สำนักพระราชวัง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำนักพระราชวัง (Bureau of the Royal Household) เป็นหน่วยงานของทางราชการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลและรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชวัง ตลอดจนดูแลรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ในองค์พระมหากษัตริย์ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาและการกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี โดยมีเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชกิจราชการ
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
[แก้] สมัยกรุงศรีอยุธยา
สำนักพระราชวังเป็นส่วนราชการที่สืบเนื่องมาจากส่วนราชการสำคัญของบ้านเมืองมาแต่โบราณกาล มีหลักฐานที่อาจทบทวนย้อนไปได้ถึงพุทธศักราช 1893 ในปีนั้นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี ได้ทรงจัดระเบียบการปกครองในราชธานีเป็นสี่กรม หรือที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ได้แก่
- กรมเมือง (หรือเวียง) มีหน้าที่ปกครองท้องที่ ดูแลสันติสุขของประชาราษฎร
- กรมวัง มีหน้าที่ดูแลฝ่ายพระราชสำนัก รวมทั้งพิพากษาถ้อยความของราษฎรเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระของประมุขในหน้าที่พระราชทานความยุติธรรมไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
- กรมคลัง มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับจ่ายผลประโยชน์ของแผ่นดิน
- กรมนา มีหน้าที่ดูแลการทำไร่ทำนา รักษาเสบียงอาหารสำหรับพระนคร
[แก้] รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2438 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิรูปการปกครองราชอาณาจักร แบ่งส่วนราชการระดับกระทรวงให้เป็นไปตามความจำเป็น และเหมาะสมแก่การปกครองประเทศยิ่งขึ้น กระทรวงเดิมในแบบจตุสดมภ์ทั้ง 6 ก็ให้คงอยู่ เพิ่มกระทรวงในหน้าที่ที่สมควรใหม่อีก 4 กระทรวง รวมเป็น 12 กระทรวงแต่ละกระทรวงมีเสนาบดีเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชการ
จากการปฏิรูปการปกครองในประเทศในครั้งนี้เอง โปรดเกล้าฯ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในพระราชสำนัก ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า กรมวัง หรือ จตุสดมภ์กรมวัง เป็นกระทรวงมีชื่อว่า กระทรวงวัง แต่โปรดเกล้าฯ ให้โอนงานที่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีไปขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ดังนั้นส่วนราชการในจตุสดมภ์กรมวังที่มีชื่อว่า กรมพระตำรวจหลวงว่าความฎีกา อันเป็นกรมหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนๆ ถือว่าเป็นส่วนราชการที่มีความสำคัญมากถึงกับในบางรัชกาลต้องโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยที่สุดไปทรงกำกับราชการอยู่ เช่น ในรัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอฯ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ไปทรงกำกับราชการอยู่นั้น จึงสูญไปจากทำเนียบราชการแต่นั้นมา
เสนาบดีกระทรวงวังตามแผนปฏิรูปการปกครองใหม่ในครั้งนั้น ตัวเสนาบดีมิใช่สามัญชน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาบดีจตุสดมภ์กรมวังอยู่ก่อนแล้ว เป็นเสนาบดีกระทรวงวังตามระบบการปกครองที่ปฏิรูปใหม่ จึงนับได้ว่าทรงเป็น "เสนาบดีกระทรวงวังพระองค์แรก"
การตั้งเสนาบดีกระทรวงในรัชกาลที่ 5 นั้น จะเห็นได้ว่าทรงพระราชดำริว่ากระทรวงวังนั้นสำคัญและปฏิบัติงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาก จึงทรงเลือกสรรพระราชวงศ์ขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีสืบต่อกันมาหลายพระองค์
[แก้] รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงส่วนราชการต่างๆ ในกระทรวงวัง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมแก่ราชการในพระองค์หลายประการ เช่น โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะกรมมหาดเล็กหลวง ในกระทรวงวังขึ้นเป็นกรมอิสระ ขึ้นตรงต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก (เจ้าพระยารามราฆพ) เป็นผู้บังคับบัญชา มีกรมต่างๆ ที่หัวหน้ากรมเป็นข้าราชการขั้นอธิบดีขึ้นอยู่ 13 กรม ได้แก่
|
|
ส่วนทางกระทรวงวังก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีกรมขึ้น 20 กรม ได้แก่
|
|
กรมในกระทรวงวังก็ดี กรมในมหาดเล็กก็ดี แม้หัวหน้ากรมจะมีฐานะเป็นอธิบดี แต่ก็มีหลายกรมเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น เช่น
- กรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นปลัดบัญชาการ)
- กรมอื่นๆ ในสังกัดกรมมหาดเล็ก (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นจางวาง ต่อท้ายตำแหน่งด้วยนามกรม) เช่น "กรมชาวที่" เรียกว่า จางวางกรมชาวที่ ยกเว้น "กรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์" เรียกตำแหน่งหัวหน้ากรมว่า ผู้บัญชาการโรงเรียนในกรมพระบรมราชูปถัมภ์
กรมในสังกัดกระทรวงวัง
- กรมบัญชาการ (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นปลัดบัญชาการ)
- กรมวัง กรมพระราชพิธี กรมตำรวจรักษาพระองค์ กรมพระนิติศาสตร์ (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นสมุห) โดยเรียกกันดังนี้
- สมุหพระราชมณเฑียร คือ อธิบดีกรมวัง
- สมุหพระตำรวจหลวง รักษาพระองค์ คือ อธิบดีกรม พระตำรวจหลวงรักษาพระองค์
- สมุหพระราชพิธี คือ อธิบดีกรมพระราชพิธี
- สมุหพระนิติศาสตร์ คือ อธิบดีกรมพระนิติศาสตร์
- สมุหบัญชีใหม่ คือ อธิบดีกรมปลัดบัญชี
กรมอื่นนอกจากนี้
- กรมใหญ่เรียกหัวหน้ากรมว่า อธิบดี
- กรมเล็กเรียกหัวหน้ากรมว่า เจ้ากรม
แต่ที่เรียกว่าผู้อำนวยการกรมก็มี นอกจากนั้นยังพระราชทานเกียรติยศแก่ กรมตำรวจหลวงรักษาพระองค์ กรมทหารรักษาพระองค์และกรมทหารรักษาวัง โดยทรงรับเข้าดำรงตำแหน่ง "สมเด็จพระตำรวจ" ในกรมพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์ และตำแหน่ง "ผู้บังคับการพิเศษ" ในกรมทหารรักษาวังด้วย
สำหรับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวังนั้น ก็ยังคงใช้ราชทินนามบุคคลผู้เป็นเจ้ากระทรวงว่า "ธรรมธิกรณาธิบดี" อันเป็นราชทินนามที่สืบเนื่องมาแต่ "ธรรมาธิการ" ครั้งยังเป็นจตุสดมภ์อยู่ แม้ว่าจะได้แยกหน้าที่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี อันเป็นหน้าที่เดิมของจตุสดมภ์กรมวังไปเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมดังกล่าวมาแล้วก็ตาม
[แก้] รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้นถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้โอนกรมธรรมการ กรมสังฆการี กรมราชบัณฑิต กรมกัลปนา และกรมศิลปากร ไปสังกัดกระทรวงธรรมการ และยุบฐานะกรมมหาดเล็กหลวงซึ่งแยกไปเป็นกรมพิเศษในรัชกาลที่ ๖ ลงเป็นกรมสามัญสังกัดกระทรวงวังตามเดิม
ต่อมาเมื่อประเทศสยามได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงประกาศพระบรมราชโองการ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ให้เปลี่ยนชื่อ "กระทรวงวัง" เป็น "ศาลาว่าการพระราชวัง" แต่ครั้งถึงวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ก็กลับมามีฐานะเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พุทธศักราช 2476 และมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง" เป็นเจ้ากระทรวง ซึ่งในพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมฉบับดังกล่าวนี้ ได้ตัดทอนส่วนราชการในกระทรวงวังออกเหลือ 7 กรม ได้แก่
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทหารรักษาวัง
- กรมพระคลังข้างที่
- กรมมหาดเล็กหลวง
- กรมราชเลขานุการในพระองค์
- กรมวัง
[แก้] สำนักพระราชวัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2478 ได้มีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2478 โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้เอง ได้เปลี่ยนฐานะของกระทรวงวังลงเป็นทบวง มีฐานะเป็นกรม เทียบเท่าทบวง มีชื่อว่า "สำนักพระราชวัง" และให้อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีโดยตรง มีเลขาธิการพระราชวัง (ระดับ 11 เทียบเท่าปลัดกระทรวง) รับผิดชอบในการบริหารราชการ สำหรับกรมในสังกัดก็ยุบลงเป็นกองบ้าง แผนกบ้าง เว้นบางกรมไปสังกัดกระทรวงอื่น เช่น
- กรมทหารรักษาวัง โอนไปสังกัด กระทรวงกลาโหม
- กรมราชเลขานุการในพระองค์ แยกไปตั้งเป็นทบวงการเมืองอิสระมีฐานะเทียบกรมเรียกว่า "สำนักราชเลขานุการในพระองค์" ต่อมาเปลี่ยนนามเป็น "สำนักราชเลขาธิการ"'
นอกจากนี้ยังได้โอนราชการในหน้าที่ต่างๆ อีกหลายหน้าที่ไปสังกัดกรมอื่น เช่น โอนงานในหน้าที่การช่างที่เรียกว่า "กรมวังนอก" ตลอดจนงานที่เกี่ยวกับนาฎศิลป์และดุริยางคศิลป์ อันได้แก่กอง พิณพาทย์หลวง กองดุริยางค์หลวง โขนหลวงและละครหลวง ไปสังกัดกรมศิลปากร กระทรวงธรรมการ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงศึกษาธิการ)
เมื่อได้ยุบกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวังแล้ว ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่การปฏิบัติภารกิจหลายครั้ง ในช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 ยังทรงพระเยาว์และประทับอยู่ในต่างประเทศ ได้มีการพิจารณาเห็นว่าภารกิจของสำนักพระราชวังมีน้อย ก็ปรับปรุงหนักไปทางตัดทอน ครั้นต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงบรรลุพระราชนิติภาวะ และเสด็จฯ นิวัติมาประทับในราชอาณาจักร ได้ทรงบริหารราชการในฐานะพระประมุขแล้ว รัฐบาลก็เห็นความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพให้มากขึ้น เพื่อเพียงพอที่จะสนองรองรับพระราชกรณียกิจได้
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการในสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขานุการในพระองค์ พุทธศักราช 2478 ฉบับลงวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2478 ได้กำหนดให้มีกองในสังกัด 4 กอง ได้แก่
1. สำนักงานเลขานุการ (4 แผนก)
- แผนกสารบรรณ
- แผนกหมายและทะเบียน
- แผนกคลัง
- แผนกพัสดุ
2. กองมหาดเล็ก (3 แผนก)
- แผนกกลาง
- แผนกรับใช้
- แผนกชาวที่
3. กองวังและพระราชพิธี (3 แผนก)
- แผนกตำรวจวัง
- แผนกพระราชพิธี
- แผนกพระราชพาหนะ
4. สำนักงานพระคลังข้างที่ (ไม่มีการแบ่งหน่วยงานในสังกัด)
[แก้] การจัดแบ่งหน่วยงานภายในและฝ่ายธุรกรรมต่างๆ
สำนักพระราชวัง ปัจจุบันแบ่งหน่วยงานออกเป็น ๑๔ กอง ประกอบด้วย
- สำนักงานเลขานุการกรม รับผิดชอบงานบริหารทั่วไป งานสารบรรณ งานประชาสัมพันธ์ งานกฎหมาย งานห้องสมุด จัดทำและรักษาทะเบียนพระบรมวงศานุวงศ์ ทะเบียนผู้ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการต่างๆ และงานอื่นๆ
- กองการเจ้าหน้าที่ รับผิดชอบการบริหารงานบุคคล
- กองคลัง รับผิดชอบการบริหารการคลัง
- กองงานส่วนพระองค์ รับผิดชอบในการปฏิบัติงานเฉพาะกิจตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบหมาย และดำเนินการเกี่ยวกับการถวายความสะดวกในเขตพระราชฐานที่ประทับ บันทึกภาพนิ่ง ภาพยนตร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และวีดิทัศน์ส่วนพระองค์ จัดทำรายการวิทยุของสถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต แบ่งออกเป็น ๕ ฝ่าย คือ
- ฝ่ายธุรการ
- ฝ่ายสถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต
- ฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์
- ฝ่ายภาพยนตร์ส่วนพระองค์
- ฝ่ายไฟฟ้าและน้ำประปา สวนจิตรลดา
- กองกิจการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รับผิดชอบงานส่วนพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทั้งงานฝ่ายพระราชวัง และงานฝ่ายราชเลขานุการ
- กองมหาดเล็ก รับผิดชอบด้านการรับใช้ในกิจการส่วนพระองค์ต่างๆ ทุกประเภท ทั้งในพระราชฐานที่ประทับ และในสถานที่ที่เสด็จฯ ทุกแห่ง ดูแลรักษาสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ ดำเนินการประกอบเครื่องเสวยจัดโต๊ะเสวย จัดอาหารและปฏิบัติในการพระราชทานเลี้ยง แบ่งออกเป็น ๖ ฝ่าย คือ
- งานธุรการ
- ฝ่ายในพระองค์
- ฝ่ายมหาดเล็ก
- ฝ่ายวรภาชน์
- ฝ่ายมหาดเล็กพิธี
- ฝ่ายห้องเครื่อง
- กองวัง รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการถวายอารักขา แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ และรักษาความเรียบร้อย ความสงบ และความปลอดภัยสถานที่ทั้งในพระราชฐานและในส่วนของที่ประทับ รวมทั้งในการเสด็จฯ ณ สถานที่อื่นๆ, ตระเตรียมการพร้อมรับเสด็จและรับรองพระบรมวงศานุวงศ์ ราชอาคันตุกะ แขกผู้มีเกียรติชาวต่างประเทศ และผู้ที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสโปรดให้เข้าเฝ้าฯ, รองรับนำชมพระบรมมหาราชวัง, การประดิษฐ์ดอกไม้ เย็บปักถักร้อย และการประกอบอาหารสำหรับถวายทรงนมัสการ ทรงใช้ และใช้ราชการในงานพระราชพิธี พระราชกุศลและงานอื่นๆ แบ่งออกเป็น ๖ ฝ่าย คือ
- งานธุรการ
- ฝ่ายตำรวจวัง
- ฝ่ายรับรองพระบรมมหาราชวัง
- ฝ่ายพระราชฐานชั้นใน
- ฝ่ายกรมวังประจำที่ประทับ
- ฝ่ายตำรวจหลวงรักษาพระองค์
- กองพระราชพิธี รับผิดชอบการจัดงานพระราชพิธี งานพระราชกุศล งานรัฐพิธีและงานพิธีต่างๆ ให้ถูกต้องตามราชประเพณี ดูแลรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และปูชนียวัตถุสำคัญต่างๆ
- งานธุรการ
- ฝ่ายราชูปโภค
- ฝ่ายพิธีการ
- ฝ่ายศุภรัต
- ฝ่ายสนมพลเรือน
- ฝ่ายบูรณะราชภัณฑ์
- กองชาวที่ รับผิดชอบดูแลบำรุงรักษาตกแต่ง ทำความสะอาดพระที่นั่ง พระตำหนัก ตลอดจนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเขตพระราชฐาน และพระราชฐานที่ประทับ รวมถึงพระบรมมหาราชวัง
- งานธุรการ
- ฝ่ายพระราชฐานที่ประทับ
- ฝ่ายพระบรมมหาราชวัง
- ฝ่ายราชพัสดุชาวที่
- ฝ่ายพระราชฐานต่างจังหวัด
- กองธุรการที่ประทับ รับผิดชอบในงานธุรการของส่วนราชการทางฝ่ายที่ประทับ ควบคุมดูแลการเบิกจ่ายเงินใช้สอยประจำวัน และค่าใช้จ่ายในการพระราชกุศลส่วนพระองค์ งานวางผังออกแบบควบคุมการก่อสร้างและงานช่างบำรุงรักษาซ่อมแซมอาคารสถานที่ต่างๆ งานช่างบำรุงรักษาซ่อมและงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา โครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
- กองบำรุงรักษาราชอุทยาน รับผิดชอบการตัดตกแต่งต้นไม้ภายในเขตพระราชฐานและสถานที่ที่อยู่ภายในการรับผิดชอบของสำนักพระราชวัง ดูแลระบบสุขาภิบาล ระบบกำจัดน้ำเสีย ดูแลรักษาเครื่องจักรกลทางการเกษตร วิจัย พัฒนาและขยายพันธุ์พืช
- กองพระราชพาหนะ รับผิดชอบรถยนต์หลวงและเรือยนต์หลวง ที่ใช้ในงานต่างๆ ดูแลรักษารับผิดชอบ รถยนต์พระที่นั่ง เรือยนต์พระที่นั่ง รถยนต์พระประเทียบ เรือยนต์พระประเทียบ ขบวนรถยนต์หลวง และพาหนะใช้สอยต่างๆ
- กองแพทย์หลวง รับผิดชอบงานด้านการสาธารณสุข ควบคุม ดูแล จัดเตรียมเวชภัณฑ์ต่าง ตลอดจนพาหนะที่ใช้ในการสาธารณสุข วิเคราะห์และวิจัยโรคต่างๆ ดูแลรักษาผู้ที่มารับการตรวจ จัดเตรียมแพทย์และเวชภัณฑ์เพื่อตามเสด็จในพื้นที่ต่างๆ และจัดเตรียมยาพระราชทานตามที่มีบุคคลขอมา
- สำนักงานพระคลังข้างที่ รับผิดชอบด้านพระราชทรัพย์ของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ บัญชีรายรับ-รายจ่ายของเขตพระราชฐาน ดูแลมูลนิธิอานันทมหิดล กองทุน เงินบริจาคที่ได้รับจากส่วนต่างๆ ดูแลรักษาเครื่องใช้และอาคารสถานที่ภายในเขตพระราชฐาน รับผิดชอบการจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์และงานศิลปาชีพในพิพิธภัณฑ์
[แก้] เลขาธิการพระราชวัง
เสนาบดีกระทรวงวัง
- เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) พ.ศ. ๒๔๖๘ - พ.ศ. ๒๔๗๗
หลังจากการปรับปรุงฐานะเป็นสำนักพระราชวัง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพระราชวัง ได้แก่
ลำดับที่ | รายนาม | ปีที่ดำรงตำแหน่ง |
๑ | พระยาชาติเดชอุดม (ม.ร.ว.โป๊ะ มาลากุล) | ๑ เมษายน ๒๔๗๘ - ๓๑ มกราคม ๒๔๙๐ |
๒ | พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ (ม.ร.ว.เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) | ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๐ - ๖ สิงหาคม ๒๕๐๙ |
๓ | ดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา | ๗ สิงหาคม ๒๕๐๙ - ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ |
๔ | นายพูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ | ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๐ |
๕ | นายแก้วขวัญ วัชโรทัย | ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐ - ปัจจุบัน |
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
|
สำนักพระราชวัง เป็นบทความที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ สำนักพระราชวัง ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |