ประเทศเนปาล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

नेपालसँघिय लोकतान्त्रीक गणतन्त्र नेपाल
Sanghiya Loktāntrīk Ganatantra Nepāl
สังขิยะ โลกตันตริก คณตันตระ เนปาล
สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
ธงชาติเนปาล ตราแผ่นดินของเนปาล
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
คำขวัญสันสกฤต: जननी जन्मभूमिष्च स्वर्गादपि गरीयसी
ชนนิ ชนฺมภูมิสฺจา สวรคทพิ คริโยศิ
("แผ่นดินแม่มีค่ายิ่งกว่าสวรรค์")
เพลงชาติसयौं थुँगा फूलका हामी
สเยาง์ ถุงฺคา ผูลกา หามี
("เราคือบุปผานับร้อย")
ที่ตั้งของเนปาล
เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)
กาฐมาณฑุ

27°42′N 85°19′E

ภาษาทางการ ภาษาเนปาล
รัฐบาล สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตย
 -  ประธานาธิบดี ราม บารัน ยาดัฟ
 -  นายกรัฐมนตรี มาดาฟ คูมาร์ เนปาล
การรวมชาติ
 -  ก่อตั้งราชอาณาจักร 21 ธันวาคม พ.ศ. 2311 
 -  ก่อตั้งรัฐชั่วคราว 15 มกราคม พ.ศ. 2550 
 -  ก่อตั้งสาธารณรัฐ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 
เนื้อที่
 -  ทั้งหมด 147,181 กม.² (ลำดับที่ 94)
 -  พื้นน้ำ (%) 2.8
ประชากร
 -  ก.ค. 2548 ประมาณ 27,133,000 (อันดับที่ 42)
 -  2548 สำรวจ 23,151,423 
 -  ความหนาแน่น 196/กม.² (อันดับที่ 56)
GDP (PPP) 2548 ประมาณ
 -  รวม 42.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 81)
 -  ต่อประชากร 1,675 ดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 152)
HDI (2546) 0.526 (กลาง) (อันดับที่ 136)
สกุลเงิน รูปี (NPR)
เขตเวลา NPT (UTC+5:45)
รหัสอินเทอร์เน็ต .np
รหัสโทรศัพท์ +977

ประเทศเนปาล (เนปาล: नेपाल) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียใต้ บริเวณเทือกเขาหิมาลัย มีพรมแดนติดกับทิเบตของจีน และประเทศอินเดีย เนปาลเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบราชาธิปไตยมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2550 โดยก่อนปีพ.ศ. 2549 เนปาลเคยเป็นรัฐเดียวในโลกที่มีศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของเนปาลระบุให้ประเทศเป็นสาธารณรัฐโลกวิสัย นอกจากศาสนาฮินดูที่คนเนปาลส่วนใหญ่นับถือแล้ว เนปาลยังเป็นที่ตั้งของศาสนสถานสำคัญของพุทธศาสนา คือลุมพินีวัน ที่ประสูติของพระโคตมพุทธเจ้า

เนื้อหา

[แก้] ประวัติศาสตร์

ก่อนปีพ.ศ. 2311 หุบเขากาฐมาณฑุแบ่งออกเป็นสามอาณาจักร จนกระทั่งผู้นำเผ่ากุรข่า ปฤฐวี นารายัณ ศาห์ สามารถรวบรวมอาณาจักรในหุบเขาเข้าด้วยกัน และหลังจากนั้นได้ทำสงครามขยายอาณาเขตออกไป จนในปีพ.ศ. 2357-พ.ศ. 2359 เกิดสงครามอังกฤษ-เนปาล กองทัพกุรข่าพ่ายแพ้ ต้องทำสนธิสัญญาและจำกัดอาณาเขตเนปาลเหลือเท่าปัจจุบัน[1]

ในปีพ.ศ. 2491 ชัง พหาทุระ รานา ซึ่งเป็นขุนนางในประเทศ ยึดอำนาจจากราชวงศ์ศาห์ โดยยังคงราชวงศ์ศาห์ไว้เป็นประมุขแต่ในนาม ตระกูลรานาได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร เนปาลได้ส่งกองทัพเข้าร่วมกับกองทัพบริเตนในหลายสงคราม ทำให้สหราชอาณาจักรทำสนธิสัญญามิตรภาพกับเนปาลในปีพ.ศ. 2466 ซึ่งในสนธิสัญญานี้ สหราชอาณาจักรได้ยอมรับเอกราชของเนปาลอย่างชัดเจน[2]

ในปีพ.ศ. 2494 เกิดการต่อต้านการปกครองของตระกูลรานา นำโดยพรรคเนปาลีคองเกรสและกษัตริย์ตริภุวัน ทำให้โมหัน สัมเสระ ชัง พหาทุระ รานา ผู้นำคนสุดท้ายของตระกูลรานาคืนอำนาจให้แก่กษัตริย์ศาห์ และจัดการเลือกตั้ง

หลังจากเนปาลได้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยในช่วงสั้นๆ โดยจัดการเลือกตั้งครั้งแรกในปีพ.ศ. 2502 แต่กษัตริย์มเหนทระได้ยุบสภา ยึดอำนาจในปีพ.ศ. 2503 และใช้ระบอบปัญจายัตแทน จนมาถึงการปฏิรูปการปกครองในปีพ.ศ. 2533 ทำให้เปลี่ยนจากระบอบปัญจายัต ที่ห้ามมีพรรคการเมือง มาเป็นระบอบรัฐสภาแบบพหุพรรค[3]

ในปีพ.ศ. 2539 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) ได้เปิดฉากสงครามประชาชน มีเป้าหมายที่จะสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมขึ้นแทนระบอบราชาธิปไตย นำมาซึ่งสงครามกลางเมืองซึ่งกินเวลายาวนานถึงสิบปี ในปีพ.ศ. 2544 เกิดเหตุสังหารหมู่ในพระราชวัง โดยเจ้าชายทิเปนทระ มกุฎราชกุมารในสมัยนั้น และกษัตริย์ชญาเนนทระได้ขึ้นครองราชสมบัติแทน ในปีพ.ศ. 2548 กษัตริย์ชญาเนนทระได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล นำมาซึ่งการประท้วงจากประชาชนและพรรคการเมืองในเวลาต่อมา จนต้องคืนอำนาจให้กับรัฐสภา รัฐสภาเนปาลได้จำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ และให้เนปาลเป็นรัฐโลกวิสัย (secular state)

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐสภาเนปาลได้ผ่านกฎหมายที่จะเปลี่ยนเนปาลเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยมีผลหลังการเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2551[4]

ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาลเนปาลประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ สถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยขึ้น โดยกำหนดให้ชญาเนนทระและพระบรมวงศานุวงศ์ต้องเสด็จออกจากพระราชวังภายใน 15 วัน และกำหนดให้วันที่ 28 - 30 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ[5]

[แก้] การเมือง

ในปัจจุบัน เนปาลเข้าสู่ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ มีนายราม บารัน ยาดัฟ เป็นประธานาธิบดีคนแรก จากการลงคะแนนเสียงของสภาร่างรัฐธรรมนูญ 308 เสียง และนายคีรีชา ปราสาท โกอีราละ อดีตรักษาการณ์ประมุขแห่งรัฐทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป จนมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อันนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ลัทธิเหมา หรืออดีตกลุ่มกบฏลัทธิเหมา ซึ่งมีนายประจันดา เป็นนายกรัฐมนตรี [6] แต่หลังจากที่นายประจันดา ต้องการให้อดีตกลุ่มกบฎของเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ จึงมีกระแสกดดันมาจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเนปาล และรวมทั้งประธานาธิบดียาดัฟ นายประจันดาจึงประกาศลาออก และสภาได้เลือกนายมาดัฟ คูมาร์ เนปาล อดีตเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ลัทธิมาร์ก-เลนิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ก่อนครบรอบ 1 ปีของการสถาปนาระบอบสาธารณรัฐในเนปาล

[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง

เนปาลแบ่งเป็น 14 เขต (อันจัล) ดังนี้

  1. เขตบากมาติ
  2. เขตเภรี
  3. เขตธวัลคิรี
  4. เขตคันดากิ
  5. เขตชนกปุระ
  6. เขตการ์นาลี
  7. เขตโกษิ
  1. เขตลุมพินี
  2. เขตมหากาลี
  3. เขตเมจี
  4. เขตนรยานี
  5. เขตรัปติ
  6. เขตสกรมาธา
  7. เขตเสทิ
Nepal-divisions-numbered.png

[แก้] เศรษฐกิจ

พื้นที่เกษตรกรรมมีเพียงร้อยละ 17 พืชที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ข้าวเจ้า พื้นที่ 2 ใน 3 ปกคลุมด้วยป่าไม้ มีการตัดไม้เพื่อเป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมไม้อัด โรงงานอุตสากรรมขนาดเล็กที่แปรสภาพผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ โรงงานน้ำตาล โรงงานกระดาษ

รายได้ส่วนใหญ่ของประเทศได้มาจากการค้าแรงงานของชาวเนปาลีที่อยู่ต่างประเทศ และส่งเงินกลับมาให้กับครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเนปาล

ธุรกิจการท่องเที่ยวมีจุดสนใจอยู่ที่การท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและวัฒนธรรม เช่นการเดินเขา ปีนเขา และล่องแก่ง ตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเนปาลก็มีอาทิเช่น ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ,วัดปศุปฏินาถ ,วัดสวยมภูวนาถ ,พระราชวังกาฐมัณฑุ ,เมืองโพคารา ฯลฯ

[แก้] ประชากร

[แก้] เชื้อชาติ

[แก้] ศาสนา

(*) แต่ผลสำรวจจากองค์กรอิสระสำรวจว่า 40% ของประชากรเป็นชาวพุทธ[ต้องการอ้างอิง]

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ Andrea Matles Savada, ed. Nepal: A Country Study - The Enclosing of Nepal. Washington: GPO for the Library of Congress, 1991.
  2. ^ Andrea Matles Savada, ed. Nepal: A Country Study - The Ranas. Washington: GPO for the Library of Congress, 1991.
  3. ^ Country Profile: Nepal. 2005. Federal Research Division, Library of Congress.
  4. ^ Vote to abolish Nepal's monarchy. BBC News. 2007-12-28.
  5. ^ Republic Day celebrated in DC. Nepali Post. 2008-05-28
  6. ^ Nepal declared secular, federal democratic republic. Sify. 2008-05-28. Retrieved 2008-05-28.

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

ภาษาอังกฤษ
ภาษาอื่น