เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตโยงมาที่หน้านี้ สำหรับผู้ที่ใช้พระนามว่า "เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ต" อื่นๆ ดู เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ต (แก้ความกำกวม)
| พระนาม | เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน |
| พระอิสริยยศ | เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน |
| ฐานันดรศักดิ์ | เจ้าฟ้าหญิง |
| ราชวงศ์ | พระราชวงศ์อังกฤษ |
| ประสูติ | 21 สิงหาคม พ.ศ. 2473 |
| สวรรคต | 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 |
| พระราชบิดา | สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 |
| พระราชมารดา | สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ |
| พระสวามี | แอนโทนี่ ชาร์ลส์ โรเบิร์ต อาร์มสตรอง-โจนส์ (หย่า) |
| พระราชโอรส/ธิดา | ฮอนเนอเรเบิลเดวิด อัลเบิร์ต ชาร์ลส์ อาร์มสตรอง-โจนส์ เลดี้ซาร่าห์ ฟรานเซส เอลิซาเบธ อาร์มสตรอง-โจนส์ |
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต เค้านท์เตสแห่งโสนว์ดอน (มาร์กาเร็ต โรส อาร์มสตรอง-โจนส์ เดิม วินด์เซอร์; 21 สิงหาคม พ.ศ. 2473 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545) ทรงเป็นพระราชธิดาองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ และพระขนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระประมุขแห่งอังกฤษองค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเค้านท์เตสแห่งโสนว์ดอนจากการอภิเษกสมรส
เนื้อหา |
[แก้] ชีวิตในวัยเยาว์
เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตประสูติวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2473 ณ ปราสาทกลามีส (Glamis Castle) ประเทศสกอตแลนด์ พระองค์ทรงเป็นรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษพระองค์แรกที่ประสูติที่สกอตแลนด์ นับแต่ 300 ปีที่แล้ว พระบิดาและพระมารดาของพระองค์คือ เจ้าฟ้าดยุคและดัชเชสแห่งยอร์ค (Their Royal Highness the Duke and Duchess of York) ในฐานะพระราชนัดดาของพระมหากษัตริย์ผ่านทางสายพระราชโอรส ทรงดำรงพระอิสริยยศเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต แห่งยอร์ค มาตั้งแต่แรกเริ่มประสูติ พระองค์ทรงรับศีลล้างบาปที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม พ่อและแม่ทูนหัวของพระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 เจ้าหญิงอินกริดแห่งสวีเดน เจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งเวลส์ เลดี้โรส เลเวนซัน-โกเวอร์ และฮอนเนอเรเบิ้ลเดวิด โบวส์-ลีออน (พระราชอนุชาในสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธ พระราชชนนี)
เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตมีพี่พระเชษฐภคินี 1 พระองค์คือ
1.สมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
 เจ้าฟ้าหญิงอลิซาเบธและเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ต |
EIIR-80-sm.jpg
|
 เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตในวัยสาว |
 แม่-ลูก |
เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตได้รับการศึกษาพร้อมๆ กับพระเชษฐภินี โดยมาเรียน ครอว์ฟอร์ด (Marion Crawford) ในปี พ.ศ. 2479 สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระบรมราชปิตุลา (ลุง) ของพระองค์สละราชสมบัติ พระราชบิดาเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเลื่อนเป็นเจ้าฟ้า พระองค์ได้โดยเสด็จไปในพระราชพิธีราชาภิเษกของพระชนกและพระชนนีในปี พ.ศ. 2480
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มาร์กาเร็ตประทับอยู่ที่พระราชวังวินด์เซอร์ นอกกรุงลอนดอน ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 พระราชบิดาของพระองค์เสด็จสวรรคต พระเชษฐภคินีของพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
[แก้] ชีวิตรักกับปีเตอร์ ทาวน์เซนด์
สองปีหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระพี่นาง เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตทรงกลายเป็นเป้าหมายของสื่อมวลชนและถูกจับจ้องทุกพระอิริยาบถ เหตุผลก็เพราะเจ้าฟ้าหญิงทรงพระประสงค์ที่จะทรงเสกสมรสกับปีเตอร์ ทาวน์เซนด์ ผู้บัญชาการทหารอากาศและราชองครักษ์ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดา ปีเตอร์อายุมากกว่าเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตถึง 16 ปี และเคยสมรสพร้อมกับหย่ามาแล้ว จึงเป็นผู้ที่ไม่สมควรจะเสกสมรสกับเจ้าหญิงแห่งสหราชอาณาจักร ในความเห็นของรัฐบาลและนิกายโบสถ์แห่งอังกฤษ
ถึงแม้ว่าเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตจะไม่จำเป็นต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระเชษฐภคินี หรือความเห็นชอบจากสภา เพราะขณะนั้นพระองค์ทรงบรรลุนิติภาวะแล้วและมีพระชนม์ 25 พรรษา จึงทรงมีอิสระที่จะทำทุกอย่างได้ตามพระทัย หากแต่การกระทำเช่นนั้นจะทำให้พระองค์ถูกตัดออกจากผู้มีสิทธิ์รับเงินปีในฐานะพระราชวงศ์ พระองค์จะต้องสูญเสียพระอิสริยยศเจ้าฟ้าหญิงแห่งบริเตนใหญ่ สหราชอาณาจักรและทั้งหมด ทั้งนี้จะถูกตัดพระราชสิทธิ์ในการเสด็จขึ้นครองราชย์บัลลังก์อีกด้วย ท้ายที่สุดอาจถึงขั้นต้องเสด็จออกไปประทับที่ต่างประเทศ ด้วยพระสามัญสำนึกในฐานะเจ้าฟ้าหญิงสมเด็จพระราชธิดา และคำแนะนำจากอาร์คบิชอป แห่งแคนเธอเบรี และนักการเมืองอาวุโสอีกหลายท่าน ในที่สุดเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่เสกสมรสกับปีเตอร์ ทาวน์เซนด์ โดยทรงมีพระดำรัสต่อหน้าสาธารณะชนจำนวนมาก
"ข้าพเจ้าขอประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบโดยทั่วกันว่า..ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจที่จะไม่แต่งงานกับกัปตัน ปีเตอร์ ทาวน์เซนด์ เพราะเพื่อความถูกต้องแห่งกฏของพระศาสนา และด้วยภาระหน้าที่ที่ข้าพเจ้ามีต่อสหราชอาณาจักรที่ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด"
ตามความเป็นจริงแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ยืนยันว่าหากสมมติมากาเร็ตทรงเสกสมรสกับปีเตอร์จริง พระองค์จะไม่ทรงถูกตัดออกจากเงินปี และจะไม่สูญเสียพระอิสริยยศใดๆ ด้วย สิ่งที่พอจะเป็นไปได้นั้นก็คือพระองค์จะเสียพระราชสิทธิ์ในการเสด็จขึ้นครองราชย์บัลลังก์ (ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เองก็ไม่สูญเสียพระราชสิทธิ์นี้ไป) เหตุการณ์นี้อาจเป็นไปได้เพราะว่านักการเมืองและประชาชนกำลังรู้สึกเกลียดและกลัวจากการทรงเสกสมรสของอดีตพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 กับนางวอลลิส ซิมป์สัน ซึ่งมีท่าทีว่าจะย้อนรอยมาเมื่อเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตทรงพระประสงค์ที่เสกสมรสกับคนที่หย่าแล้วนั่นเอง
[แก้] อภิเษกสมรส
ภายหลังความรักอันไม่สมหวังกับปีเตอร์ ทาวน์เซนด์ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตทรงอภิเษกสมรสกับช่างถ่ายภาพนามว่า แอนโทนี่ ชาร์ลส์ โรเบิร์ต อาร์มสตรอง-โจนส์ (Antony Charles Robert Amstrong-Jones, 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2473) ณ มหาวิหารเวสมินสเตอร์ กรุงลอนดอน โดยแอนโทนี่ได้รับการสถาปนาเป็นเอิร์ลแห่งสโนว์ดอน (Earl of Snowdon) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 ดังนั้นมากาเร็ตจึงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นเค้านท์เตสแห่งสโนว์ดอน แต่ได้ทรงหย่าร้างเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 พระองค์ทรงมีพระโอรสและธิดา ดังนี้
- ฮอนเนอเรเบิลเดวิด อัลเบิร์ต ชาร์ลส์ อาร์มสตรอง-โจนส์ (Honorable David Albert Charles Amstrong-Jones, Viscount Linley) ดำรงยศเป็นวิสเค้านท์ลินเลย์ ในฐานะผู้จะสืบตำแหน่งเอิร์ลแห่งสโนว์ดอน เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 ณ ตำหนักคลาเรนซ์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 12 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ สมรสกับฮอนเนอเรเบิ้ลเซเรน่า แอลลีน สแตนโฮป (Honorable Serena Alleyne Stanhope, 1 มีนาคม พ.ศ. 2513) เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ณ กรุงลอนดอน มีบุตรและธิดา 2 คน คือ
- ฮอนเนอเรเบิลชาร์ลส์ แพทริค อินิโก อาร์มสตรอง-โจนส์ (Honorable Charles Patrick Inigo Armstrong-Jones) เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ณ โรงพยาบาลพอร์ตแลนด์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 13 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ
- ฮอนเนอเรเบิลมาร์การิตา เอลิซาเบธ โรส แอลลีน อาร์มสตรอง-โจนส์ (Honorable Margarita Elizabeth Rose Alleyne Armstrong-Jones) เกิดวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ณ โรงพยาบาลพอร์ตแลนด์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 14 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ
- เลดี้ซาร่าห์ ฟรานเซส เอลิซาเบธ อาร์มสตรอง-โจนส์ (Lady Sarah Frances Elizabeth Armstrong-Jones) หรือ เลดี้ซาร่าห์ แชตโต (Lady Sarah Chatto) เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 ณ ตำหนักคลาเรนซ์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 15 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ สมรสกับแดเนี่ยล แชตโต (Daniel Chatto, 22 เมษายน พ.ศ. 2500) เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ณ กรุงลอนดอน มีบุตรชายสองคน คือ
- แซมวล เดวิด เบเนดิกต์ แชตโต (Samuel David Benedict Chatto) เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ณ โรงพยาบาลพอร์ตแลนด์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 16 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ
- อาร์เธอร์ โรเบิร์ต นาธาเนียล แชตโต (Arthur Robert Nathaniel Chatto) เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ณ โรงพยาบาลพอร์ตแลนด์ กรุงลอนดอน เป็นรัชทายาทสืบราชสมบัติลำดับที่ 17 แห่งพระราชวงศ์อังกฤษ
[แก้] พระอิสริยยศ
- พ.ศ. 2473 - พ.ศ. 2479: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตแห่งยอร์ค (Her Royal Highness The Princess Margaret of York)
- พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2503: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต (Her Royal Highness The Princess Margaret)
- พ.ศ. 2503 - พ.ศ. 2504: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต นางแอนโทนี อาร์มสตรอง-โจนส์ (Her Royal Highness The Princess Margaret, Mrs Antony Armstrong-Jones)
- พ.ศ. 2504 - พ.ศ. 2545: สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต เคานท์เตสแห่งสโนว์ดอน (Her Royal Highness The Princess Margaret, Countess of Snowdon)
[แก้] สิ้นพระชนม์
เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 สิริพระชนมายุ 71 พรรษา หลังจากทรงทุกข์ทรมานจากโรคร้าย งานพระศพจัดขึ้น 50 ปีหลังจากงานพระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร และในงานพระราชพิธีกาญจนาภิเษก (ครองราชย์ครบ 50 ปี)ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 งานพระศพจัดขึ้นโดยพระราชวงศ์ของพระองค์ ส่วนพระราชพิธีพระศพเริ่ม 1 สัปดาห์หลังจากนั้น พระราชพิธีนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่พสกนิกรได้เห็นสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระบรมราชชนนี
[แก้] ไว้อาลัย
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ พระภาติยะ (หลานชาย) ได้ทรงกล่าวไว้อาลัยถวายแก่เจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ต ความตอนหนึ่งว่า
- "My aunt was one of those remarkable people who apart from being incredibly vital and attractive, and of course when she was young so many people remember her for that vitality and attractiveness and indeed her incredible beauty, but she also, and I think many people do not realise this, but she had such incredible talent."
