ประเทศเนเธอร์แลนด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

"ฮอลแลนด์" หรือ "ฮอลันดา" เป็นชื่อเก่าของ เนเธอร์แลนด์ สำหรับความหมายอื่นดูที่ ฮอลแลนด์ (แก้ความกำกวม)
Koninkrijk der Nederlanden
คอนินเครย์ก เดอ เนเดอร์แลนด์
ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
ธงชาติเนเธอร์แลนด์ ตราแผ่นดินของเนเธอร์แลนด์
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
คำขวัญJe Maintiendrai
(ภาษาดัตช์: Ik zal handhaven,
ภาษาอังกฤษ: I Shall Uphold)
เพลงชาติWilhelmus van Nassouwe
ที่ตั้งของเนเธอร์แลนด์
เมืองหลวง อัมสเตอร์ดัม1
52°21′N 04°52′E / 52.35°N 4.867°E / 52.35; 4.867
เมืองใหญ่สุด อัมสเตอร์ดัม
ภาษาทางการ ภาษาดัตช์2
รัฐบาล ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 -  พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์
 -  นายกรัฐมนตรี ยัน บาลเคนเอนเดอ
ได้รับอิสรภาพ สงครามแปดสิบปี 
 -  Declared 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1581 
 -  Recognised 30 มกราคม ค.ศ. 1648 (จาก สเปน
เข้าร่วม EU 25 มีนาคม ค.ศ. 1957
เนื้อที่
 -  ทั้งหมด 41,526 กม.² (ลำดับที่ 131)
 -  พื้นน้ำ (%) 18.41%
ประชากร
 -  กรกฎาคม 2548 ประมาณ 16,299,000 (อันดับที่ 59)
 -  2544 สำรวจ 16,105,285 
 -  ความหนาแน่น 395/กม.² (อันดับที่ 15)
GDP (PPP) 2006 ประมาณ
 -  รวม 625.271 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 16)
 -  ต่อประชากร $ 30,500 (อันดับที่ 15)
HDI (2546) 0.943 (สูง) (อันดับที่ 12)
สกุลเงิน ยูโร 3 (€ EUR)
เขตเวลา CET (UTC+1)
 -  ฤดูร้อน (DST) CEST (UTC+2)
รหัสอินเทอร์เน็ต .nl
รหัสโทรศัพท์ +31

เนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Nederland ; อังกฤษ: the Netherlands) หรือที่มักเรียกกันว่า ฮอลแลนด์ (Holland) หรือ "ฮอลันดา"มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ (Kingdom of the Netherlands) มีรากศัพท์มาจากคำว่า “Neder” หรือ “ต่ำ” เนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ประมาณหนึ่งในสี่ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เนเธอร์แลนด์ได้ปรับพื้นที่โดยการสูบน้ำออกจากทะเลสาบและทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ เนเธอร์แลนด์จึงมี เขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศประสบภาวะอุทกภัย เนเธอร์แลนด์จึงมีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก [ต้องการอ้างอิง]

เนื้อหา

[แก้] ประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์โดยสังเขป ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่แถบนั้น

ในช่วงปี พ.ศ. 1906 – 2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของดยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์และได้สถาปนาสาธารณรัฐดัตช์และ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 (ค.ศ. 1648) จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี และถือเป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์ด้วย

หลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่างๆ ของโลก เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรปในเวลานั้น และกรุงอัมสเตอร์ดัมก็ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป จนมีนักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก

เมื่อปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้กรีฑาทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2353 (ค.ศ. 1810) เนเธอร์แลนด์ก็ได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2357 (ค.ศ. 1814) โดยมีเบลเยียมเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสอง จึงได้แยกออกจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839)

เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457 – 2461 และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี กองทัพเยอรมนีได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2488 ปัจจุบันเนเธอร์แลนด์เป็นสมาชิกที่มีบทบาทแข็งขันในสหภาพยุโรป และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต

เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) และซูรินาเมประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) ส่วนเนเธอร์แลนด์อัลไทลิส และอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่างประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์

[แก้] ภูมิศาสตร์

สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นน้ำทะเลมาก่อนดังนั้นประเทศนี้จึงอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล มีเพียงทางตะวันออกเฉียงใต้ในเขตลิมเบอร์ก เท่านั้นสามารถพบเห็นเนินเขาได้ แม่น้ำไรน์ที่ไหลมาจากเยอรมนี เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเลจึงทำให้ต้องสร้างเขื่อน เพื่อไม่ให้นำทะเลไหลท่วมได้ เนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเหนือ จึงได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นด้วย ทำให้ภูมิอากาศของประเทศอบอุ่นกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มากถึง 700 มิลลิเมตรต่อปี

[แก้] เศรษฐกิจ

ภาวะเศรษฐกิจและการค้า Economic and Trade

ชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการค้ามาช้านาน ทั้งการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และการค้ากับประเทศในภูมิภาคอื่นของโลก สาเหตุที่ทำให้เชี่ยวชาญด้านนี้มีองค์ประกอบหลายประการด้วยกัน ที่สำคัญคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีแม่น้ำสำคัญหลายสายไหลผ่านมาจากหลายประเทศในยุโรป ไปออกทะเลที่ประเทศของตน ทำให้หลายเมืองของเนเธอร์แลนด์ กลายเป็นท่าเรือ ที่สำคัญ คือ ท่าเรือรอตเตอร์ดัม (Rotterdam) ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่และมีความสำคัญทางด้านการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจึงเปิดโอกาสให้ชาวเนเธอร์แลนด์ทำการค้าได้สะดวก

ประการถัดมา จากการอยู่ใกล้ทะเล ทำให้มีโอกาสได้เห็นการค้าทางเรือผ่านไปมาเสมอ ทำให้เป็นแรงบรรดาลใจให้สนใจทำการค้า รวมทั้งการค้าขายทางเรือตามไปด้วย เพราะสามารถไปได้ไกลๆ จนมีการค้ากับประเทศในแถบเอเซีย และอเมริกามาแต่สมัยโบราณ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีทรัพยากรธรรมชาติไม่มาก ชาวดัตช์ต้องอาศัยการเกษตรกรรม การประมง เลี้ยงสัตว์ ไม่มีแร่ธาตุสำคัญ (น้ำมัน และกาซธรรมชาติมาค้นพบในระยะหลังๆ) ดังนั้น จึงต้องอาศัยการค้าเป็นหลัก เพื่อความอยู่รอด จนได้รับการขนานนามว่าเป็นชาตินักการค้า (Trading nation)และประสบความสำเร็จในด้านการค้ามาตลอด ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ความเชี่ยวชาญด้านการค้านั้น ดูได้จากการค้าระหว่างประเทศของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น และ ได้เปรียบดุลการค้ามาตลอดหลายปีติดต่อกัน

[แก้] ประชากร

ประเทศเนเธอร์แลนด์มีประชากร 16,105,285 คน (ปี 2544) โดยมีอัตราความหนาแน่น 395 คนต่อ ตร. กม. นับได้ว่าอยู่อันดับที่ 23 ของโลก นอกจากนั้นยังเป็นประเทศที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 [1] และยังเป็นประเทศที่มีอัตราความสูงของผู้อยู่อาศัยสูงที่สุดในโลก โดยผู้ชายมีความสูง 1.81 เมตร และผู้หญิงสูง 1.68 เมตรอกีด้วย [2]

ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีประชาชนหลายเชื้อชาติเข้ามาอยู่อาศัย ดังนี้

ที่ เชื้อชาติ จำนวน (ร้อยละ)
1. ดัตช์ 80.8
2. เยอรมัน 2.4
3. อินโดนีเซีย 2.4
4. เติร์ก 2.2
5. ชาวสุรีนาเม 2
6. โมร็อกโก 1.9
7. อินเดีย 1.5
8. ชาวแอนทิลลิส และ ชาวอารูบา 0.8
9. อื่นๆ 6

นอกจากนั้นยังมีผู้อาศัยที่มีเชื้อผสมระหว่างอินโดนีเซียและเนเธอร์แลนด์อีกกว่า 8 แสนคน

[แก้] วัฒนธรรม

ประเทศเนเธอร์แลนด์มีวันคริตส์มาส 2 ครั้ง วันที่ 5 และ 25 ธันวาคม ถือว่าเป็นวันคริตส์มาสทั้ง 2 วัน วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันนิโคลัสอีฟ โดยมีเรื่องเล่ากันว่า วันที่ 3 พฤศจิกายน เซนต์นิโคลัสหรือซานต้าคลอสจะขึ้นม้าจากสเปน มุ่งหน้ามายังเมืองอัมสเตอร์ดัม

[แก้] สถานที่ท่องเที่ยว

พิพิธภัณฑ์โครงการเดลต้า แสดงหุ่นจำลองของพื้นที่ระบายน้ำ/ระบบกันน้ำท่วม

เมืองที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์ เช่น อัมสเตอร์ดัม ร็อตเตอร์ดัม กรุงเฮก เดลฟ์ท

  • Keukenhof สวนดอกทิวลิป
  • IJsselmeer Outdoor Museum/ The Zuiderzee Museum เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่แสดงวิถีชีวิตของชาวดัตช์ในสมัยโบราณ อาหารการกิน บ้านเรือนและสถาปัตยกรรม
  • เมือง Giethorn Water City ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น Venice of Holland เป็นเมืองที่อาศัยกับลำน้ำคูคลองมีเทศกาลพาเรดกลางน้ำในตอนกลางคืนให้ชม วิธีการชมก็คือการนั่งเรือออกไป
  • Archeon Park, อยู่ที่ Alphen aan den Rijn เป็นกึ่งสวนสนุกและพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีการจัดบรรยากาศให้มีความโบราณ ไล่มาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคโรมัน ยุคกลาง ฯลฯ การจัดแสดงและสื่อความหมายใช้คนแสดงเป็นหลัก
  • Efteling Park, ที่ Kaastsheuvel เป็นสวนสนุกที่มีบรรยากาศเป็นอุทยานหรือสวนสาธารณะที่เป็นธรรมชาติ เคยได้รับรางวัล Applause award ว่าเป็นสวนสนุกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หากใครเคยไปสวนสนุกแบบอเมริกัน เช่นดิสนีย์แลนด์มาแล้ว Efteling ให้รสชาติอีกแบบหนึ่งไม่แพ้กันเลยทีเดียว
  • เมืองตุ๊กตา เมืองจำลอง Madurodam Miniature land เมืองจำลองขนาดเล็กที่อธิบายเกี่ยวกับสถานที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ได้อย่างครบถ้วน
  • Polder museum หรือพิพิธภัณฑ์การเกิดแผ่นดินใหม่ และโครงการ Delta projects ที่แสดงเทคโนโลยีการกันน้ำท่วมของชาวดัตช์ตั้งแต่อดีต แสดงให้เห็นว่าชาวดัตช์ใช้ความรู้ ความอดทน และความเป็นนักสู้ต่อสู้กับธรรมชาติ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับสภาพการณ์นั้นอย่างชาญฉลาดอย่างไร วิศวกรรมและศาสตร์ต่างๆที่เกี่ยวข้องถูกนำมาจัดแสดงในหลากหลายระดับ ให้คนเลือกดูเลือกชมและได้รับความรู้ที่แตกต่างกันไป ตามอัธยาศัย

[แก้] การศึกษา

(รอเพิ่มเติมเนื้อหา)

[แก้] การศึกษาของนักเรียนไทยในเนเธอร์แลนด์

ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีการแลกเปลี่ยนและรับนักเรียนในระดับอุดมศึกษาและบัณฑิตศึกษาจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน สาขาที่เป็นที่นิยมและได้รับการส่งเสริมทั้งจากหน่วยงานของรัฐบาลไทยและเนเธอร์แลนด์สนับสนุนในรูปแบบทุนการศึกษา ได้แก่ สาขาเศรษฐศาสตร์, ธรณีวิทยาและ Remote Sensing, ผังเมืองและเคหะการ (Housing and Urban Study) วิศวกรรมแหล่งน้ำ รัฐศาสตร์ สังคมวิทยา ฯลฯ จากสถาบันที่มีชื่อเสียง เช่น ธรณีวิทยาและวิศวกรรมแหล่งน้ำจาก ITC-Delft/Enschede, ทางด้านรัฐศาสตร์จากISS-The Hague, ทางด้านผังเมืองและเคหะการ จาก IHS-Rotterdam

ตราสมาคมนักเรียนเก่าเนเธอร์แลนด์ฯ

ตัวอย่างนักศึกษาที่มีชื่อเสียงที่จบจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้แก่ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อ.ทิวา ศุภจรรยา อ.ธีรยุทธ บุญมี ดร.ตรึงใจ บูรณสมภพ อ.มานพ พงศทัต เป็นต้น และได้มีการก่อตั้งเป็นสมาคมนักเรียนเก่าฯที่มีประวัติยาวนานแห่งหนึ่ง อยู่ภายใต้สมาคมนักเรียนเก่าเนเธอร์แลนด์ เว็บไซต์ Netherlands Alumni Association

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงรับสมาคมนักเรียนเก่าเนเธอร์แลนด์ฯ อยู่ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ วันที่ 3 กันยายน 2546 ปัจจุบันมีนายกสมาคม คือ คุณสาธิต ชาญเชาวน์กุล เว็บไซต์ของสมาคมนักเรียนเก่าฯ นอกจากนี้นักเรียนไทยที่ยังศึกษาอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ยังได้รวมตัวจัดตั้งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในเนเธอร์แลนด์อีกด้วย เว็บไซต์ของสมาคมนักเรียนไทยในเนเธอร์แลนด์

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ Top 35 countries with the highest internet penetration rate. InternetWorldStats.com. สืบค้นวันที่ 2007-06-20
  2. ^ Reported health and lifestyle. Centraal Bureau voor de Statistiek. สืบค้นวันที่ 2007-08-28
ภาษาอื่น