ประวัติศาสตร์ออสเตรีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ตราแผ่นดินของออสเตรียปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์ออสเตรีย ประวัติศาสตร์ออสเตรีย ในช่วงก่อนปลายศตวรรษที่ 8 ประเทศออสเตรียมีชนชาติอพยพต่างๆ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ได้แก่ ชนเผ่าเยอรมันที่ข้ามแม่น้ำดานูบ ลงมาทางตอนใต้ และชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ออสเตรีย จนสิ้นสุดศตวรรษที่ 8 ชาร์เลอมาญ(Charlemagne) ได้ก่อตั้งเขตชายแดนระหว่างแม่น้ำอินส์ แรบและดราวา เพื่อเป็นป้อมปราการ ป้องกันการรุกราน ของชาวเอวาร์ และภายหลังจากที่ชาวโรมัน ได้อพยพออกไป นักบวชชาวไอริช และสก็อตจึงได้เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนา ในดินแดนบริเวณเทือกเขาอัลไพน์แห่งนี้ ราชวงศ์บาเบนเบิร์ก (Babenberg) ของชาวบาวาเรียนได้เข้าปกครอง ออสเตรียในปี พ.ศ. 1519 ซึ่งยังมีประชาชนอยู่เพียงเล็กน้อย

ในศตวรรษต่อๆ มา ราชวงศ์บาเบนเบิร์กได้ใช้ยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่อาณาจักร และขยายประเทศไปอย่างกว้างขวาง ภายหลังจากทางราชวงศ์ได้หมดอำนาจลง ในกลางศตวรรษที่ 13 ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก (Habsburg) ได้เข้ามามีอำนาจในดินแดนนี้แทน และขยายอาณาเขตออกไป จนถึงแถบประเทศสเปน จนกระทั่ง ในปี 2065 ราชวงศ์ฮับส์บูร์กจึงได้แตกออกเป็นสายออสเตรีย และสายสเปน อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์ฮับส์บูร์กยังคงขยายอาณาเขตต่อไป โดยในปี พ.ศ. 2069 ได้ผนวกดินแดนโบฮีเมียและฮังการีเข้าไว้ด้วย

ในช่วงศตวรรษที่ 16 และ 17 ออสเตรียต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรออตโตมัน แต่โดย ที่ออสเตรียสามารถเอาชนะกองทัพของอาณาจักรออตโตมันได้ ออสเตรียจึงได้ครอบครองดินแดนเพิ่มขึ้น และกลายเป็นมหาอำนาจรายหนึ่งในยุโรป ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18 จักรพรรดินีมาเรีย เธเรซา และจักรพรรดิโจเซฟที่ 2 ได้ทำการปฏิรูปและวางรากฐานการปฏิรูปการบริหารจัดการของรัฐให้ทันสมัย แต่การปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียนได้ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้นเปลี่ยนไป

จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. 2488 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2สิ้นสุดลง ฝ่ายพันธมิตรได้ช่วยออสเตรียให้ฟื้นตัวขึ้น สู่ความเป็นประเทศสาธารณรัฐอีกครั้ง แต่ออสเตรียยังคงถูกยึดครอง โดยกองทัพฝรั่งเศส อังกฤษ สหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกาจนถึงปี 2498 ซึ่งได้มีการลงนามใน สนธิสัญญาประเทศออสเตรีย และในปีเดียวกัน รัฐสภาออสเตรียได้ออกกฎหมายให้ออสเตรีย เป็นประเทศที่มีสถานะเป็นกลางอย่างถาวร ออสเตรียได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2538

เนื้อหา

[แก้] ก่อนยุคกลาง

แผนที่การรุกรานอาณาจักรโรมันของอนารยชนช่วงศตวรรษที่ 2 ถึง 5

ในช่วงระหว่างยุคการรุกรานของบาบาเรียน อนารยชนสลาฟแห่งคารานทาเนียนได้อพยพมาในเทือกเขาแอลป์และขยายอาณาเขตกว้างขึ้นเรื่อยๆช่วงระหว่างศตวรรษที่ 7 ได้รวมกับพวกเซลโต-โรมานิกและก่อตั้งดินแดนคาเรนทาเนียครอบคลุมภาคตะวันออกและภาคกลางของออสเตรีย ในช่วงนั้นอนารยชนเยอร์มานิกแห่งบาวาเรียได้เข้ามาบุกเบิกในช่วงศตวรรษที่ 5 และ 6 ทางภาคตะวันตกของประเทศและในบาวาเรียซึ่งปัจจุบันคือ วอรารล์เบิร์กที่พวกอารามานเข้ามาอยู่ เยอร์มานิกได้รวมกับพวกราเอโต-โรมานิกและผลักดันให้พวกอารามานต้องอพยพไปอยู่ในเทือกเขา

คาเรนทาเนียภายใต้การกดขี่ของเผ่าเอวาร์ได้ประกาศอิสรภาพจากบาวาเรียในพ.ศ. 1288และได้กลายเป็นมาร์กราเวียท(เคานท์) ระหว่างผ่านไปหลายศตวรรษ ชาวบาวาเรียนได้อพยพลงมาแถบแม่น้ำดานูบและขึ้นไปในเทือกเขาแอลป์ และปัจจุบันชาวออสเตรียจึงนิยมพูดภาษาเยอรมันกันมาก

พวกบาวาเรียนได้อยู่ภายใต้อนารยชนแฟรงก์ ราชวงศ์คาโรลิงเจียนและได้กลายเป็นดัชชีแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ตามลำดับ ดยุคทาซิลโลที่ 3 แห่งบาวาเรียผู้ต้องการอิสรภาพแก่บาวาเรียได้ถูกกำจัดและขับไล่ไปจากบาวาเรียโดยชาร์เลอมาญในพ.ศ. 1331

เขตแดนตะวันออกได้จัดตั้งขึ้นในยุคแห่งชาร์เลอมาญแต่ได้ถูกรุกรานโดยฮังการีในพ.ศ. 1452


[แก้] บาเบนเบิร์กออสเตรีย

ดยุคลีโอโปลด์ที่ 6 แห่งออสเตรีย(ดยุคลีโอโปลด์ผู้รุ่งโรจน์)

หลังจากการกำจัดชาวแมกยาร์โดยจักรพรรดิออตโตมหาราชในการต่อสู้ที่เลชฟิลด์พ.ศ. 1498 เหล่าขุนนางใหม่ๆได้ถูกจัดตั้งขึ้นในออสเตรีย ผู้หนึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม "มาร์เชีย ออเรียนทอลลิส"(marchia orientalis)ซึ่งกลายเป็นเสาหลักแห่งแดนออสเตรียและมอบให้มาร์เกรฟลีโอโปลด์แห่งบาเบนเบิร์กในปีพ.ศ. 1519 หลังจากการก่อกบฏของดยุคเฮนรีที่ 2 แห่งบาวาเรีย

ชื่อ"ออสเตรีย"ปรากฏครั้งแรกในปีพ.ศ. 1509 ในเอกสารออสตราริชิซึ่งอ้างถึงดินแดนของบาเบนเบิร์ก ในศตวรรษต่อๆ มา ราชวงศ์บาเบนเบิร์กได้ใช้ยุทธศาสตร์สร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่อาณาจักร และขยายประเทศไปอย่างกว้างขวาง ในปีพ.ศ. 1699 เอกสาร Privilegium Minusได้ยกระดับออสเตรียขึ้นเป็นดัชชี ในปีพ.ศ. 1735 บาเบนเบิร์กได้รับสิทธิในการครอบครองดัชชีแห่งสไทเรียด้วยข้อตกลงจอร์เกนเบิร์ก ในเวลานั้น ดยุคบาเบนเบิร์กได้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาคออสเตรีย เจริญสูงสุดในสมัยดยุคลีโอโปลด์ที่ 6 แห่งออสเตรีย(พ.ศ. 1741 - พ.ศ. 1773)

อย่างไรก็ตาม การพ่ายแพ้อย่างราบคาบของพระโอรสของพระองค์คือ ดยุคเฟรเดริกที่ 2 แห่งออสเตรียในปีพ.ศ. 1789 ทำให้เข้ามาถึงจุดดับสูญ จากข้อมูลในเอกสาร interregnum ในระยะเวลา 10 ปีระหว่างนี้มีการโต้แย้งกันอย่างมาก พระเจ้าออตโตกาที่ 2 แห่งโบฮีเมียได้เข้ายึดครองดัชชีแห่งออสเตรีย,สไทเรียและคารินเทียทั้งหมด รัชสมัยของพระเจ้าออตโตกาต้องสิ้นสุดเมื่อพระองค์พ่ายแพ้และสวรรคตในการต่อสู้แห่งแมชฟิลด์ ทำให้พระเจ้ารูดอฟที่ 1 แห่งฮับส์บูร์กได้เข้าครอบครองในปีพ.ศ. 1821

[แก้] กษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก(คริสต์ศตวรรษที่ 13 - พ.ศ. 2461)

[แก้] จุดเริ่มต้น(พ.ศ. 1821 - พ.ศ. 2069 )

การล่มสลายของบาเบนเบิร์กในศตวรรษที่ 13 ออสเตรียได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้าออตโตกาที่ 2 แห่งโบฮีเมียเพียงชั่วครู่ การแข่งขันกันในตำแหน่งจักรพรรดิกับพระเจ้ารูดอฟที่ 1 แห่งฮับส์บูร์ก พระเจ้าออตโตกาพ่ายแพ้และสวรรคตกลางสมรภูมิให้กับกษัตริย์ชาวเยอรมัน ผู้ซึ่งให้ออสเตรียแก่พระโอรสในปีพ.ศ. 1821 ออสเตรียได้อยู่ภายใต้อำนาจแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์กยาวนานถึง 640 ปี ในศตวรรษที่ 14 และ 15 ราชวงศ์ฮับส์บูรก์ได้ทำการรวบรวมแคว้นหรือดัชชีเล็กๆในอาณาบริเวณของออสเตรียเช่น ดัชชีเล็กๆที่อยู่ข้างๆดานูบและสไทเรียที่ได้มาจากสมัยพระเจ้าออตโตกาข้างๆออสเตรีย คารินเทียและคานิโอลาได้ตกอยู่ภายใต้ฮับส์บูร์กในปีพ.ศ. 1878 แคว้นไทรอลได้ในปีพ.ศ. 1906 แคว้นเหล่านี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันในนาม "ดินแดนการสืบทอดของฮับส์บูร์ก"(the Habsburg Hereditary Lands)และส่วนมากจะเรียกกันอย่างกว้างขวางว่า ออสเตรีย

การครองราชย์ภายในเวลาอันสั้นของดยุครูดอล์ฟที่ 4 แห่งออสเตรีย พระอนุชาของพระองค์คือ ดยุคอัลเบิร์ตที่ 3 แห่งออสเตรียและดยุคลีโอโปลด์ที่ 3 แห่งออสเตรียได้ขัดแย้งกันและต้องลงสนธิสัญญานูเบิร์กในปีพ.ศ. 1922 ดยุคอัลเบิร์ตได้ครอบครองออสเตรียในขณะที่ดยุคลีโอโปลด์ครอบครองออสเตรียใน(Inner Austria)คือ สไทเรีย,คารินเทียและคานิโอลาในปีพ.ศ. 1945 มีการแตกแยกกันในสายลีโอโปลดิเนียน เมื่อดยุคเออร์เนสผู้โหดเหี้ยมยึดออสเตรียในและดยุคเฟรเดริกที่ 4 แห่งออสเตรียได้ครอบครองแคว้นไทรอลและออสเตรียไกล(Further Austria)แผ่นดินได้ถูกรวบรวมเป็นหนึ่งในสมัยพระโอรสของดยุคเออร์เนสคือ สมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อสายอัลเบิร์ติเนียนและสายเอเดอร์ ไทรอลีนล่มสลาย

ในพ.ศ. 1981 ดยุคอัลเบิร์ตที่ 5 แห่งออสเตรียได้รับเลือกให้เป็น สมเด็จพระจักรพรรดิซิจิสมุนด์แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ต่อจากพ่อตาของพระองค์ แต่ถึงแม้ว่าพระองค์จะเป็นพระจักรพรรดิแต่จักรพรรดิพระองค์อื่นเป็นพระราชวงศ์ฮับส์บูร์ก มีเพียงพระองค์เป็นพระองค์เดียวที่ไม่ใช่และได้รับการยกเว้น ราชวงศ์ฮับส์บูร์กได้ทำการรวบรวมดินแดน ในปีพ.ศ. 2020 อาร์คดยุคแม็กซิมิลเลียนพระโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิเฟรเดริกที่ 3ได้อภิเษกสมรสกับดัซเซสแมรีผู้ร่ำรวยทำให้ได้สิทธิในการครอบครองกลุ่มประเทศต่ำ พระโอรสของพระองค์เจ้าชายฟิลิปรูปงามได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแห่งคาสตีลและอารากอนทำให้ได้สิทธิในการครอบครองกลุ่มประเทศสเปน อิตาลี แอฟริกาและทวีปโลกใหม่ แต่ในปีพ.ศ. 2063 สมเด็จพระจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ได้ให้ดินแดนเหล่านี้แก่พระอนุชาคือสมเด็จพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

[แก้] ออสเตรียและการปฏิรูปศาสนา(พ.ศ. 2069 - พ.ศ. 2161)

ยุทธการแห่งเวียนนา พ.ศ. 2226 ระหว่างสันนิบาตคริสต์กับจักรวรรดิออตโตมัน

ในปีพ.ศ. 2069 จากยุทธการโมเฮ็คส์ทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 2 แห่งฮังการีผู้เป็นพระญาติของพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์สิ้นพระชนม์ในสมรภูมิ จักรพรรดิเฟอร์ดินานด์จึงทรงขยายอาณาเขตโดยรวมโบฮีเมียและส่วนหนึ่งของฮังการีที่ไม่ได้ถูกจักรวรรดิออตโตมันยึดครอง ราชวงศ์ฮับบูร์กได้ขยายอิทธิพลไปยังฮังการี อย่างไรก็ตามก็ทำสงครามกับเติร์กเรียกว่า สงครามสิบสามปีหรือสงครามยาว ตั้งแต่พ.ศ. 2136 - พ.ศ. 2149

ออสเตรียและเหล่าแคว้นสายราชวงศ์ฮับบูร์ก(ฮังการีและโบฮีเมีย)ได้รับผลกระทบอย่างมากในการปฏิรูปศาสนา แม้ว่าเหล่าผู้นำฮับบูร์กจะยังคงนับถือนิกายโรมันคาทอลิก แต่แคว้นต่างๆได้เปลี่ยนมานับถือลูเธอรัน ที่ซึ่งพระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และเหล่ารัชทายาทคือ พระจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 2,พระจักรพรรดิรูดอล์ฟที่ 2และพระจักรพรรดิแม็ทไธยัสทรงอดทนอดกลั้นต่อเรื่องนี้มาก

ในช่วงหลังศตวรรษที่ 16 อย่างไรก็ตามการปฏิรูปย้อนกลับและลัทธิเยซูอิดไดมีอิทธิพลมากและการศึกษาของเยซูอิต อาร์คดยุคเฟอร์ดินานด์ผู้ครองรัฐสติเรีย,อาณาจักรดยุคแห่งคารินเทียและคาร์นิโอลาได้เป็นพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงมีกำลังในการปราบปรามพวกนอกรีตในอาณาจักรที่ทรงปกครอง


[แก้] ออสเตรียและสงครามสามสิบปี(พ.ศ. 2161 - พ.ศ. 2191)

ในพ.ศ. 2162 อาร์คดยุคเฟอร์ดินานด์ได้รับเลือกให้สืบราชบัลลังก์พระจักรพรรดิต่อจากพระญาติคือ พระจักรพรรดิแม็ทไธยัส ด้วยความที่พระจักรพรรดิเฟอร์ดินานด์ที่ 2ทรงเป็นผู้เคร่งในศาสนาอย่างแรงกล้าและดื้อรั้นทำให้ทรงเป็นที่รู้จักกันมาก พระองค์ทรงดำเนินการฟื้นฟูคาทอลิกไม่เพียงเฉพาะแคว้นรัชทายาทแต่โบฮีเมียและฮับบูร์กออสเตรียมีผู้นับถือโปรแตสแตนต์มากที่สุดในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทางนอกอาณาจักรทรงเป็นผู้แข็งกร้าวและไม่ประนีประนอมทรงนำพาอาณาจักรเข้าสู่สงครามสามสิบปีในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2161 ได้เกิดการแบ่งฝ่าย เป็นที่รู้ในการกบฎในโบฮีเมียหลังจากมีความเห็นขัดแย้งกัน พระองค์ได้ให้ความสะดวกแก่ชาวคาทอลิกไปที่ใดก็ได้ พระองค์ทรงกำหนดกฤษฎีกาแห่งการฟื้นฟูในปีพ.ศ. 2172 ซึ่งยุ่งยากแก่การปกครอง ความสัมพันธ์และการยืดเวลาออกไป พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในช่วงกลาง พระองค์ทรงมีพลังในการปลุกใจทหารดังเช่นในการปิดล้อมที่เม็กเดบูร์ก

[แก้] เว็บไซต์อ้างอิง


ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ออสเตรีย เป็นบทความเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ออสเตรีย ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ หรือ ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ประวัติศาสตร์