แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ (ภาพยนตร์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์
HP5.jpg
ผู้กำกับ เดวิด เยตส์
อำนวยการสร้าง เดวิด เฮย์แมน
เดวิด แบร์รอน
บทภาพยนตร์ จากนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง
บทภาพยนตร์โดย ไมเคิล โกลเดนเบิร์ก
นักแสดงนำ แดเนียล แรดคลิฟฟ์
รูเพิร์ท กรินท์
เอ็มม่า วัตสัน
เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์
ร็อบบี้ โคลเทรน
วอร์วิค เดวิส
ราล์ฟ เฟนส์
ไมเคิล แกมบอน
เบรนแดน กลีสัน
ริชาร์ด กริฟฟิธส์
เจสัน ไอแซ็กส์
แกรี่ โอลด์แมน
อลัน ริคแมน
ฟิโอน่า ชอว์
แมกกี้ สมิธ
อิเมลด้า สทอนตัน
เดวิด ธิวลิส
เอ็มม่า ทอมป์สัน
จูลี่ วอลเตอร์ส
เพลงประกอบ นิโคลาส ฮูเปอร์
กำกับภาพ สลาโวเมอร์ อิดเซียค
ตัดต่อ มาร์ค เดย์
จัดจำหน่าย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
วันที่เข้าฉาย 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ความยาว 138 นาที
ภาษา ภาษาอังกฤษ
งบประมาณ 150ล้านเหรียณสหรัฐ
รายได้ 938,468,864เหรียญสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี
ต่อจากนี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ (อังกฤษ: Harry Potter and the Order of the Phoenix) ภาพยนตร์ภาคที่ 5 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส จากวรรณกรรมเยาวชน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ และ เดวิด แบร์รอน ไมเคิล โกลเดนเบิร์ก เขียนบทภาพยนตร์ จากนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์, เอ็มม่า วัตสัน, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, ร็อบบี้ โคลเทรน, วอร์วิค เดวิส, ราล์ฟ เฟนส์, ไมเคิล แกมบอน, เบรนแดน กลีสัน, ริชาร์ด กริฟฟิธส์, เจสัน ไอแซคส์, แกรี่ โอลด์แมน, อลัน ริคแมน, ฟิโอน่า ชอว์, แมกกี้ สมิธ, อิเมลด้า สทอนตัน, เดวิด ธิวลิส, เอ็มม่า ทอมป์สัน และ จูลี่ วอลเตอร์ส

ทำรายได้จากการฉายทั่วโลกไปแล้ว 360.7 ล้านหรียญเพียงสัปดาห์แรก ส่วนในประเทศไทยกับการทำรายได้ในสัปดาห์เปิดตัวไปได้ 70.2 ล้านบาท ในสัปดาห์แรก

เนื้อหา

[แก้] เนื้อเรื่องย่อ

ระวังเสียอรรถรส ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ

แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในระหว่างที่เขารอการขึ้นปีที่ห้า ของการเรียนที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มด และเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ การต้องทนอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ที่ร้ายกาจ และเขายังไม่ได้รับจดหมายแม้แต่ฉบับเดียว จากเพื่อนๆ ร่วมชั้นและเพื่อนสนิทอย่าง รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เสียอีก และยังไม่ได้ยินข่าวจากใครสักคน หลังจากเหตุการณ์เผชิญหน้ากับ ลอร์ดโวลเดอมอร์ จดหมายที่มาถึง กลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังว่าจะได้รับ แจ้งว่าแฮร์รี่กำลังจะถูกไล่ออกจากฮอกวอตส์ เนื่องจากใช้ละเมิดกฎการใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียน และต่อหน้ามักเกิ้ล ซึ่งก็คือ ดัดลีย์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา โดยไม่คำนึงว่า นั่นเป็นการป้องกันตัวจากการโจมตีอย่างดุเดือด และไร้คำอธิบายของสองผู้คุมวิญญาณ

แฮร์รี่ต้องแก้ข้อกล่าวหาจนถึงที่สุด ต่อหน้าศาลโดยมีคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ที่เลือกปฏิบัติในการกำกับ แต่แฮร์รี่ถูกตัดสินให้พ้นผิด ต่อมาแฮร์รี่กลับมายังฮอกวอตส์ ซึ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของแฮร์รี่ถูกลดทอนลง เพราะเรื่องโกหกเกี่ยวกับเรื่องการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดของหนุ่มวัยรุ่นและโวลเดอมอร์

แฮร์รี่รู้สึกถูกตัดขาดจากสังคมและโดดเดี่ยว อีกทั้งยังถูกรบกวนด้วยฝันร้าย ที่เป็นเหมือนการทำนายเหตุการณ์น่าสพรึงกลัวต่างๆ แต่แล้วศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ผู้ที่เขาต้องการคำปรึกษามากที่สุด กลับทำตัวห่างเหินอย่างแปลกๆ

แล้วแฮร์รี่พึ่งจะรู้ว่า ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ก่อตั้งภาคีนกฟินิกซ์ ขึ้นอย่างลับๆโดยทางกระทรวงที่ไม่ทราบ แต่ ซีเรียส แบล็ก, เซเวอรัส เสนป, แมด อาย-มูดดี้,อาเธอร์-มอลลี วิสลีย์,รีมัส ลูปิน,นิมฟาดอร่า ท็องส์ และคนอื่นๆ ก็เป็นสมาชิกภาคีด้วย โดยสถานที่ตั้งของภาคี อยู่ที่ กริมโมสเพรส บ้านของเก่าซีเรียส โดยที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เสกคาถา ซ่อนบ้านไว้ด้วย

ในขณะเดียวกันที่โรงเรียน เพื่อจับตาดูดัมเบิลดอร์และบรรดานักเรียนฮอกวอตส์ ฟัดจ์ได้แต่งตั้งอาจารย์สอนวิชาศาสตร์มืดคนใหม่ ศาสตราจารย์โดโลเรส อัมบริดจ์ แต่บทเรียนคาถาป้องกันตัวที่ “กระทรวงอนุมัติ” ของศาสตราจารย์อัมบริดจ์ กลับทำให้บรรดาพ่อมดแม่มดน้อยไม่พร้อมที่จะป้องกันตนเอง จากพลังมืดที่ข่มขู่พวกเขา ดังนั้นจากการกระตุ้นของเฮอร์ไมโอนี่และรอน แฮร์รี่จึงตกลงยินยอมที่จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ในการพบปะกันอย่างลับๆ ของกลุ่มนักเรียนจำนวนไม่กี่คน ที่ตั้งชื่อกลุ่มว่า “กองทัพดัมเบิลดอร์” แฮร์รี่ฝึกสอนวิธีการให้พวกเขาป้องกันตัวเองจากศาสตร์มืด เตรียมให้พ่อมดแม่มดรุ่นเยาว์ และใช้ห้องลับห้องหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏบนแผนที่ตัวกวนนั่นคือ ห้องต้องประสงค์ เขาฝึกซ้อมสมาชิกที่นี่ก่อนที่จะเข้าสู่การต่อสู้อันไม่ธรรมดา ภายใต้ปลายจมูกของกระทรวง

ในภาคนี้ บรรดานักเรียนฮอกวอตส์ ปี 5 ต้อง สอบ ว.พ.ร.ส. (วิชาพ่อมดระดับสามัญ)นักเรียนทั้งหลายต่างกดดันเป็นที่สุดโดยเฉพาะแฮร์รี่ เมื่อกระทรวงเวทมนตร์เริ่มครอบงำโรงเรียนฮอกวอตส์ ไม่มีใครเชื่อว่า ลอร์ดโวลเดอมอร์ กำลังเข็มแข็งขึ้นเรื่อยมาหลังจากการประลองเวทไตรภาคี สิ้นสุดลง จนสุดท้ายแฮร์รี่ก็ต้องเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ(อีกครั้ง) ทางกระทรวงจะทราบความจริง หรือไม่ และความกดดันของโรงเรียนจะเป็นเช่นไร ต้องติดตาม...

จบเนื้อหาส่วนที่เสียอรรถรสแล้ว ข้อความด้านบนนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ


[แก้] ความสำเร็จของภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ประสบความสำเร็จมากในด้านรายได้ของภาพยนตร์เนื่องจากเวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉายเป็นช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมทำให้เด็กนักเรียนมาชมภาพยนตร์กันมาก ทำให้ภาพยนตร์ภาคที่5ขึ้นอันดับ1ในบ๊อกออฟฟิสได้ภายในสัปดาห์เดียวด้วยรายได้รวมทั่วโลกภายในสัปดาห์แรกทำได้ถึง360.7 ล้านหรียญและติดอยู่ในอันดับที่7ของภาพยนตร์ทำเงินมากที่สุดตลอดกาล ถือว่าภาพยนตร์ภาคที่5นี้ประสบความสำเร็จมากรวมรายได้ทั่วโลกทำไปได้ 938ล้านเหรียญ


[แก้] สื่ออื่นๆ

[แก้] เกม

บริษัทEA Gameยังคงได้ผลิตเกมภาคต่อของแฮร์รี่ พอตเตอร์ในเกมชุดที่5ที่ได้พัฒนาตัวเกมให้สมจริงมากกว่าภาคก่อนๆนอกจากนั้นยังได้มีการนำเสียงนักแสดงในภาพยนตร์บางส่วนมากพากย์เสียงประกอบตัวละครในเกมอีกด้วย ซึ่งการดำเนินเนื้อเรื้องจากต่างจากภาคก่อนๆเล็กน้อยคือผู้เล่นสามารถรวบรวมกองทัพดัมเบิลดอร์ทั้งหมดโดยการทำภารกิจต่างๆนอกจากนั้นยังสามารถรับบทเป็นดัมเบิลดอร์เพื่อต่อสู้กับโวลเดอมอร์ในกระทรวงเวทมนตร์ได้อีกด้วย

[แก้] ดนตรีประกอบ

ในภาพยนตร์ภาคที่5นี้ได้มีการนำนิโคลาส ฮูเปอร์มาประพันธ์ดนตรีให้กับภาพยนตร์ซึ่งเพลงทั้งหมดในอัลบั้มมีดังนี้

  1. "Fireworks" – 1:49
  2. "Professor Umbridge" – 2:35
  3. "Another Story" – 2:41
  4. "Dementors in the Underpass" – 1:45
  5. "Dumbledore's Army" – 2:42
  6. "The Hall of Prophecies" – 4:27
  7. "Possession" – 3:20
  8. "The Room of Requirement" – 6:09
  9. "The Kiss" – 1:56
  10. "A Journey to Hogwarts" – 2:54
  11. "The Sirius Deception" – 2:36
  12. "Death of Sirius" – 3:58
  13. "Umbridge Spoils a Beautiful Morning" – 2:39
  14. "Darkness Takes Over" – 2:58
  15. "The Ministry of Magic" – 2:48
  16. "The Sacking of Trelawney" – 2:15
  17. "Flight of the Order of the Phoenix" – 1:34
  18. "Loved Ones and Leaving" – 3:15
  19. "Divine Crusade" – 2:43


[แก้] อ้างอิง

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น