ลัทธิอนุตตรธรรม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิถีอนุตตรธรรม อนุตตรธรรม แปลตามอักษรว่า ธรรมะที่สูงที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด เป็นหลักสัจธรรมที่มีอยู่ตั้งแต่ก่อนฟ้าดินจะกำเหนิด การถ่ายทอดหลักสัจธรรมนี้สู่ผู้คนมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน เมื่อมีการแพร่ธรรมนี้ไปยังในไต้หวัน จึงทำให้ญาติธรรมคนบุญในไต้หวันมีมากขึ้น จนได้รับการยอมรับจากรัฐบาลว่า วิถีธรรมนี้ สามารถช่วยให้พลเมืองเป็นคนดีและร่วมพัฒนาประเทศไต้หวันอีกด้วย และในปัจจุบัน ผู้ที่เข้ามาเผยแผ่ธรรมะในประเทศไทยจึงเป็นอาวุโสชาวไต้หวันเป็นส่วนใหญ่
เนื้อหา |
[แก้] จุดประสงค์การเผยแผ่อนุตตรธรรม
- เคารพฟ้าดิน
- บูชาสิ่งศักดิ์
- รักชาติซื่อสัตย์ต่อหน้าที่
- เชิดชูจริยธรรม
- กตัญญูต่อบิดามารดา
- เคารพอาจารย์
- ถือสัจวาจาต่อเพื่อน
- มีไมตรีต่อเพื่อนบ้าน
- ละการกระทำบาป เสริมการทำความดี
- รู้ปฏิบัติใน คุณสัมพันธ์ 5 (กษัตรกับขุนนาง, บิดากับบุตร, สามีกับภรรยา, พี่กับน้อง, และเพื่อนกับเพื่อน) คุณธรรม 8 (กตัญญู พี่น้องปรองดอง จงรักภักดี สัตยธรรม จริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรม และละอายต่อบาป)
- จรรโลงคุณวิเศษในพระธรรมคำสอนของศาสดาทั้ง 5 (พระพุทธเจ้า-ศาสนาพุทธ, พระเยซุ-ศาสนาคริสต์, พระนบีมุฮัมมัด-ศาสนาอิสลาม, ท่านเหล่าจื้อ-ศาสนาเต๋า, ท่านขงจื้อ-ศาสนาปราชญ์)
- ปฏิบัติตาม หลักการปกครอง 4 (จริยะธรรม, มโนธรรม, สุจริตธรรม,ละอายต่อบาป) และประเพณีโบราณอันดีงาม
- ชำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว
- อาศัยกายเนื้อบำเพ็ญธรรมจริง
- ฟื้นฟูสภาวะธรรมของธรรมญาณแห่งตน
- ช่วยตนและผู้อื่นให้เป็นคนที่สมบูรณ์
- ช่วยตนและผู้อื่นให้บรรลุธรรม
- ช่วยโลกให้สงบสุข
- กล่อมเกลาจิตใจผู้คนในสังคมให้ดีงาม
- เพื่อเอกภาพแห่งสันติธรรมของโลก
[แก้] คุณานุคุณในวิถีอนุตตรธรรม
- รับธรรมะคือการรับรู้หนทางกลับคืนสู่ต้นธาตุต้นธรรมเดิม รับรู้แก้ววิเศษสามประการที่อยู่ในตน เรียกว่าไตรรัตน์ แล้วบำเพ็ญเพียร ขัดเกลาจิตใจให้ใสสะอาด ยกระดับจิตใจ เปลี่ยนแปลงตนเอง แปรเปลี่ยนโลกให้สันติสุข
- ส่งเสริมให้รับประทานอาหารเจ เพื่อลดบาปเวร เพื่อฝึกจิตเมตตา เพื่อสุขภาพ
- ผู้รับธรรมะแล้วบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อลูกหลานมา ฟังธรรม ช่วยงานธรรม จะได้รับอานิสงส์ผลบุญกุศลจากจิตที่เพียรบำเพ็ญด้วย
- การเชิญบุคคลอื่นมารับธรรมะ เป็นการฉุดช่วยพี่น้องของเราให้กลับคืนสู่ต้นธาตุต้นธรรมเดิม ให้รู้ตัวตนที่แท้จริง
- ผู้ที่มารับธรรมะทุกคนสามารถสร้างบุญกุศลและความดีได้ ตามหลักของศาสนาทั้ง 5 ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม เต๋า และขงจื้อ ได้เหมือนเดิม
- การเข้ารับวิถีธรรมและตั้งใจบำเพ็ญขัดเกลาจิตใจ สร้างบุญกุศลเท่านั้นถึงจะหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ ซึ่งมีแต่การเวียนว่ายตายเกิดได้ ในยุคที่เรียกว่า บ้านเมืองวุ่นวาย จิตใจคนตกต่ำ
- คนในอดีต ไม่ได้รับธรรมะง่าย ๆ ท่านจะต้องบำเพ็ญธรรม ปฏิบัติธรรมจนสภาวะธรรมถึงพร้อมก่อน แล้วจึงได้รับรู้วิถีธรรมทีหลัง ปัจจุบันกาลเวลาคับขันบ้านเมืองวุ่นวาย จิตใจคนตกต่ำ วิถีอนุตตรธรรมนั้นจึงได้ปรกโปรด เป็นการรับรู้หนทางธรรมก่อนแล้วเริ่มฝึกบำเพ็ญขัดเกลา เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เกิดคนดีขึ้นในสังคม วิถีธรรมจึงได้เผยแพร่ไปในวงกว้าง
- วิถีอนุตตรธรรมเป็นรากของทุกศาสนา เพราะทุกศาสนาล้วนเป็นกิ่งก้านสาขาของรากธรรมะ ที่ผลิดอกออกผลงอกงาม ทุกศาสนามีที่มาจากต้นธาตุต้นธรรมต้นกำเนิดเดียวกัน เพราะวิถีธรรมมีมาก่อนที่จะเกิดศาสนา เฉกเช่น ธรรมะ ธรรมชาติหรือหลักสัจธรรมของฟ้าดิน ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้"อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ" พระองค์จึงนำธรรมะนี้ไปปรกโปรดแก่เวไนยสัตว์ได้ดำเนินปฏิบัติ ประกาศศาสนาซึ่งมีรากเหง้าจากธรรมะอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินหรือ"หลักสัจธรรมนั่นเอง" ที่กล่าวมาคือ ความสัมพันธ์ระหว่างวิถีธรรมกับศาสนา (ศึกษาเพิ่มเติมได้ในหนังสือไกลวัลยธรรม ของท่านพุทธทาสได้)วิถีอนุตตรธรรมจึงมิใช่พระศาสนา ลัทธิอุบาศว์ ศาสนามารที่หวังหลอกลวงเงินทางท่าน แต่เป็นหลักสัจธรรมที่นำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวัน นำธรรมะเข้าสู่ครัวเรือน
หลักธรรมที่ร่วมศึกษาในวิถีอนุตตรธรรม จะเน้นเรื่องของบำเพ็ญศีล คุณธรรม คุณสัมพันธ์ หลักจริยธรรม สัตยธรรม มโนธรรม ที่ต้องสำรวจตนปฏิบัติ และปฏิบัติธรรมได้โดยไม่ต้องบวชหรือละทางโลก ซึ่งสามารถปฏิบัติธรรมอยู่ในครัวเรือนร่วมกันได้ และไม่แบ่งแยกโจมตีกันถึงเรื่องการนับถือศาสนาต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล คือ ไม่แบ่งแยกศาสนา เพราะ"ทุกศาสน์ล้วนเอกสัจธรรม"
"จริยานำพาสู่เอกภาพ" หลักจริยธรรม นำพาสู่ความเป็น เอกภาพของโลก
นอกจากการศึกษาธรรมะแล้ว ยังมีการจัดค่ายพัฒนาเยาวชน อบรมจริยธรรม เพื่อให้เยาวชนประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม นำธรรมะไปใช้ ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์คนดี สร้างโลกให้เกิดสันติสุข
[แก้] บรรพจารย์แห่งอนุตตรธรรม
พระบรรพจารย์แห่งอนุตตรธรรม มีด้วยกัน 18 ท่าน
วิถีอนุตตรธรรมสืบสายชีพจรธรรมของสามศาสนาหลัก คือพุทธ ขงจื๊อ และเต๋า จึงสืบสายบรรพจารย์ตั้งแต่พระอริยเจ้าฝูซี ท่านเสินหนง หวงตี้ เหล่าจือ ขงจื๊อ เมิ่งจื่อ อีกทั้งท่านเว่ยหลาง มหาสังฆปรินายก หรือธรรมจารย์สมัยที่หก นิกายเซน ในศาสนาพุทธ เพียงแต่การรวมตัวชาวธรรมเริ่มเกิดครั้ง ได้มีการรวบรวมตั้งแต่ท่านที่เก้าถึงสิบแปด ได้ไว้บางท่าน ดังนี้
- พระธรรมาจารย์หวงเต๋อฮุ่ย สมัยที่เก้า ชาวเจียงซี (ค.ศ.1624)เป็นภาคหนึ่งของมหาปฐมพรหมราชเจ้า ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ค.ศ.1667 จนถึงค.ศ.1690
- พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบอู๋จื่อเสียง ชาวเจียงซี สมัยคังซี (ค.ศ.1715)เป็นภาคหนึ่งของพระวิชญะรุจน์พรหมราชเจ้าเหวินชัง ดำรงตำแหน่งถึงค.ศ.1784
- พระธรรมจารย์สมัยที่สิบเอ็ดท่านเหอยั่ว ชาวเจียงซี สมัยเฉียนหลง เป็นภาคหนึ่งจิ่วเทียนโต่วหมู่
- พระธรรมจารย์สมัยที่สิบสองท่านเอวี๋ยนจื้อเชียน ชาวกุ้ยโจว (ค.ศ.1760)แพร่ธรรม1802จนถึงปี1834
- พระธรรมาจารย์ที่สิบสามท่านสวีจี๋หนาน ชาวเฉิงตู พระภาคหนึ่งพระศรีอาริยเมตไตร สืบทอดธรรมตั้งแต่ค.ศ.1826ถึงปี1845
พระอาจารย์ธาตุทั้ง5ปกครอง[[ธรรมจักรวาล]]ถึงปีค.ศ.1873
- พระธรรมาจารย์ที่สิบสี่ท่านเหยาเฮ่อเทียน ชาวซันซี พระภาคหนึ่งพระองค์มารดาทองแห่งสระโบกขรณี เหยาฉือจินหมู่ บุกเบิกธรรมปีจนถึงปีค.ศ.1984
- พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบห้าหวังเสวียเมิ่ง ชาวซันตง(ค.ศ.1821)พระภาคหนึ่งของพระโพธิสัตว์จันทรปัญญาแพร่ธรรมจนถึงปีค.ศ.1884
- พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบหกท่านหลิวฮว่าผู่ ชาวซันตง พระภาคหนึ่งของผู้สำเร็จธรรมวิเศษไท่เก๊ก แพร่ธรรมถึงค.ศ.1886
- พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบเจ็ดท่านลู่จงอี ชาวซันตง (ค.ศ.1849)จนถึงปีค.ศ.1925
ท่านน้องท่านลู่จงอี พระพุทธบรรพจารย์จินกง ช่วยดูแลงานธรรมแทนชั่วคราว
- พระธรรมาจารย์สมัยที่สิบแปดท่านจางขุยเซิง หรือพระบรรพจารย์เทียนหยาน ชาวซันตง รับช่วงธรรมจักรวาลตั้งแต่ปีค.ศ.1915 จนปี1947
- พระธรรมจารย์สมัยที่สิบแปดท่านซุนซู่เจิน หรือพระอริยมาตาจงฮว๋า ชาวซันตง ศึกษาธรรมคู่กับท่านจางขุยเซินจนถึงปี1975 ตราบสิ้นชีวิต ได้มีศิษย์เช่น เหล่าเฉียนเหยิน เฉียนเหยิน จนแพร่อนุตตรธรรมสมบูรณ์ ไปทั่วโลก
[แก้] อ้างอิง
[1]สังคมธรรมะออนไลน์
ลัทธิอนุตตรธรรม เป็นบทความเกี่ยวกับ ความเชื่อ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ ลัทธิอนุตตรธรรม ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |