ดาวพลูโต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาพดาวพลูโตถ่ายจากโลก เป็นภาพที่ สว่างที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันทำได้ |
|||||||
การค้นพบ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ค้นพบโดย: | ไคลด์ ทอมบอก์ | ||||||
ค้นพบเมื่อ: | 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 | ||||||
ชนิดของดาวเคราะห์น้อย: | ดาวเคราะห์แคระ | ||||||
ลักษณะเฉพาะของวงโคจร | |||||||
จุดเริ่มยุค J2000 | |||||||
ระยะจุด ไกลดวงอาทิตย์ที่สุด: |
7,375,927,931 กม. (49.30503287 หน่วยดาราศาสตร์) |
||||||
ระยะจุด ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด: |
4,436,824,613 กม. (29.65834067 หน่วยดาราศาสตร์) |
||||||
กึ่งแกนเอก: | 5,906,376,272 กม. (39.48168677 หน่วยดาราศาสตร์) |
||||||
เส้นรอบวง ของวงโคจร: |
36.530 เทระเมตร (244.186 หน่วยดาราศาสตร์) |
||||||
ความเยื้องศูนย์กลาง: | 0.24880766 | ||||||
คาบดาราคติ: | 90,613.3058 วัน (248.09 ปีจูเลียน) |
||||||
คาบซินอดิก: | 366.74 วัน | ||||||
อัตราเร็วเฉลี่ย ในวงโคจร: |
4.666 กม./วินาที | ||||||
อัตราเร็วสูงสุด ในวงโคจร: |
6.112 กม./วินาที | ||||||
อัตราเร็วต่ำสุด ในวงโคจร: |
3.676 กม./วินาที | ||||||
ความเอียง: | 17.14175° (11.88° กับศูนย์สูตรดวงอาทิตย์) |
||||||
ลองจิจูด ของจุดโหนดขึ้น: |
110.30347° | ||||||
ระยะมุมจุด ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด: |
113.76329° | ||||||
จำนวนดาวบริวาร: | 3 | ||||||
ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ | |||||||
เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย: | 2,390 กม. (0.180×โลก) |
||||||
พื้นที่ผิว: | 1.795×107 กม.² (0.033×โลก) |
||||||
ปริมาตร: | 7.15×109 กม.³ (0.0066×โลก) |
||||||
มวล: | 1.25×1022กก. (0.0021×โลก) |
||||||
ความหนาแน่นเฉลี่ย: | 1.750 กรัม/ซม.³ | ||||||
ความโน้มถ่วง ที่ศูนย์สูตร: |
0.58 เมตร/วินาที² (0.059 จี) |
||||||
ความเร็วหลุดพ้น: | 1.2 กม./วินาที | ||||||
คาบการหมุน รอบตัวเอง: |
−6.387 วัน (6 ชม. 9 นาที 17.6 วินาที) |
||||||
ความเร็วการหมุน รอบตัวเอง: |
47.18 กม./ชม. | ||||||
ความเอียงของแกน: | 119.61° | ||||||
ไรต์แอสเซนชัน ของขั้วเหนือ: |
313.02° (20 ชม. 52 นาที 5 วินาที) |
||||||
เดคลิเนชัน ของขั้วเหนือ: |
9.09° | ||||||
อัตราส่วนสะท้อน: | 0.30 | ||||||
อุณหภูมิพื้นผิว: ยอดเมฆ |
|
||||||
โชติมาตรปรากฏ: | 14 | ||||||
ลักษณะเฉพาะของบรรยากาศ | |||||||
ความดันบรรยากาศ ที่พื้นผิว: |
0.15-0.30 กิโลปาสกาล | ||||||
องค์ประกอบ: | ไนโตรเจน และ มีเทน |
ดาวพลูโต (โมโนแกรม: ) เป็นดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ อยู่นอกวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป ในบริเวณแถบไคเปอร์ มีขนาดเล็กกว่า ดวงจันทร์ 7 ดวงในระบบสุริยะ (ดวงจันทร์ของโลก ไอโอ ยูโรปา แกนีมีด คัลลิสโต ไททัน และไทรตัน) ดาวพลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2,390 กิโลเมตร มีดวงจันทร์บริวาร 3 ดวง ชื่อ คารอน (มีขนาดประมาณ 1/5 ของพลูโต) นิกซ์ และไฮดรา (2 ดวงหลัง ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2548)
พลูโตเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองบาดาลในเทพนิยายโรมัน หรือ เรียกว่า ฮาเดส ในเทพนิยายกรีก สันนิษฐานว่าสาเหตุหนึ่งที่ตั้งชื่อดาวดวงนี้ว่า พลูโต ก็เพื่อให้มีตัวอักษร "P-L" ในชื่อ เพื่อเป็นเกียรติแก่ เปอร์ซิวัล โลเวลล์ ในภาษาไทยอาจเรียกพลูโต ว่า ดาวยม หมายถึง ยมโลก หรือ นรก ซึ่งก็มีความหมายพ้องกับชื่อ พลูโต หรือ ฮาเดส ในตำนานกรีก
เนื้อหา |
[แก้] การค้นพบพลูโต
ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2473 โดยบังเอิญ มีการคำนวณหาตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงใหม่ถัดจาก ดาวเนปจูนโดยใช้ฐานข้อมูลการเคลื่อนที่ของดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งไคลด์ ทอมบอก์แห่งหอดูดาว โลเวลล์ ในรัฐแอริโซนา ได้ทำการสำรวจท้องฟ้า และพบดาวพลูโตในที่สุด
ขณะนั้นถือว่าดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กที่สุด เป็นเวลา 76 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2473-2549
หลังจากที่ได้ค้นพบดาวพลูโตแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ขนาดของดาวพลูโต เล็กเกินกว่าที่จะรบกวน วงโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ จะต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงจะรบกวนดาวเนปจูนได้ ดังนั้นการค้นหาดาวเคราะห์ X จึงมีขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดถูกค้นพบเพิ่มเติม จนกระทั่ง ยานวอยเอเจอร์ 2 ได้ข้อมูลด้านมวลสารของดาวเนปจูนเพิ่มเติม ข้อถกเถียงดังกล่าวจึงหมดไป โดยไม่จำเป็นต้องมีดาวเคราะห์ดวงที่ 10
อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษล่าสุดมีการค้นพบ วัตถุที่คล้ายดาวพลูโตมากมาย ในบริเวณเดียวกับดาวพลูโตที่เรียกว่า แถบไคเปอร์ และดาวพลูโตก็มีลักษณะไม่สอดคล้องกับกำเนิดของดาวเคราะห์อย่าง ดาวเคราะห์ก๊าซ หรือ ดาวเคราะห์หิน นำมาสู่หัวข้อในที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก
[แก้] เปลี่ยนสถานะเป็นดาวเคราะห์แคระ
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งประกอบด้วยนักดาราศาสตร์กว่า 2,500 คนจาก 75 ประเทศทั่วโลก ได้มีมติกำหนดนิยามใหม่ของดาวเคราะห์
ส่งผลให้ดาวพลูโตถูกปลดออกจากการเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ คงเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวง เนื่องจากดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกระบบสุริยะ และให้ถือว่าดาวพลูโตเป็น ดาวเคราะห์แคระ (และวัตถุในระบบสุริยะ (นอกจากดวงอาทิตย์) ได้ถูกจัดใหม่เป็น 3 ประเภท คือ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ และวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ)
การประชุมเพื่อถกเถียงเรื่องสถานภาพของดาวพลูโต ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์
ดาวพลูโตอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากและได้รับแสงน้อย จึงมีอุณหภูมิต่ำมาก นักดาราศาสตร์จะได้ศึกษาดาวพลูโต และวัตถุในแถบไคเปอร์อย่างละเอียดในปี พ.ศ. 2558 เมื่อยานนิวฮอไรซันส์ของนาซา ซึ่งถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549 เดินทางไปถึงวงโคจรของดาวพลูโต ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558
[แก้] การจำแนกดาวพลูโตเป็นวัตถุกลุ่มพลูตอยด์
วันที่ 11 มิถุนายน 2551 ที่ประชุมกรรมการบริหารสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ได้กำหนดให้ดาวพลูโตเป็นวัตถุต้นแบบของกลุ่มวัตถุที่เรียกว่า "พลูตอยด์ (plutoid)" โดยถือได้ว่าเป็นกลุ่มย่อยของดาวเคราะห์แคระ ใช้เรียกดาวเคราะห์แคระที่อยู่ไกลกว่าวงโคจรของดาวเนปจูน[1]
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้] ข่าว
- “พลูโต” โดนโหวตออก ระบบสุริยะเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวง
- จัดระเบียบจักรวาลนิยามใหม่ “ดาวเคราะห์” - “ดาวเคราะห์แคระ”
- สถาบันดาราศาสตร์เตรียมแถลงแพร่ข้อมูลลดชั้น “พลูโต” สัปดาห์หน้า
[แก้] อ้างอิง
|
ดาวพลูโต เป็นบทความเกี่ยวกับ ดาราศาสตร์ หรือ จักรวาลวิทยา ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ ดาวพลูโต ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ดาราศาสตร์ |