แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แฮร์รี่ พอตเตอร์
กับเครื่องรางยมทูต
ภาพปกหนังสือฉบับภาษาไทย
ภาพปกหนังสือฉบับภาษาไทย
หน้าปกหนังสือ ฉบับสำนักพิมพ์บลูมสบิวรี ปกอังกฤษ(ครึ่ง)
หน้าปกหนังสือ ฉบับอเมริกา

แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต (อังกฤษ: Harry Potter and the Deathly Hallows) เป็นหนังสือเล่มที่เจ็ด และเป็นเล่มสุดท้ายในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง ฉบับภาษาอังกฤษออกวางจำหน่ายในวันที่ 21 กรกฎาคมพ.ศ. 2550ฉบับภาษาไทยออกจำหน่ายวันที่ 7 ธันวาคมพ.ศ. 2550[1] ชื่อของหนังสือนั้นประกาศบนเว็บไซต์ของโรว์ลิ่งในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และหลังจากนั้นบนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์[2] โรว์ลิ่งได้กล่าวว่าภาคนี้ ซึ่งถือเป็นภาคสุดท้าย มีความเกี่ยวพันกับภาคที่ผ่านมาสูงมาก "ราวกับว่าเป็นครึ่งหลังของนิยายเล่มเดียวกัน"[3]

ก่อนหนังสือจะออก มีการคาดเดาเกี่ยวกับความหมายของชื่อ Deathly Hallows ผู้แต่งได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า "การอธิบายความหมายของ Hallows จะเผยเนื้อเรื่องมากเกินไป" และปฏิเสธที่จะตอบคำถาม[4] ก่อนการประกาศชื่อเรื่อง โรว์ลิ่งเคยแถลงว่ามีชื่อเรื่องที่คิดไว้สามชื่อ คือ Harry Potter and the Deathly Hallows,Harry Potter and the Peverell Quest และ Harry Potter and the Elder Wand[5][6]

เนื้อหา

[แก้] ฉบับภาษาไทย

ได้มีการประกาศชื่อของหนังสือฉบับภาษาไทยของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 7 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดย น.ส.คิม จงสถิตย์วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ แถลงเปิดตัวชื่อภาษาไทยหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 (อวสาน) มีชื่อตอนว่า "แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต" ซึ่งได้รับการอนุมัติรูปแบบตัวอักษรหน้าปก ฉบับภาษาไทยจากสำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือฉบับภาษาไทยและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เวลา 24.00 น. ณ อุทยานเบญจสิริ ถ.สุขุมวิท

[แก้] เกี่ยวกับหนังสือ

ผู้เขียน : เจ.เค. โรลลิ่ง
ผู้แปล : สุมาลี บำรุงสุข
ผู้วาดหน้าปก : แมรี่ กรองด์เปร (ปกอเมริกา), เจสัน คุกครอฟ (ปกอังกฤษ)
ชื่อตอนภาษาอังกฤษ : Harry Potter And The Deathly Hallows
ชื่อตอนภาษาไทย : แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต
วันวางจำหน่าย ฉบับภาษาอังกฤษ : 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
วันวางจำหน่าย ฉบับภาษาไทย : 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550
จำนวนหน้าของฉบับอเมริกา : 784 หน้า
จำนวนหน้าของฉบับอังกฤษ : 608 หน้า
จำนวนหน้าของฉบับภาษาไทย : 696 หน้า
ชื่อย่อ : DH

[แก้] เรื่องย่อ

ระวังเสียอรรถรส ข้อความด้านล่างนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ

เรื่องเริ่มต้นที่บ้านของลูเซียส มัลฟอย โดยลอร์ดโวลเดอมอร์ และสมุนจำนวนหนึ่ง วางแผนการเกี่ยวกับการย้ายออกจากบ้านเดอร์สลี่ย์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงชื่อแยกซ์ลีย์ ระบุว่าแฮร์รี่จะย้ายออกในวันคล้ายวันเกิด ในขณะที่สเนประบุว่าแฮร์รี่จะย้ายออกก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ โวลเดอมอร์ยืมไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอย จากการที่ไม้กายสิทธิ์ของเขาเองใช้ไม่ได้ผลกับแฮร์รี่

ภาคีนกฟีนิกซ์ส่งพ่อมดมาคุ้มครองครอบครัวเดอร์สลีย์ ในขณะที่กองกำลังอีกส่วนหนึ่งมาพาตัวแฮร์รี่ออกไป โดยวางแผนให้คนอีกหกคนเป็นนกต่อ ใช้น้ำยาสรรพรสแปลงตัวเป็นแฮร์รี่กระจายไปยังที่ซ่อนต่างๆกัน แต่แฮร์รี่ยังคงถูกสมุนโวลเดอมอร์ระบุตัวได้จากการใช้คาถาปลดอาวุธที่เขาใช้เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ยังคงชนะไม้ที่ยืมมาของโวลเดอมอร์ แฮร์รี่ไปถึงบ้านโพรงกระต่ายอย่างปลอดภัย แต่เฮ็ดวิกต้องตายจากการปะทะกัน และพบว่าจอร์จ วีสลีย์เสียหูไปข้างหนึ่งด้วยคาถาของสเนป และอลาสเตอร์ มูดดี้ถูกโวลเดอมอร์ฆ่า

สองสามวันต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์มาที่บ้านโพรงกระต่าย เพื่อนำของตามพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์มาให้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ รอนได้รับ "ดีลูมิเนเตอร์" หรือ "ที่ดับไฟ" ของดัมเบิลดอร์ เฮอร์ไมโอนี่ได้รับหนังสือ "นิทานของบีเดิลยอดกวี"เป็นภาษารูนโบราณ ส่วนแฮร์รี่ได้รับลูกสนิชลูกแรกที่แฮร์รี่จับได้ และดาบของกริฟฟินดอร์ อย่างไรก็ตามกระทรวงไม่ยอมมอบดาบให้แก่แฮร์รี่

ในระหว่างงานแต่งงานของบิล วีสลีย์ และเฟลอร์ เดอลากูร์ มีข่าวมาว่าโวลเดอมอร์ได้เข้าควบคุมกระทรวงเวทมนตร์เป็นผลสำเร็จ และผู้เสพความตายได้เข้าโจมตีอีกครั้ง แฮร์รี่และเพื่อนทั้งสองหายตัวหนีไปยังบาร์ของมักเกิ้ลแห่งหนึ่ง แต่ก็ถูกตามพบอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ทั้งสามหนีรอดไปได้อีก จากนั้นจึงหนีไปยังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ ซึ่งได้ค้นพบว่า ร.อ.บ. คือเรกูลัส แบล็ก น้องของซิเรียส และล็อกเก็ตของจริงซึ่งแฮร์รี่ตามหานั้น ไปตกอยู่ในความครอบครองของโดโลเรส อัมบริดจ์

กลุ่มของแฮร์รี่สามารถบุกเข้าไปในกระทรวง และนำล็อกเก็ตมาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ที่ซ่อนที่กริมโมลด์เพลซถูกค้นพบ ทั้งสามจึงต้องเร่ร่อนตามชนบทโดยเปลี่ยนที่พักแรมไปเรื่อยๆ และต่อมาได้ทราบโดยบังเอิญว่าดาบกริฟฟินดอร์ที่เคยเห็นเป็นดาบปลอมทำเลียนแบบ ส่วนดาบจริงนั้นหายไป ระหว่างนั้น รอนได้ทะเลาะกับแฮร์รี่ และแยกตัวจากไป แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ไปยังก็อดดริกฮอลโล่ เพื่อตามหาดาบ แต่กลับถูกนากินี งูของโวลเดอมอร์ทำร้าย และไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เสียหายโดยไม่อาจซ่อมได้ หลังจากนั้นไม่นาน มีผู้พิทักษ์รูปกวางตัวเมียปรากฏตัวบริเวณค่ายพักที่แฮร์รี่อยู่ และกวางได้นำแฮร์รี่ไปพบดาบกริฟฟินดอร์ซึ่งซ่อนอยู่ในบึงน้ำแข็ง รอนกลับมาช่วยแฮร์รี่ในการนำดาบขึ้นมา และทำลายล็อกเก็ตซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์อันแรก ทั้งสามไปยังบ้านของครอบครัวเลิฟกู๊ด และได้รู้เรื่อง "เครื่องรางยมทูต" สามอย่าง ได้แก่ ไม้กายสิทธิ์ที่ทำจากไม้เอลเดอร์ ซึ่งทำให้ชนะการต่อสู้ หินชุบวิญญาณ ที่สามารถเรียกคนตายกลับมา และผ้าคลุมล่องหนที่ไม่เสื่อมตามกาลเวลา อย่างไรก็ตาม พ่อของลูน่าแจ้งกระทรวงเรื่องแฮร์รี่ โดยหวังแลกกับลูน่าที่ถูกจับไปก่อนหน้า พวกของแฮร์รี่หนีรอดได้อีกครั้ง

พวกของแฮร์รี่ถูกนักล่าค่าหัวจับได้ หลังจากแฮร์รี่เผลอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ เพราะมีการเสกคาถาให้เป็นคำต้องห้ามและบุคคลที่พูดคำนี้จะถูกระบุตัวได้ทันที พวกนักล่านำแฮร์รี่และเพื่อน รวมทั้งดีน โทมัส และก็อบลินชื่อกริ๊บฮุกที่ถูกจับอยู่ด้วยไปยังบ้านมัลฟอย ที่นั้น พวกเขาได้พบกับโอลิแวนเดอร์ ช่างทำไม้กายสิทธิ์ และลูน่า เลิฟกู๊ด ทั้งหมดหนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของด็อบบี้ เอลฟ์ที่เคยอยู่กับมัลฟอย แต่ดอบบี้ถูกเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ฆ่าตาย พวกเขาหนีไปอยู่ที่บ้านของบิลและเฟลอร์

ทั้งสามบุกเข้าไปในธนาคารกริงกอตส์ด้วยความช่วยเหลือของก็อบลิน และขโมยถ้วยฮัฟเฟิลพัฟออกมาจากห้องนิรภัยของเลสแตรงจ์ โวลเดอมอร์ทราบข่าวการขโมยนี้ จึงทราบในที่สุดว่าพวกแฮร์รี่กำลังตามหาฮอร์ครักซ์ แฮร์รี่ได้รับรู้ความคิดของโวลเดอมอร์อีกครั้ง ขณะที่เขากำลังลำดับที่ตั้งของฮอร์ครักซ์ทั้งหมด ทำให้แฮร์รี่ได้รู้ว่าฮอร์ครักซ์อันสุดท้ายที่ตนยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรนั้นอยู่ในฮอกวอตส์นั่นเอง พวกเขากลับเข้าไปในฮอกวอตส์ด้วยความช่วยเหลือของอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ น้องชายของอัลบัส

แฮร์รี่แจ้งเตือนการมาของโวลเดอมอร์แก่อาจารย์ และพบฮอร์ครักซ์ซึ่งเป็นรัดเกล้าของเรเวนคลอในห้องต้องประสงค์ หลังจากนั้นพวกของแฮร์รี่ได้ไปยังเพิงโหยหวน และเห็นโวลเดอมอร์ฆ่าสเนป ด้วยความเชื่อว่าเขาจะได้เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ที่เคยเป็นของดัมเบิลดอร์อย่างสมบูรณ์ ก่อนตาย สเนปมอบความทรงจำแก่แฮร์รี่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ฝ่ายดัมเบิลดอร์ ด้วยความรักที่มีต่อลิลี่ แม่ของแฮร์รี่ นอกจากนี้ แฮร์รี่ยังค้นพบว่า วิญญาณส่วนหนึ่งของโวลเดอมอร์อยู่ในตัวของเขาเอง และโวลเดอมอร์ไม่สามารถตายได้หากเขายังมีชีวิตอยู่ แฮร์รี่จึงนำตัวเองไปพบกับโวลเดอมอร์ และต่อสู้กับคาถาพิฆาต

แฮร์รี่ตื่นขึ้นมาและพบกับดัมเบิลดอร์ ซึ่งอธิบายว่าเขาไม่สามารถตายโดยที่โวลเดอมอร์ยังอยู่ เพราะโวลเดอมอร์สร้างร่างขึ้นมาจากเลือดของแฮร์รี่ แฮร์รี่เป็นเจ้าของอันชอบธรรมของเครื่องรางยมทูต คาถาพิฆาตได้ทำลายวิญญาณของโวลเดอมอร์ในตัวแฮร์รี่ และแฮร์รี่สามารถเลือกที่จะไปต่อ หรือกลับไปเพื่อสู้กับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่กลับไป และได้สู้กับโวลเดอมอร์อีกครั้งหนึ่ง แฮร์รี่ยังรู้ด้วยว่านายของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ที่แท้จริงไม่ใช่สเนป แต่เป็นเดรโก มัลฟอย ซึ่งเขาเอาชนะมาได้ ในที่สุดโวลเดอมอร์ก็สิ้นชีพด้วยคำสาปพิฆาตของตัวเองที่สะท้อนกลับ

เรื่องจบลงด้วยฉากในอีก 19 ปีต่อมา แฮร์รี่แต่งงานกับจินนี่ และมีลูกด้วยกันสามคน คือ เจมส์,อัลบัส เซเวอรัส,ลิลี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ก็แต่งงานกัน มีลูก 2คน คือ ฮิวโก้,โรส ทั้งสองครอบครัวพบกันที่สถานีรถไฟ ขณะไปส่งลูกๆ ไปยังฮอกวอตส์ แฮร์รี่ไม่เคยเจ็บแผลเป็นอีกเลยหลังจากลอร์ดโวลเดอมอร์พ่ายแพ้

จบเนื้อหาส่วนที่เสียอรรถรสแล้ว ข้อความด้านบนนี้กล่าวถึงเนื้อเรื่องหรือฉากจบ

[แก้] เครื่องรางยมทูต

สัญลักษณ์เครื่องหมายของเครื่องรางยมทูต

จากนิทานของบีเดิลยอดกวี กลับกลายเป็นปริศนาที่มีอยู่จริงของเครื่องรางยมทูต สามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่า “ผู้ใดที่ครอบครองมัน จะได้เป็นนายของยมทูต” กล่าวคืออยู่เหนือยมทูต สามารถกำหนดการตายของตนเองได้

นิทานสามพี่น้องกลายเป็นความจริงเมื่อหลักฐานถูกพิสูจน์ว่า พวกเขาทั้งสามพี่น้อง เป็นพ่อมดที่มีชีวิตอยู่จริง นั่นคือ สามพี่น้องตระกูลเพฟเวอเรลล์ ที่อาศัยอยู่ในก็อดดริกส์โฮลโล่ว่ากันว่าพวกเขาได้รับเครื่องรางยมทูตกันคนละหนึ่งชิ้น

นิทานของบีเดิลยอดกวี กล่าวไว้ถึงการครอบครองสิ่งของต่างๆ 3 สิ่งของพี่น้องทั้งสามคน โดยเมื่อครั้งที่ทั้งสามคนเดินทางไปจนกระทั่งถึงแม่น้ำซึ่งลึกเกินกว่าจะเดินลุยข้าม และเชี่ยวกรากเกินกว่าจะว่ายข้ามไป อย่างไรก็ตาม แต่ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ที่ทั้งสามพี่น้องได้ร่ำเรียนมา พวกเขาจึงเสกสะพานขึ้นมาข้ามแม่น้ำที่บ้าคลั่ง

เมื่อข้ามไปถึงกึ่งกลางสะพาน สามพี่น้องก็ยมทูตยืนขวางทางไว้ พร้อมบอกพวกเขาทั้งสาม ว่าพวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวเท่านั้น ที่สามารถรอดพ้นความตายจากแม่น้ำสายนี้ได้ ยมทูตจึงได้ถามพวกเขา 3 พี่น้องว่าปรารถนาจะครอบครองสิ่งใด

คนพี่เมื่อได้ฟังเช่นนั้น จึงกล่าวตอบยมทูตไปว่า “ ข้าต้องการอาวุธที่จะทำให้ข้าเก่งกาจ และไม่มีใครเอาชนะข้าได้” ยมทูตฟังเช่นนั้น จึงได้นำกิ่งไม้มาเหลา แล้วส่งให้กับเพฟเวอเรลล์ผู้พี่ เขาได้รับมอบไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์จากยมทูต

คนกลาง “ปรารถนาที่จะได้ อะไรก็ตามที่จะทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง” ยมทูตจึงเรียกเอาก้อนหินสีดำขึ้นมา แล้วมอบให้กับชายคนรอง และด้วยความฉลาดของน้องคนสุดท้อง และความถ่อมตัว บวกกับความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจยมทูต ดังนั้นจึงขออะไรก็ได้ที่จะพาเขาออกไปจากที่นั่น โดยไม่ให้ยมทูตติดตามไปได้ ยมทูตได้ฟังเช่นนั้น จึงมอบสมบัติล้ำค่าให้เขา เป็นผ้าคลุมล่องหนของยมทูตเอง ด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง“

นิทานสามพี่น้อง เป็นหนึ่งในนิทานยอดนิยมของเหล่าพ่อมดแม่มด ที่ไม่มีใครไม่รู้จักมัน เรื่องราวของสามพี่น้องผู้เดินทางไปจนพบกับยมทูต คือเรื่องราวของพ่อมดผู้มีชีวิตอยู่จริง นั่นคือ สามพี่น้องตระกูลเพฟเวอเรลล์

พวกเขาได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการ และหลังจากนั้น ด้วยอำนาจของสิ่งวิเศษทั้งสาม ชายผู้พี่ แอนตีโอก เพฟเวอเรลล์ ก็ถึงแก่ความตาย ด้วยการทะนงตัว โอ้อวดไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ของเขา แล้วด้วยความอวดดี เขาจึงได้ประลองเวทมนตร์กับคู่อริเก่าของเขา และแน่นอนว่าไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ของยมทูตนั้นนำชัยชนะมาสู่เขาอย่างง่ายดาย เขาทิ้งศัตรูให้นอนตายอยู่บนพื้น แล้วเดินทางต่อไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ณ ที่นั้น เขาคุยโวเรื่องไม้กายสิทธิ์อันทรงอำนาจที่เขาแย่งชิงมาจากยมทูตและบอกว่ามันทำให้เขาไม่มีวันพ่ายแพ้ ผลร้ายจึงส่งถึงเขา คืนนั้นเอง พ่อมดคนหนึ่งที่ได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ได้แอบย่องเข้าไปหาเขา ขณะที่เขาเมาเหล้าองุ่นนอนหลับอยู่บนเตียง ชายผู้พี่ก็ถูกฆ่าตาย ร่องรอยการเดินทางของไม้กายสิทธิ์ของยมทูตปรากฎในประวัติศาสตร์ของพ่อมดแม่มดมาหลายศตวรรษทีเดียว มันมีประวัติที่เต็มไปด้วยการนองเลือดเกือบทั้งสิ้น และเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนต้องการไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ จึงฆ่าผู้ที่เป็นเจ้าของๆ พวกมัน และมันยังคงอยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ภายใต้สุสานสีขาว มันได้รับการปกป้องจากความฉลาดของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ แม้เขาจะตายไปแล้วก็ตาม

ส่วนพี่คนรอง แคดมัส เพฟเวอเรลล์ ผู้ครอบครองหินชุบวิญญาณ เขาหมายจะเรียกเอาหญิงที่เขารักกลับคืนมาจากความตาย แต่ผลที่เกิดขึ้น ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดคิด หญิงที่เขาปรารถนาให้กลับมาจากความตาย ด่าทอเขาอย่างโหดร้าย ที่นำเธอกลับมาจากความสุขหลังความตาย ชายคนรองด้วยความเศร้าเสียใจ จึงฆ่าตัวตายในที่สุดหลังจากนั้น เพื่อหวังจะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เขารักหลังความตาย หินชุบวิญญาณถูกตกทอดมาสู่มาโวโล่ ก๊อนท์ เขานำหินชุบวิญญาณมาทำเป็นแหวนประจำตระกูลก๊อนท์ โดยหารู้ไม่ว่า มันคือหินชุบวิญญาณ และปัจจุบันนี้คาดว่า แหวนที่ทำจากหินชุบวิญญาณ ได้หายสาบสูญไปแล้ว หลังจากสงครามครั้งสุดท้ายของโวลเดอมอร์ ที่พรากเขาไปสู่ความตายเช่นคนธรรมดาทั่วไป

และคนสุดท้าย น้องชายคนสุดท้อง อิกโนตัส เพฟเวอเรลล์ ผู้ได้ครอบครองผ้าคลุมล่องหน ที่จะไม่มีการเสื่อมสภาพ มันไม่ได้ถูกสร้างด้วยคาถา หรือเสื้อคลุมที่ถูกอาบด้วยคาถาพรางตา หรือเสกคำแช่งลานตา หรือทอจากขนเดมิไกส์ที่ทำให้ล่องหนได้ หรืออะไรทำนองนั้น อิกโนตัสได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนกระทั่งเขาถึงแก่ความตายด้วยโรคชรา ชายคนสุดท้องไปกับยมทูต เฉกเช่นคนคุ้นเคย ปัจจุบันหลุมศพของอิกโตนัส ถูกรักษาไว้ที่หมู่บ้านก็อดดริกส์โฮลโล่ และผ้าคลุมล่องหนได้กลายเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลพอตเตอร์

เครื่องรางยมทูต ประกอบด้วยสามสิ่ง ที่ผู้ครอบครองทั้งหมดจะกลายเป็น "นายแห่งความตาย" หรือบางครั้งเรียกว่า "นายแห่งยมทูต" คือ ผ้าคลุมล่องหน, หินชุบวิญญาณ และไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์

[แก้] ผ้าคลุมล่องหน

เดิมทีเป็นของ อิกโนตัส เพฟเวอเรลล์ น้องคนสุดท้องของตระกูลเพฟเวอเรลล์ และถูกส่งไปเรื่อยๆ แบบรุ่นต่อรุ่น และถูกส่งต่อไปเรื่อยๆจนถึง เจมส์ พอตเตอร์ ระหว่างนั้นก่อนวันที่เจมส์ พอตเตอร์ และลิลี่ พอตเตอร์ถูกสังหาร อัลบัส ดัมเบิลดอร์ได้ขอยืมผ้าคลุมล่องหนไปตรวจสอบ และเมื่อแฮร์รี่อยู่ปี 1 ที่ฮอกวอตส์ ดัมเบิลดอร์จึงคืนผ้าคลุมล่องหนให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ ใน[วันคริสมาสต์]

[แก้] หินชุบวิญญาณ

เป็นของ แคดมัส เพฟเวอเรลล์ พี่คนรอง ที่ปรารถนาจะนำหญิงที่เขารักกลับคืนมาจากความตาย แต่เมื่อเขาได้นำหญิงคนนั้นกลับมาจากความตาย แต่หญิงคนนั้นอยู่กับเขาในรูปแบบของวิญญาณ เขาจึงเสียใจและตรอมใจตายในที่สุด หินชุบวิญญาณถูกตกทอดมาสู่มาโวโล่ ก๊อนท์ เขานำหินชุบวิญญาณมาทำเป็นแหวนประจำตระกูลก๊อนท์ โดยไม่รู้ว่ามันคือ หินชุบวิญญาณ สุดท้ายตกเป็นของแฮร์รี่ พอตเตอร์แต่เขาไม่ต้องการมันจึงทิ้งมันไปในที่ใดที่หนึ่งในฮอกวอตส์ และหายสาบสูญไป

[แก้] ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์

แอนตีโอก เพฟเวอเรลล์ เป็นเจ้าของ เขาก็ถึงแก่ความตาย ด้วยการทะนงตัว โอ้อวดไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ของเขา แล้วด้วยความอวดดี เขาจึงได้ประลองเวทมนตร์กับใครก็ตามที่เขาต้องการ ผลร้ายส่งถึงเขา ในขณะที่เขาเมาเหล้าองุ่นอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ชายผู้พี่ก็ถูกฆ่าตาย ด้วยใครก็ตามที่มุ่งหวังจะครองครองมัน แล้วมันก็ได้ในสิ่งที่มันต้องการ ซึ้งก็ตกทอดต่อกันมาเรื่อยๆ จนมาอยู่กับ เกรโกโรวิตช์ ช่างทำไม้กายสิทธิ์ ถูกกรินเดอร์วัลด์ ขโมยไป กรินเดอร์วัลด์ ใช้ไม้กายสิทธิ์ทำเรื่องเลวร้าย ศาสตร์มืด จนดัมเบิลดอร์ตระหนักว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถสยบกรินเดอร์วัลด์ได้ ดัมเบิลดอร์จึงจัดการกับกรินเดอร์วัลด์และได้ไม้กายสิทธิ์มาครอบครอง จนคืนที่ดัมเบิลดอร์เสียชีวิต คนที่ปลดอาวุธและเอาชนะไม้กายสิทธิ์ของดัมเบิลดอร์นั้นคือ เดรโก มัลฟอย โวลเดอมอร์ก็ต้องการไม้กายสิทธิ์เช่นเดียวกัน จึงไปที่หลุมศพของดัมเบิลดอร์และยึดไม้กายสิทธิ์มาแต่เขาใช้มันไม่ได้เท่าที่ควร เขาจึงเรียก เซเวอรัส สเนป มาสังหาร เพราะคิดว่า เซเวอรัส สเนป เป็นคนเอาชนะไม้กายสิทธิ์ของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้เอาชนะ เดรโก มัลฟอยแล้ว ดังนั้นไม้กายสิทธิ์จึงตกเป็นของ แฮร์รี่ พอตเตอร์

ผู้ครอบครอง ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์(ตามตำนานเท่าที่กล่าวถึง)

  1. แอนติโอก เพฟเวอเรลล์
  2. เอ็มเมอริก
  3. เอ็กเบิร์ต
  4. โกเดล็อต
  5. เฮียร์เวิร์ต
  6. บาร์นาบัส เดเวอริลล์
  7. ล็อกซิอัสผู้ร้ายกาจ
  8. อาร์คัส
  9. ลิเวียส
  10. เกรโกโรวิตช์
  11. กรินเดลวัลด์
  12. อัลบัส ดัมเบิลดอร์
  13. เดรโก มัลฟอย
  14. แฮร์รี่ พอตเตอร์

[แก้] สัญลักษณ์

สัญลักษณ์ของเครื่องรางยมทูตคือรูปสามเหลี่ยม มีเส้นตรงทับวงกลม ซึ่งทั้งสามสัญลักษณ์สามารถตีความหมายออกมาได้ ซึ่งทั้งสามสิ่งหมายถึงเครื่องรางยมทูตทั้งสามนั่นเอง โดยทั้งสามสัญลักษณ์จะตีความหมายได้เป็นเครื่องรางยมทูตสามชิ้นด้วยกันนั่นคือ

  • สัญลักษณ์สามเหลี่ยม แทน ผ้าคลุมล่องหน
  • สัญลักษณ์วงกลม แทน หินชุบวิญญาณ
  • และสัญลักษณ์ขีดตรงกลาง คือ ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์

ด้วยความเข้าใจผิดของสัญลักษณ์ของเครื่องรางยมทูต ใครต่อใครหลายคนต่างพากันคิดว่า เป็นสัญลักษณ์ของพ่อมดศาสตร์มืดผู้เคยโด่งดัง ในนามกรินเดลวัลด์ แท้ที่จริงแล้วเขาคือหนึ่งในผู้เชื่อในนิทานสามพี่น้อง นิทานของบีเดิลยอดกวี และออกติดตามมัน

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ Rowling, J. K.. "Publication Date for Harry Potter and the Deathly Hallows", J. K. Rowling Official Site, 2007-02-01. สืบค้นวันที่ 2007-04-28 (อังกฤษ)
  2. ^ Harry Potter and the Deathly Hallows. Bloomsbury Publishing (2006-12-21). สืบค้นวันที่ 2006-12-21 (อังกฤษ)
  3. ^ Rowling, J. K. (2004-03-15). Progress on Book Six. J. K. Rowling Official Site. สืบค้นวันที่ 2006-12-23 (อังกฤษ)
  4. ^ J.K.Rowling Official Site. FAQ section. สืบค้นวันที่ 2007-04-28 (อังกฤษ)
  5. ^ Rowling considering three titles. Mugglenet. สืบค้นวันที่ 2007-04-28 (อังกฤษ)
  6. ^ J.K.Rowling Official Site. News Archive. สืบค้นวันที่ 2007-04-28 (อังกฤษ)