๆของวงส์ย่อยไทรันโนซอริมีก็มี ดัสเพลททอซอรัส (Daspletosaurus) จากอเมริกาเหนือและ ทาร์บอซอรัส (Tarbosaurus) จากทวีปเอเชีย[24][25] ซึ่งในบางครั้งทั้งสองก็ถูกจัดเป็นชื่อพ้องของไทรันโนซอรัส[21] มีการคิดกันว่าไดโนเสาร์พวกไทรันโนซอรัสนั้นเป็นลูกหลานของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่อย่างเมกะโลซอรัส (megalosaurs) และคาร์โนซอร์ (carnosaurs) ถึงแม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้มีการจำแนกใหม่ว่าไทรันโนซอรัสเป็นซีลูโรซอร์ (coelurosaurs) ที่มีขนาดเล็กกว่า[20]

ในปีค.ศ. 1955 นักบรรพชีวินวิทยาชาวสหภาพโซเวียตที่ชื่อ เอฟเจนนี มอลวีฟ (Evgeny Maleev) ได้ตั้งชื่อไดโนเสาร์ชนิดใหม่จากประเทศมองโกเลียว่า Tyrannosaurus bataar[26] แต่ในปีค.ศ. 1965 ไดโนเสาร์ชนิดนี้ได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า Tarbosaurus bataar[27] สาเหตุของการตั้งชื่อใหม่นี้ เนื่องมาจากการวิเคราะห์วงศ์วานวิวัฒนาการพบว่า Tarbosaurus bataar มีบรรพบุรุษร่วมกันแบบมีลำดับชั้นกับ Tyrannosaurus rex[25] และบ่อยครั้งมันได้รับการพิจารณาเป็นไทรันโนซอรัสแห่งทวีปเอเชีย[20][28][29] แต่เมื่อเร็วๆนี้ การศึกษากระโหลกศีรษะของ Tarbosaurus bataar พบว่ากระโหลกแคบกว่าของไทรันโนซอรัส เร็กซ์และเมื่อกัด การกระจายตัวของความเครียดในกระโหลกก็แตกต่างกันกับไทรันโนซอร์ของเอเชียชนิดอื่นๆ ใกล้เคียงกับ Alioramus มากกว่า[30]เมื่อวิเคระห์ความสัมพันธ์ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีบรรพบุรุษร่วมกันแบบมีลำดับชั้น พบว่า Alioramus น่าจะมีบรรพบุรุษร่วมกันแบบมีลำดับชั้นของ Tarbosaurus มากกว่าจะเป็นไทรันโนซอรัส ซึ่งถ้าเป็นความจริงก็ควรจะแยก Tarbosaurus และไทรันโนซอรัสออกจากกัน[24]


[แก้] อ้างอิง

  1. ^ 1.0 1.1 1.2 1.3 Brochu, Christopher A. (2003). Osteology of Tyrannosaurus Rex: Insights from a Nearly Complete Skeleton and High-resolution Computed Tomographic Analysis of the Skull. Northbrook, Illinois: Society of Vertebrate Paleontology. OCLC 51651461. 
  2. ^ 2.0 2.1 2.2 Sue's vital statistics. Sue at the Field Museum. Field Museum of Natural History. สืบค้นวันที่ 2007-09-15
  3. ^ 3.0 3.1 Erickson, Gregory M.; Makovicky, Peter J.; Currie, Philip J.; Norell, Mark A.; Yerby, Scott A.; & Brochu, Christopher A. (2004). "Gigantism and comparative life-history parameters of tyrannosaurid dinosaurs". Nature 430 (7001): 772–775. doi:10.1038/nature02699 
  4. ^ เว็บไซต์นิทรรศการไดโนเสาร์ ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
  5. ^ Henderson DM (Jan 1999). "Estimating the masses and centers of mass of extinct animals by 3-D mathematical slicing". Paleobiology 25 (1): 88–106 
  6. ^ Anderson, JF; Hall-Martin AJ Russell DA (1985). "Long bone circumference and weight in mammals, birds and dinosaurs". Journal of Zoology 207 (1): 53–61 
  7. ^ Bakker, Robert T. (1986). The Dinosaur Heresies. New York: Kensington Publishing. ISBN 0-688-04287-2. OCLC 13699558. 
  8. ^ Farlow, JO; Smith MB, Robinson JM (1995). "Body mass, bone "strength indicator", and cursorial potential of Tyrannosaurus rex". Journal of Vertebrate Paleontology 15 (4): 713–725 
  9. ^ Seebacher, Frank. (2001). "A new method to calculate allometric length-mass relationships of dinosaurs". Journal of Vertebrate Paleontology 21 (1): 51–60. doi:10.1671/0272-4634(2001)021[0051:ANMTCA]2.0.CO;2 
  10. ^ Christiansen, Per; & Fariña, Richard A. (2004). "Mass prediction in theropod dinosaurs". Historical Biology 16 (2-4): 85–92. doi:10.1080/08912960412331284313 
  11. ^ dal Sasso, Cristiano; Maganuco, Simone; Buffetaut, Eric; & Mendez, Marcos A. (2005). "New information on the skull of the enigmatic theropod Spinosaurus, with remarks on its sizes and affinities". Journal of Vertebrate Paleontology 25 (4): 888–896. doi:10.1671/0272-4634(2005)025[0888:NIOTSO]2.0.CO;2 
  12. ^ Calvo, Jorge O.; Rodolfo Coria (December 1998). "New specimen of Giganotosaurus carolinii (Coria & Salgado, 1995), supports it as the as the largest theropod ever found" (pdf). Gaia Revista de Geociências 15: 117–122 
  13. ^ Lipkin, Christine (2008). "Looking again at the forelimb of Tyrannosaurus rex". in Carpenter, Kenneth; and Larson, Peter E. (editors). Tyrannosaurus rex, the Tyrant King (Life of the Past). Bloomington: Indiana University Press. pp. 167–190. ISBN 0-253-35087-5. 
  14. ^ Montana State University (2006-04-07) Museum unveils world's largest T-rex skull ข่าวหนังสือพิมพ์ เรียกดูเมื่อ 2008-09-13
  15. ^ Stevens, Kent A. (June 2006). "Binocular vision in theropod dinosaurs" (PDF). Journal of Vertebrate Paleontology 26 (2): 321–330. doi:10.1671/0272-4634(2006)26[321:BVITD]2.0.CO;2 
  16. ^ Jaffe, Eric (2006-07-01). "Sight for 'Saur Eyes: T. rex vision was among nature's best". Science News 170 (1): 3. doi:10.2307/4017288. เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-06 
  17. ^ Snively, Eric; Donald M. Henderson, and Doug S. Phillips (2006). "Fused and vaulted nasals of tyrannosaurid dinosaurs: Implications for cranial strength and feeding mechanics" (PDF). Acta Palaeontologica Polonica 51 (3): 435–454. เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-08 
  18. ^ Erickson, G.M.; Van Kirk, S.D.; Su, J.; Levenston, M.E.; Caler, W.E.; and Carter, D.R. (1996). "Bite-force estimation for Tyrannosaurus rex from tooth-marked bones". Nature 382: 706–708. doi:10.1038/382706a0 
  19. ^ Meers, M.B. (August 2003). "Maximum bite force and prey size of Tyrannosaurus rex and their relationships to the inference of feeding behavior". Historical Biology: A Journal of Paleobiology 16 (1): 1–12. doi:10.1080/0891296021000050755 
  20. ^ 20.0 20.1 20.2 Holtz, Thomas R. (1994). "The Phylogenetic Position of the Tyrannosauridae: Implications for Theropod Systematics". Journal of Palaeontology 68 (5): 1100–1117. doi:10.2307/1306180 (inactive 2010-02-20). เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-08 
  21. ^ 21.0 21.1 Paul, Gregory S. (1988). Predatory dinosaurs of the world: a complete illustrated guide. New York: Simon and Schuster. ISBN 0-671-61946-2. OCLC 18350868. แม่แบบ:Pn
  22. ^ Smith, J.B. (December 2005). "Heterodonty in Tyrannosaurus rex: implications for the taxonomic and systematic utility of theropod dentitions" (PDF). Journal of Vertebrate Paleontology 25 (4): 865–887. doi:10.1671/0272-4634(2005)025[0865:HITRIF]2.0.CO;2 
  23. ^ Douglas K, Young S (1998). "The dinosaur detectives". New Scientist. เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-16 “One palaeontologist memorably described the huge, curved teeth of T. rex as 'lethal bananas'” 
  24. ^ 24.0 24.1 Currie, Philip J.; Jørn H. Hurum and Karol Sabath (2003). "Skull structure and evolution in tyrannosaurid dinosaurs" (PDF). Acta Palaeontologica Polonica 48 (2): 227–234. เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-08 
  25. ^ 25.0 25.1 Holtz, Thomas R., Jr. (2004). "Tyrannosauroidea". in David B. Weishampel, Peter Dodson and Halszka Osmólska. The dinosauria. Berkeley: University of California Press. pp. 111–136. ISBN 0-520-24209-2. 
  26. ^ Maleev, E. A. (1955). "{{{title}}}" (in Russian). Doklady Akademii Nauk SSSR 104 (4): 634–637 
  27. ^ Rozhdestvensky, AK (1965). "Growth changes in Asian dinosaurs and some problems of their taxonomy". Paleontological Journal 3: 95–109 
  28. ^ Carpenter, Kenneth (1992). "Tyrannosaurids (Dinosauria) of Asia and North America". in Niall J. Mateer and Pei-ji Chen. Aspects of nonmarine Cretaceous geology. Beijing: China Ocean Press. ISBN 9787502714635. OCLC 28260578. 
  29. ^ Carr, Thomas D.; Thomas E. Williamson and David R. Schwimmer (March 2005). "A New Genus and Species of Tyrannosauroid from the Late Cretaceous (Middle Campanian) Demopolis Formation of Alabama". Journal of Vertebrate Paleontology 25 (1): 119–143. doi:10.1671/0272-4634(2005)025[0119:ANGASO]2.0.CO;2 
  30. ^ Hurum, Jørn H.; Karol Sabath (2003). "Giant theropod dinosaurs from Asia and North America: Skulls of Tarbosaurus bataar and Tyrannosaurus rex compared" (PDF). Acta Palaeontologica Polonica 48 (2): 161–190. เรียกข้อมูลวันที่ 2008-10-08 

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

Commons



Apatosaurus LeCire.jpg ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ เป็นบทความเกี่ยวกับ บรรพชีวินวิทยา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ