สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

HRHBejaratana.jpg
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
พระนามเต็ม สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
พระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
ฐานันดรศักดิ์ เจ้าฟ้า
ราชวงศ์ ราชวงศ์จักรี

พลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว โดยพระนาม เพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระนามที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน และใช้คำนำหน้าพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้ออกคำนำหน้าพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ และคำนำหน้าพระนามนี้ยังใช้จนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน

เนื้อหา

[แก้] พระประวัติ

[แก้] พระประสูติกาล

พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี [note 1] ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว เมื่อพระนางเจ้าสุวัทนาฯ ทรงพระครรภ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระปีติโสมนัสเป็นอย่างพ้นประมาณ ทรงเฝ้ารอพระประสูติการของพระหน่อพระองค์แรกอย่างจดจ่อ ทั้งยังทรงพระราชนิพนธ์บทกล่อมบรรทมสำหรับสมโภชเดือนพระราชกุมารประกอบเพลงปลาทองไว้ล่วงหน้า ความว่า

"พระเอยพระหน่อนาถ งามพิลาสดังดวงมณีใส พระเสด็จจากฟ้าสุราลัย มาเพื่อให้ฝูงชนกมลปรีดิ์ ดอกเอยดอกจัมปา หอมชื่นจิตติดนาสา ยิ่งดมยิ่งพาให้ดมเอยฯ หอมพระเดชทรงยศโอรสราช แผ่เผยผงาดในแดนไกล พึ่งเดชพระหน่อไท เปนสุขสมใจไม่วางวายฯ รูปลม้ายคล้ายพระบิตุราช ผิวผุดผาดเพียงชนนีศรี ขอพระจงทรงคุณวิบุลย์ทวี เพื่อเป็นที่ร่มเกล้าข้าเฝ้าเทอญฯ ดอกเอยดอกพุทธชาต หอมเย็นใจใสสอาด หอมบมิขาดสุคนธ์เอยฯ หอมพระคุณการุญเปนประถม เย็นเกล้าเหมือนร่มโพธิ์ทอง เหล่าข้าทูลลออง ภักดีสนองพระคุณไทฯ"

แต่แล้วเมื่อใกล้พระประสูติการ ความชื่นบานทั้งหลายกลับกลายเป็นความกังวล เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักด้วยโรคพระอันตะ มีพระอาการรุนแรงขึ้นอย่างมิคาดฝัน ในยามนั้น พระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ประทับ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ซึ่งติดกับพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพื่อทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพระนางเจ้าสุวัทนาฯ มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิงในวันที่ 24 พฤศจิกายน จากนั้นในเวลาบ่าย เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) ได้เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ประสูติ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ” เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระราชดำรัสว่า “ก็ดีเหมือนกัน”[1] จนรุ่งขึ้นในวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน เจ้าพระยารามราฆพ เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถผู้ทรงพระประชวรหนักบนพระแท่น เมื่อทอดพระเนตรแล้ว ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้เนื่องจากขณะนั้นมีพระอาการประชวรอยู่ในขั้นวิกฤต เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต[1]

พระนม (แม่นม) ของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 คือ คุณบุปผา พนมวัน ณ อยุธยา ซึ่งเป็นพระนมโดยตำแหน่ง เพราะสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 เสวยพระกษิรธาราจากพระชนนี มีคณะพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ถวายอภิบาลในเบื้องต้น จากนั้นจึงมีคณะพระอภิบาลจำนวน 12 คน ซึ่งเป็นอดีตคุณพนักงานในรัชกาลที่ 6 โดยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าอภิบาลจนทรงเจริญพระวัยพอสมควร

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขณะยังทรงพระเยาว์

[แก้] เมื่อทรงพระเยาว์

หลังจากประสูติแล้วไม่นาน สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ได้ทรงย้ายไปประทับ ณ ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อทรงเจริญวัยขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงว่าสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ จะไม่มีสถานที่ทรงวิ่งเล่นเพราะในพระบรมมหาราชวังมีบริเวณคับแคบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายออกมาประทับ ณ พระตำหนักสวนหงษ์ พระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นที่กว้างขวางร่มรื่น แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เหมาะแก่การสำราญพระอิริยาบถของสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ

ขณะสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงพระเมตตาเอาพระราชหฤทัยใส่ดูแลทั้งด้านพระอนามัยและความเป็นอยู่มาโดยตลอด ด้วยเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงพระประชวรหนักนั้น ได้มีพระราชดำรัสกับสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าว่า “ขอฝากลูกด้วย” ต่อมา สมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้ายังได้มีพระราชกระแสถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “เจ้าฟ้านี่ ฉันตายก็นอนตาไม่หลับ พระมงกุฎฝากฝังเอาไว้”[1]

ระหว่างทรงพระเยาว์ มีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองหลายครั้ง เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และกบฎบวรเดช ทำให้ต้องทรงย้ายที่ประทับอยู่ตลอดเวลา เช่น ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ในพระบรมมหาราชวัง, พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต, ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา, พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในสวนสุนันทา และพระตำหนักเขียว วังสระปทุม

จนกระทั่งพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี โปรดให้สร้างตำหนักใหม่ขึ้นเป็นส่วนพระองค์บนที่ดินหัวมุมถนนราชสีมาตัดกับถนนสุโขทัยซึ่งเป็นที่ดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ในอดีต ตำหนักแห่งนี้ประทานนามว่า สวนรื่นฤดี มีนายหมิว อภัยวงศ์ เป็นสถาปนิก และพลโท พระยาศัลวิธานนิเทศ (แอบ รักตะประจิต) เป็นวิศวกร (ต่อมาได้ทรงขายให้แก่ทางราชการขณะเสด็จไปประทับ ณ ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันเป็นส่วนราชการของกองทัพบก) สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้ทรงพระอักษรเบื้องต้นโดยพระอาจารย์จากโรงเรียนราชินี เช่น หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล, หม่อมเจ้าหญิงเสมอภาค โสณกุล, ครูพิศ ภูมิรัตน ฯลฯ จากนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนราชินี (หมายเลขประจำพระองค์ 1847) แล้วจึงทรงศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกับท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ณ ตำหนักสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

[แก้] ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ

ต่อมาในพุทธศักราช 2480 พระนางเจ้าสุวัทนาฯ พระชนนีได้ทรงนำเสด็จสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ไปทรงพระอักษรและประทับรักษาพระอนามัย ณ ประเทศอังกฤษ ทรงย้ายที่ประทับหลายแห่งตามลำดับ กล่าวคือ ตำหนักแฟร์ฮิลล์ เมืองแคมเบอร์เลย์ มณฑลเซอร์เรย์, ตำหนักหลุยส์เครสเซนต์ เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และตำหนักไดก์โรด (บ้านรื่นฤดี) เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนกับพระอาจารย์ชาวต่างประเทศ และได้เสด็จไปทรงศึกษาในโรงเรียนประจำสตรีชื่อโรงเรียนเซเครดฮาร์ด แคว้นเวลส์ ครั้นในช่วงเสด็จลี้ภัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่พระองค์ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ และพระชนนี ได้พระราชทานพระวโรกาสให้ชาวไทยในประเทศอังกฤษเฝ้า และพระราชทานพระกรุณาแก่กิจการต่างๆ ของชาวไทยอยู่เสมอ ทรงร่วมงานของสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร เป็นประจำ นอกจากนี้ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ยังทรงอุทิศพระองค์ช่วยเหลือทหารและผู้ประสบภัยสงครามด้วยการเสด็จไปทรงบำเพ็ญประโยชน์ เช่น ม้วนผ้าพันแผล จัดยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ ที่สภากาชาดอังกฤษด้วย และในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อทรงสละราชสมบัติแล้ว) ยังมีพระชนมชีพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ก็ได้เสด็จพร้อมด้วยพระชนนี ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ที่วังรื่นฤดี

[แก้] นิวัตประเทศไทย

เสด็จกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเมื่อพุทธศักราช 2500 ทรงพระกรุณาโปรดให้สร้างวังในซอยสุขุมวิท 38 (ซอยสันติสุข) โดยมีพลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ ศิลปินแห่งชาติ เป็นสถาปนิก แล้วเสด็จไปประเทศอังกฤษอีกในปี พ.ศ. 2501 เพื่อทรงเตรียมพระองค์เสด็จกลับประเทศไทยเป็นการถาวร จากนั้นจึงได้เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรในปี พ.ศ. 2502 ประทับ ณ วังรื่นฤดี เลขที่ 69 ซอยสุขุมวิท 38 กรุงเทพมหานคร ตราบกระทั่งปัจจุบัน ส่วนในช่วงฤดูร้อนพระองค์จะเสด็จแปรที่ประทับไปยังตำหนักพัชราลัย ถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

[แก้] พระพลานามัย

ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ กล่าวถึงพระอาการประชวรของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีว่า ขณะนี้ทรงมีพระอาการดีขึ้น หลังจากประชวรด้วยเส้นเลือดตีบทำให้พระองค์ไม่สามารถรับสั่งได้ แต่ทรงเข้าพระทัยทุกอย่าง โดยพยักพระพักตร์แสดงว่าทรงเข้าพระทัย โดยมีสุรัสวดี กุวานนท์ แม็กซี่ พระนัดดาในพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ซึ่งเป็นข้าราชบริพารเดิม ที่ตามเสด็จไปอยู่ประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ 3 ขวบ กลับมาจากต่างประเทศ รับหน้าที่ถวายการดูแล ทูลเป็นภาษาอังกฤษกับพระองค์ได้คนเดียว โดยเคยทูลภาษาอังกฤษความหมายว่า “หากไม่โปรดอาหารที่เสวย ก็ทรงคายออกเถอะ” พระองค์ก็ทรงเข้าพระทัยเป็นอย่างดี[2]

[แก้] พระนาม

พระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นั้นได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2468[3] และมีคำนำพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ (ภาติกา หมายถึง หลานสาวที่เป็นลูกสาวของพี่ชาย) โดยก่อนหน้านี้มีการสมโภชได้มีการคิดพระนามไว้ 3 พระนาม ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชอรสา สิริโสภาพัณณวดี, สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนจุฬิน สิริโสภิณพัณณวดี และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี[4] ท้ายที่สุด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเลือกพระนามสุดท้ายพระราชทาน[1]

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้เสด็จผ่านพิภพขึ้นสืบสนองพระองค์ คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีประกาศเปลี่ยนคำนำพระนามสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ผู้เป็นพระขนิษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ[5]

จากนั้นในปี พ.ศ. 2489 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบแทน ก็ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คงคำนำพระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ว่า สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ แม้ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ จะเป็นพระเชษฐภคินีผู้ทรงเจริญพระชนมายุสูงกว่า เนื่องจากคำว่า ภคินี แปลได้ทั้งน้องหญิงและพี่หญิง ดุจเดียวกัน จึงทรงพระนามตามพระฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ดังปรากฏในปัจจุบันว่า สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ส่วนพระนามในภาษาอังกฤษตามทางราชการใช้ว่า "Her Royal Highness Princess Bejaratana"

[แก้] พระกรณียกิจสังเขป

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

นับแต่นั้นมา พระกรณียกิจก็ได้เพิ่มพูนขึ้นเป็นลำดับ ได้ทรงแบ่งเบาพระราชภาระของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยเสด็จออกเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองทั้งใกล้ไกล พร้อมพระราชทานพระอนุเคราะห์แก่ผู้ยากไร้อยู่เสมอ ครั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระวัยขึ้นกระทั่งทรงสามารถแบ่งเบาพระราชกรณียกิจได้ ประกอบกับสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีพระชนมายุสูงขึ้น จึงได้เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารน้อยลง

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้ทรงรับสถาบันและองค์กรต่างๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์เป็นจำนวนกว่า 30 แห่ง ทั้งในส่วนที่สืบสานจากสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ในส่วนของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และโดยส่วนพระองค์เอง ทั้งในด้านการศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร วชิราวุธวิทยาลัย โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนราชินี โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนราชินีบูรณะ โรงเรียนวิเชียรมาตุ โรงเรียนสภาราชินี โรงเรียนศรียานุสรณ์ โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนสายน้ำผึ้ง โรงเรียนศรีอยุธยา โรงเรียนเพชรรัชต์ โรงเรียนเพชรรัตนราชสุดา โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์เพชราวุธวิทยา โรงเรียนสยามธุรกิจ สถาบันสันติราษฎร์บริหารธุรกิจ โรงเรียนพณิชยการสยาม ฯลฯ การสาธารณสุข เช่น วชิรพยาบาล โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศิริราชพยาบาล ฯลฯ กิจการลูกเสือ-เนตรนารี และกิจการอาสาสมัครรักษาดินแดน ตลอดจนการสังคมสงเคราะห์อื่นๆ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชทานกำเนิด มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งยังทรงเป็นผู้นำในการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมในรัชกาลที่ ๖ เช่น พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี และ พระราชวังพญาไท ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อย่างไรก็ดี แม้ทุกวันนี้จะได้เสด็จออกไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนอกสถานที่น้อยลงเนื่องด้วยพระชนมายุที่สูงขึ้น แต่ก็ยังพระราชทานพระวโรกาสให้ผู้แทนองค์กรต่างๆ เฝ้ากราบทูลรายงานความก้าวหน้าพร้อมทั้งรับพระราชทานพระกรุณาโดยประการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีพระปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจ ดังปรากฏในพระดำรัสที่พระราชทานในงานฉลองพระชนมายุ 61 พรรษา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529วชิราวุธวิทยาลัย ความตอนหนึ่งว่า

Cquote1.svg

ฉันขอกล่าวต่อท่านทั้งปวงว่า จะพยายามบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง ด้วยความจงรักภักดีต่อบ้านเกิดและต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระประมุขของชาติ ทั้งจะได้รักษาเกียรติศักดิ์แห่งความเป็นราชนารีในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ชั่วชีวิต

Cquote2.svg
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

[แก้] องค์กรในพระอุปถัมภ์

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ

[แก้] ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์

[แก้] ทรงเป็นประธานกรรมการ

[แก้] ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษ

[แก้] ทรงเป็นนายทหารพิเศษ

[แก้] ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์

[แก้] ทุนที่ทรงก่อตั้งและทุนในพระนาม

โรงเรียนราชินี โรงเรียนราชินีบน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา โรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม โรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนศรียานุสรณ์ จังหวัดจันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย

[แก้] อาคารสถานที่ในพระนาม

[แก้] พระจริยวัตร

ในส่วนพระจริยวัตรส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ นั้นก็งดงามพิสุทธิ์ ทรงศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้เคยเสด็จไปทรงศึกษาธรรมะกับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นอกจากนี้ ยังมีพระอุปนิสัยทรงเคร่งครัดในการตรงต่อเวลา ทรงปฏิบัติพระกิจวัตรประจำวันเป็นเวลาและไม่ทรงปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ทรงประหยัดอดออมและโปรดความเรียบง่าย ทั้งยังทรงนิยมและภาคภูมิพระทัยในความเป็นไทย โปรดเครื่องใช้รวมถึงฉลองพระองค์ที่ผลิตในประเทศ ส่วนการใช้ภาษาไทยนั้น ก็เป็นที่ทราบกันในหมู่ข้าราชบริพารว่าไม่โปรดให้ผู้ใดกราบทูลภาษาไทยปนภาษาต่างประเทศ และโดยส่วนพระองค์เองก็มีรับสั่งภาษาไทยถูกต้องชัดเจนเสมอ จะมีรับสั่งภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศสกับชาวต่างประเทศเท่านั้น

พระราชวงศ์ไทย
Emblem of the House of Chakri.svg

[แก้] พระอิสริยยศและพระเกียรติยศ

[แก้] พระอิสริยยศ

[แก้] พระยศทางทหาร

  • พันเอกหญิง, นาวาเอกหญิง และ นาวาอากาศเอกหญิง (พ.ศ. 2533)
  • นายทหารพิเศษประจำกรมทหารม้าที่ ๑ รักษาพระองค์ ประจำกองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ และประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ (พ.ศ. 2533)
  • ผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ ๑๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช, ราชองครักษ์พิเศษ และนายทหารพิเศษ กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
  • นายทหารพิเศษประจำ กองพันทหารราบที่๓ กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (พ.ศ. 2552)[8]
  • พลเอกหญิง (พ.ศ. 2552)[9]
  • พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง (พ.ศ. 2553)[10]
  • นายทหารพิเศษประจำ ฝูงบิน ๖๐๒ รักษาพระองค์ กองบิน ๖ (พ.ศ. 2553)

[แก้] เครื่องราชอิสริยาภรณ์

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ดังนี้

[แก้] ปริญญากิตติมศักดิ์

[แก้] รางวัล

[แก้] การฉลองพระชนมายุ ๗ รอบ (๘๔ พรรษา)

ตราสัญลักษณ์ ฉลองพระชนมายุ ๗ รอบ

24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา รัฐบาลจัดให้มีงานฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี [11]

[แก้] ความหมายตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชนมายุ 7 รอบ (84 พรรษา)[12]

อักษรพระนาม พ.ร. ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อักษรสีทอง หมายถึงความเจริญพระชนมายุอันเป็นสวัสดิมงคลยืนยาวถึง ๘๔ พรรษา แสดงถึงพระจริยวัตรอันงามพิสุทธิ์ ยืนยงดังทองนพคุณอันโอภาส ที่ไม่อาจปรวนแปรสีเป็นอื่น ประดิษฐานในกรอบอาร์มประดับลายเฟื่องสีทอง พื้นสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และประจำวันประสูติ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ผู้เป็นพระชนกและพระชนนี (วันเสาร์) อักษรพระนามในรูปอาร์มนั้นประดิษฐานอยู่ภายใต้พระชฎามหากฐิน อันแสดงถึงพระอิสริยยศสมเด็จเจ้าฟ้า ประกอบพระอุณาโลมอุตราวรรต เลียนลักษณะเลข ๖ หมายถึงพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 อยู่บนพระโคซึ่งเป็นเทพพาหนะของพระอิศวร สื่อความหมายว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบได้ดั่งพระอิศวรซึ่งทรงแบ่งภาคมาเป็นพระมหากษัตริย์ไทย และทรงเป็นเจ้าฟ้า ซึ่งในพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พราหมณ์จะได้สวดสรรเสริญพระอิศวรและเปิดศิวาลัยไกรลาส เป็นราชประเพณีเฉพาะพระบรมวงศ์ผู้ทรงพระอิสริยยศนี้ พระโคนั้นทรงเครื่องอย่างพระโคต้น พื้นตัวขาว เป็นรูปประจำพระนักษัตรคือปีฉลู ประดับวลัยที่เขนง (เขา) ห้อยพู่อุบะหู ประดับตาบหน้า ตาบอก และตุ้งติ้งอุบะทอง ใบเทศที่ตะโพก เท้าหน้าและหลัง เขนงและกีบเท้าสีทอง คาดแถบแพรสีหงชาด (สีชมพู) อันเป็นสีประจำวันประสูติ (วันอังคาร) ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีอักษรบอกงาน ความว่า “ฉลองพระชนมายุ ๗ รอบ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒” ตัวอักษรทองตัดขอบสีแสด ซึ่งเป็นสีที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ โปรด ทั้งยังเป็นสีศรีของวันประสูติ

[แก้] เหรียญกษาปณ์และตราไปรษณียากรที่ระลึก

[แก้] เหรียญกษาปณ์

กรมธนารักษ์ออกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้

  • เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 มีลักษณะดังนี้

เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาหกร้อยบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มีพระชนมายุ 80 พรรษา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่ง มหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1

[แก้] ตราไปรษณียากร

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดออกตราไปรษณียากรที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้

  • ตราไปรษณียากรที่ระลึก ๘๐ พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา - เป็นพระรูปทรงฉลองพระองค์ชุดไทยสีเทาเข้ม ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ที่พระอังสาเบื้องขวาประดับเข็มกลัดเพชรอักษรพระบรมนามาภิไธย ร.ร.๖ ในรัชกาลที่ 6 ฉากพื้นเป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีวันประสูติ-วันอังคาร (วันแรกจำหน่าย: 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548)
  • ตราไปรษณียากรที่ระลึก ๘๔ พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา -เป็นพระรูปทรงฉลองพระองค์ชุดไทยสีน้ำเงินเข้ม ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 อักษรบอกราคา 3 บาทเป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีวันประสูติ-วันอังคาร(วันแรกจำหน่าย: 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552)

[แก้] เพลงเฉลิมพระเกียรติ

[แก้] ราชตระกูล

พระราชตระกูลในสามรุ่นของสมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
สมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
พระชนก:
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระอัยกาฝ่ายพระชนก:
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระปัยกาฝ่ายพระชนก:
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก:
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนก:
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระปัยกาฝ่ายพระชนก:
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก:
สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา
พระชนนี:
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
พระอัยกาฝ่ายพระชนนี:
พระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์)
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี:
เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์)
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี:
คุณหญิงสอิ้ง อภัยภูเบศร
พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนี:
คุณเล็ก บุนนาค
พระปัยกาฝ่ายพระชนนี:
เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)
พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี:
ท้าวศรีสุนทรนาฏ (แก้ว พนมวัน ณ อยุธยา)

[แก้] เชิงอรรถ

  1. ^ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี มีพระนามเดิมคือ เครือแก้ว อภัยวงศ์ ธิดาของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (เลื่อม อภัยวงศ์) กับคุณเล็ก บุนนาค

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ 1.0 1.1 1.2 1.3 เฉลิมพระชนมายุ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
  2. ^ ดวงใจแผ่นดิน พระประสงค์ในเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ เดลินิวส์ วัน จันทร์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 02:53 น.
  3. ^ ราชกิจจานุเบกษา, การสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่เจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ ที่ในพระบรมมหาราชวัง, เล่ม ๔๒, ตอน ๐ ง, ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘, หน้า ๓๐๙๔
  4. ^ พระนามและคำนำพระนาม สมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอฯ ดวงแก้วแห่งมงกุฎเกล้า
  5. ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศคำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์, เล่ม ๕๒, ตอน ๐ ง, ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๘, หน้า ๑๑๗๙
  6. ^ http://www.law.chula.ac.th/web/library03.htm ห้องระบบสืบค้นข้อมูล เพชรรัตน
  7. ^ http://www.siba.ac.th/libraryhistory.htm ห้องสมุดเพชรรัตนราชสุดา
  8. ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ (พันเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี), เล่ม ๑๒๖, ตอน พิเศษ ๗๓ ง , ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒, หน้า ๑๖
  9. ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารเป็นกรณีพิเศษ [พันเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็น พลเอกหญิง , เล่ม ๑๒๖, ตอน ๑๓ ข, ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒, หน้า ๑๔
  10. ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์เป็นกรณีพิเศษ (สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) , เล่ม ๑๒๗, ตอน ๔ ข, ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓, หน้า ๑
  11. ^ http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=37332
  12. ^ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8580358/K8580358.html

[แก้] หนังสือ

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

ภาษาอื่น