ตำนานเก็นจิ
ตำนานเก็นจิ | |
ม้วนภาพเรื่องตำนานเก็นจิ ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น ราวสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 |
|
ผู้ประพันธ์ | มุราซากิ ชิคิบุ |
---|---|
ชื่อต้นฉบับ | 源氏物語 ( Genji Monogatari ) |
ผู้แปล | จำนวนมาก |
ผู้สร้างสรรค์ภาพประกอบ | ไม่ปรากฏนาม |
ประเทศ | ญี่ปุ่น |
ภาษา | ภาษาญี่ปุ่น |
ประเภท | วรรณกรรมญี่ปุ่นคลาสสิค |
ผู้เผยแพร่ | จำนวนมาก |
วันเผยแพร่ | ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 |
ชนิดสื่อ | ม้วนภาพ , หนังสือ |
จำนวนหน้า | ม้วนภาพราว 10 ม้วน หนังสือฉบับแปลภาษาอังกฤษกว่า 1000 หน้า |
ตำนานเก็นจิ (ญี่ปุ่น: 源氏物語; Genji Monogatari) เป็นงานเขียนของ มุราซากิ ชิคิบุ นางข้าหลวงในราชสำนักญี่ปุ่นสมัยเฮอัน หรือ เฮอันเคียว ซึ่งมีชิวิตอยู่ราวต้นศตวรรษที่ 11 ว่ากันว่า นี่คือนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก [1] และมีการจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1000 ปี ในปี 2008 ที่ประเทศญี่ปุ่น [2] โดยมีหลักฐานสนับสนุนจากเนิ้อความใน มุราซากิ ชิคิบุ นิกกิ (Murasaki Shikibu Nikki บันทึกของมุราซากิ ชิคิบุ) ซึ่งเธอได้เขียนบันทึกนั้นในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค ศ.1008 ว่า ฟุจิวะระ โนะ คินโตะ (Fujiwara no Kinto) นักปราชญ์ราชบัณฑิตชั้นแนวหน้าในยุคนั้น ชื่นชมในงานเขียนของเธอเป็นอันมาก และบันทึกนี้ยืนยันกับเราให้ทราบว่า เธอเขียน บท วะกะมุราซากิ จบในเวลานั้นเอง (1 พฤศจิกายน ค ศ.1008) [3] บางข้อมูลอ้างว่า มุราซากิ ชิคิบุ เริ่มเขียน ตำนานเก็นจิที่วัดอิชิยะมะเดระ ในคืนวันจันทร์เต็มดวงของวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี ค ศ. 1004 [4]
[แก้] เกี่ยวกับผู้ประพันธ์ มุราซากิ ชิคิบุ
มุราซากิ ชิคิบุ เกิดในปี เทนเอน ที่ 1 ( Ten-en 1 ) หรือราว ค ศ. 973 ในตระกูลขุนนางสาย ฟุจิวาระ ในระดับชั้นกลาง บิดาชื่อว่า ฟุจิวาระ ทะเมะโตะคิ ไม่มีใครทราบชื่อจริงของเธอ สันนิษฐานว่า ที่เธอรับการเรียกขานว่า มุราซากิ ชิคิบุ นั้น เนื่องจาก หญิงที่เป็นชนชั้นสูงในสังคมยุคนั้นจะไม่เปิดเผยชื่อจริงๆ ของตัวเอง มุราซากิ มาจากชื่อของ ตัวละครนำหญิงในตำนานเก็นจิ หรือไม่ก็ มุราซากิ ที่แปลว่าสีม่วง พ้องกับชื่อตระกูลฟุจิวาระของเธอ ที่ ดอกฟุจิ ก็เป็นดอกไม้สีม่วงเช่นกัน ส่วน ชิคิบุ นั้น มาจากการที่ บิดา และ พี่ชายของเธอ ทำงานในกรมราชพิธี ( ชิคิบุ ) นั่นเอง [5]
ปีโจโตคุที่ 4 ( Chotoku 4 ) หรือราวปี ค ศ.998 มุราซากิได้แต่งงานกับ ฟุจิวาระ โนะ โนะบุทะกะ ( Fujiwara no Nobutaka ) มีบุตรสาว 1 คน เรียกขานนามกันว่า ไดนิ โนะ ซัมมิ ( Daini no Sammi) ซึ่งไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นการเรียกแทนตัวจากตำแหน่งเช่นกัน ต่อมา 3 ปี สามีของเธอเสียชีวิต ในช่วงนี้เองที่เธอเริ่มประพันธ์ ตำนานเก็นจิ
ราวปีคันโคที่ 2 ( Kanko 2 ) หรือ ราวปี ค ศ.1005 มุราซากิรับตำแหน่งในหน้าที่ผู้ติดตามของ โชชิ (Soshi) บุตรสาวของ ฟุจิวาระ มิจินางะ ( Fujiwara Michinaga ) ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมา โซชิ ขึ้นเป็นจักรพรรดินีในพระจักรพรรดิอิจิโจ ( Ichicho )
มุราซากิ ชิคิบุ บันทึกใน บันทึกของ มุราซากิ ชิคิบุ ( Murasaki Shikibu Nikki) ว่า ตำนานเก็นจิ เป็นของขวัญแทนการแสดงความยินดีต่อจักรพรรดินีในโอกาสที่ให้กำเนิดองค์ชาย อัทสึฮิระ ( Atsuhira )
[แก้] รายละเอียดทั่วไป
ตำนานเก็นจิ เป็นเรื่องราวชีวิตในราชสำนักของขุนนางและเจ้านายชั้นสูงในสมัย เฮอัน โดยมีตัวเอกชื่อ ฮิคารุ เก็นจิ ในเรื่องกล่าวถึงความสัมพันธ์ของฮิคารุ เก็นจิ กับผู้หญิงมากมายต่างลักษณะกันไป เป็นเรื่องราวที่ทำให้รู้ถึงการดำเนินชีวิต แนวคิด วัฒนธรรม ประเพณี ธรรมเนียมปฏิบัติ การเมือง ของชนชั้นสูงในสมัยเฮอัน โดยเขียนแบ่งออกมาเป็น 54 บท และแบ่งเป็น 3 ช่วง
- ช่วงที่ 1 ความรุ่งเรืองและล่มสลายของเก็นจิ
บทที่ 1-33 กล่าวถึงเรื่องราวตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงการถูกเนรเทศ บทที่ 34-41 กล่าวถึงการกลับมาเรืองอำนาจจนถึงการตายของมุราซากิ ชายาสุดที่รัก
- ช่วงที่ 2 ช่วงเปลี่ยนผ่าน
บทที่ 42-44 เป็นช่วงสั้นๆกล่าวถึงการตายของเก็นจิ
- ช่วงที่ 3 อุจิจูโจ ( อุจิ 10 บท ) UJI JUUJOU 宇治十帖 (The Ten Books of Uji)
บทที่ 45-54 กล่าวถึงเรื่องราวของลูกหลาน หลังจากที่เก็นจิได้ตายไปแล้ว
[แก้] บทร้อยกรองกับตำนานเก็นจิ
ในตำนานเก็นจิ มุราซากิ ชิคิบุ ยังสอดแทรกบทร้อยกรองจากบทประชุมร้อยกรองต่างๆ เช่น โคะคินวะกะชู (Kokinwakashuu) [1]หรือโคะคินชู ( Kokinshuu ) โกะเซนชู ( Gosenshuu ) โคะคินโรคุโจ ( Kokinrokujou ) ชุยชู ( Shuishuu ) ฯลฯ โดยใช้ในรูปการดัดแปลงบทร้อยกรองดั้งเดิมให้สอดคล้องสัมพันธ์กับอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร เนื่องจากในสมัยนั้น กวีโคลงกลอนต่างๆ ถือเป็นสุดยอดของศิลปะ และสุดยอดของรูปแบบการสนทนาที่มีวัฒนธรรม ข้าราชสำนักและขุนนางที่มีความรู้ดีและมีรสนิยมจึงสาวารถจดจำโคลงกลอนต่างๆได้เป็นจำนวนมาก และจะดัดแปลงโคลงกลอนต่างๆให้เข้ากับการพูด การสนทนา ของตนออกมาได้อย่างอัตโนมัตินั่นเอง ในตำนานเก็นจินั้น นอกจากประชุมโคลงกลอนข้างต้นแล้ว มุราซากิ ชิคิบุ ยังยืมบทร้อยกรองจีนมาใช้ในเรื่องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทร้อยกรองของกวีเอกแห่งราชวงศ์ถังไป๋จวีอี้ [2](白居易 Bai Juyi ค ศ.772-846 )
[แก้] เพลงไซบาระ
นอกจากบทร้อยกรองแล้ว มุราซากิ ชิคิบุ ยังใช้ เพลงไซบาระ[3] ( 催馬楽 Saibara ) ประกอบในเนื้อเรื่องด้วย เพลงไซบาระนั้น ตามตัวอักษรหมายถึง เพลงที่ร้องในขณะขี่ม้า เป็นเพลงที่ใช้ร้องคู่หรือประสานกัน นักร้องมีทั้งหญิงและชาย เป็นที่นิยมมากในราชสำนักญี่ปุ่นยุคเฮอัน โดยดัดแปลงมาจากเพลงพื้นบ้าน ในบทเพลงขนาดสั้นนี้ จะมีเนื้อร้องสั้นๆที่ใช่คำที่เรียบง่ายประกอบดนตรีที่รับอิทธิพลมาจากราชวงค์ถังประเทศจีน หรือ โทงะคุ ( 唐樂 Togaku) และ โคะมะงาคุ (Komagaku) ทำนองที่มีอิทธิพลจากเกาหลี
[แก้] รายชื่อตอนทั้งหมด
- คิริสึโบะ (桐壺, Kiritsubo)"Paulownia Court" "Paulownia Pavilion"
- ฮะฮะคิงิ (帚木, Hahakigi) "Broom Tree"
- อุสึเซะมิ (空蝉, Utsusemi) "Shell of the Locust" "Cicada Shell"
- ยูงะโอะ (夕顔, Yūgao) "Evening Faces" "Twilight Beauty"
- วะกะมุราซากิ (若紫, Wakamurasaki) "Lavander" "Young Murasaki"
- สุเอทสึมุฮานะ (末摘花, Suetsumuhana) "Safflower"
- โมะมิจิโนะกะ (紅葉賀, Momiji no Ga) "Autumn Excursion" "Beneath the Autumn Leaves"
- ฮะนะโนะเอ็ง (花宴, Hana no En) "Festival of the Cherry Blossoms" "Under the Cherry bossoms"
- อะโอะอิ (葵, Aoi) "Heartvine" "Heart-to-Heart"
- ซะคะกิ (榊, Sakaki) "Sacred Tree" "Green Branch"
- ฮะนะจิรุซะโตะ (花散里, Hana Chiru Sato) "Orange Blossoms" "Falling Flowers"
- สุมะ (須磨, Suma ) "Suma"
- อะคะชิ (明石, Akashi) "Akashi"
- มิโอะซึคุชิ (澪標, Miotsukushi) "Channel Buoys" "Pilgrimage to Sumiyoshi"
- โยะโมะงิอุ (蓬生, Yomogiu ) "Wormwood Patch" "Waste of Weeds"
- เซะกิยะ (関屋, Sekiya ) "Gatehouse" "At The Pass"
- เอะอะวะเสะ (絵合, E Awase ) "Picture Contest"
- มัตสึคะเสะ (松風, Matsukaze) "Wind in the Pines"
- อุสุงุโมะ (薄雲, Usugumo ) "Rack of Clouds" "Wisps of Cloud"
- อะสะงะโอะ (朝顔, Asagao ) "Morning Glory" "Bluebell"
- โอะโตะเมะ (乙女, Otome ) "Maiden" "Maidens"
- ทะมะคะซึระ (玉鬘, Tamakazura ) "Jeweled Chaplet" "Tendril Wreath"
- ฮัตสึเนะ (初音, Hatsune ) "First Warbler" "Warbler's First Song"
- โคะโจ (胡蝶, Kochō ) "Butterflies"
- โฮตะรุ (螢, Hotaru ) "Fireflies"
- โทะโคะนัทสึ (常夏, Tokonatsu ) "Wild Carnation" "Pink"
- คะกะริบิ (篝火, Kagaribi ) "Flares" "Cressets"
- โนะวะกิ (野分, Nowaki ) "Typhoon"
- มิยุกิ (行幸, Miyuki ) "Royal Outing" "Imperial Progress"
- ฟุจิบะกะมะ (藤袴, Fujibakama ) "Purple Trousers" "Thoroughwort Flowers"
- มะคิบะชิระ (真木柱, Makibashira ) "Cypress Pillar" "Handsome Pillar"
- อุเมะ งะ เอะ (梅枝, ume ga E ) "Branch of Plum" "Plum Tree Branch"
- ฟุจิ โนะ อุระบะ ( 藤裏葉, Fuji no Uraba ) "Wisteria Leaves" "New Wisteria Leaves"
- วะกะนะ ภาคต้น ( 若菜上, Wakana: Jō ) "New Herbs, Part I" "Spring Shoots I"
- วะกะนะ ภาคปลาย (若菜下, Wakana: Ge ) "New Herbs, Part II" "Spring Shoots II"
- คะชิวะงิ (柏木, Kashiwagi ) "Oak Tree"
- โยโคบุเอะ (横笛, Yokobue ) "Flute"
- สุซุมุชิ (鈴虫, Suzumushi ) "Bell Cricket"
- ยูงิริ (夕霧, Yūgiri ) "Evening Mist"
- มิโนริ (御法, Minori ) "Rites" "Law"
- มะโบะโระชิ (幻, Maboroshi ) "Wizard" "Seer"
คุโมะกะคุเระ (雲隠, Kumogakure ) "Vanished into the Clouds" ----- (บทนี้มีเพียงชื่อบทเท่านั้น เป็นเพียงหน้าว่างเปล่า ไม่มีเนื้อหาภายใน แสดงถึงความตายของ ฮิคารุ เก็นจิ)
42 นิโอว มิยะ (匂宮, Niō Miya ) "His Perfumed Highness" "Perfumed Prince"
43 โควไบ (紅梅, Kōbai ) "Rose Plum" "Red Plum Blossoms"
44 ทาเคะคาวา (竹河, Takekawa ) "Bamboo River"
45 ฮะชิฮิเมะ (橋姫, Hashihime ) "Lady at the Bridge" "Maiden of the Bridge"
46 ชิอิ งะ โมโตะ (椎本, Shī ga Moto ) "Beneath the Oak"
47 อะเงะมะกิ (総角, Agemaki ) "Trefoil Knots"
48 สะวะระบิ (早蕨, Sawarabi ) "Early Ferns" "Bracken Shoots"
49 ยะโดะริงิ (宿木, Yadorigi ) "Ivy"
50 อะซุมะยะ (東屋, Azumaya ) "Eastern Cottage"
51 อุกิฟุเนะ (浮舟, Ukifune ) "Boat upon the Waters" "A Drifting Boat"
52 คะเงะโรว (蜻蛉, Kagerō ) "Drake Fly" "Mayfly"
53 เทะนะไร (手習, Tenarai ) "Writing Practice"
54 ยุเมะ โนะ อุกิฮะชิ (夢浮橋, Yume no Ukihashi ) "Floating Bridge of Dreams"
[แก้] เรื่องย่อ
ในรัชสมัยของจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง ทรงได้รับการเรียกขานกันว่า จักรพรรดิคิริสึโบะ พระองค์ทรงสนิทเสน่หานางสนมผู้ต่ำศักดิ ผู้ถูกเรียกขานว่า คิริสึโบะโนะโคอิ ( Kiritsubo no Koi ) เป็นสร้างความอิจฉาริษยาให้กับพระชายาสนมกำนัลในทั้งหลาย โดยเฉพาะ พระชายาตำหนักโคคิ ( Kokiden ) ผู้เป็นบุตรีของ ท่านอุไดจิน ( เสนาบดีฝ่ายขวา ) ผู้ทรงอำนาจยิ่งในราชสำนัก และ พระชายาตำหนักโคคิ นั้น ยังให้กำเนิดพระโอรสองค์โต ซึ่งดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารด้วย
เพราะความอิจฉาริษยา ทำให้ทั้งพระชายาและสนมกำนัลใน พากันกลั่นแกล้ง นางสนมคิริสึโบะ อย่างโหดร้าย อีกเหล่าเสนาอมาตย์ยังกริ่งเกรงว่า จักรพรรดิของพวกเขาจะหลุ่มหลงสตรีจนชาติล่มจม เช่นจักรพรรดิจีนลุ่มหลงพระสนมหยางกุ้ยเฟย
ต่อมานางสนมคิริสึโบะ ผู้บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ตั้งครรภ์และคลอดพระโอรสน้อย ที่มีรูปโฉมงดงามอย่างที่มิเคยมีมาก่อน ยิ่งทำให้ว่า จักรพรรดิคิริสึโบะ ยิ่งรักใคร่นางมากเท่าทบทวีคูณ ความอาฆาตมาดร้ายต่างๆยิ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว นางสนมคิริสึโบะถูกกลั่นแกล้งจนล้มป่วยอาการทรุดหนักและเสียชีวิต ยังซึ่งความโทรมนัสแก่ จักรพรรดิคิริสึโบะ เหลือประมาณ จึงทรงทุ่มเทความรักทั้งมวลให้แก่พระโอรสองค์น้อยจนหมดสิ้น
เมื่อพระโอรสน้อยเจริญวัย โหรชาวเกาหลีทำนายดวงชะตาของพระโอรส ว่าหากเป็นเชื้อพระวงค์จะยังความล่มจมมาสู่ประเทศ แต่หากเป็นขุนนางค้ำจุนราชบัลลังค์ จะยังความสุขสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้น จักรพรรดิคิริสึโบะจึงจำต้องถอดพระโอรสน้อยออกจากการเป็นเชื้อพระวงค์ ลดชั้นเป็นสามัญชน พระราชทานนามสกุล มินาโมโตะ หรืออ่านได้อีกอย่างว่า เก็นจิ ด้วยเป็นเด็กชายที่งดงามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงได้รับการขนานนามว่า ฮิคารุ เก็นจิ หรือ เก็นจิผู้เจิดจรัสนั่นเอง
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ ได้รับรับพระชายาองค์ใหม่ผู้มีหน้าตาคล้าย คิริสึโบะโนะโคอิ อย่างมาก นางได้รับการขนานนามว่า พระชายา ฟุจิทสึโบะ ( Fujitsubo ) ตามชื่อตำหนักที่นางพำนักอยู่ในวัง แม้เก็นจิจะถูกลดชั้นเป็นสามัยชน แต่พระจักรพรรดิคิริสึโบะ ยังคงเอ็นดูและดูแลเขาอยู่ในวัง ด้วยได้รับการบอกเล่าว่า พระชายา ฟุจิทสึโบะ มีใบหน้าละม้ายมารดาของเขา เก็นจิจึงสนิทสนมกับนางมาก จนกลายเป็นความรัก
เมื่อเก็นจิเข้าพิธีเกมปุกุ ( บรรลุนิติภาวะ ) เมื่ออายุ 12 ปี และแต่งงานกับท่านหญิงอาโออิ ธิดาของสะไดจิน ( เสนาบดีฝ่ายซ้าย ) ผู้มีอายุมากกว่า โดยการจัดการของพระจักรพรรดิ เพียงหวังให้สะไดจินผู้เรืองอำนาจ สนับสนุนค้ำชูให้เก็นจิ และคานอำนาจกับ อุไดจิน การแต่งงานครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของเก็นจิและภรรยาไม่ใคร่ราบรื่น เขาจึงมักจะหาข้ออ้างไม่ไปหาภรรยา แต่จะใช่เวลาส่วนมากอยู่ในวัง เกนจิมีสหายสนิทคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการเรียกขานว่า โทโนะจูโจ เขาเป็นพี่ชายของท่านหญิงอาโออิ และเป็นบุตรชายคนโตของสะไดจิน
เก็นจิมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา หนึ่งในนั้นคือ อดีตพระชายาโรคุโจ ผู้เป็นพระชายาขององค์มกุฎราชกุมารที่ล่วงลับไปแล้ว นางเป็นหม้าย มีบุตรสาวหนึ่งคน ชื่อ อากิโคโนมุ ด้วยความที่นางอายุมากกว่า และถือตัว เก็นจิจึงรู้สึกอัดอัดกับความสัมพันธ์
เย็นวันหนึ่งขณะที่ เก็นจิกำลังเดินทางไปเยี่ยมแม่นมของเขา ซึ่งเป็นมารดาของ โคเรมิตสึ คนสนิทของเขา เขาบังเอิญมีโอกาสแลกเปลี่ยนสาส์นและต่อมามีความสัมพันธ์กับสตรีที่เขาเรียกว่า ยูงะโอะ ( Yugao ) อยู่มาคืนหนึ่ง เขาพายูงะโอะไปพักค้างคืนที่คฤหาสน์รกร้าง ยูงะโอ ถูกวิญญาณคนเป็นที่เกิดจากความอาฆาตแค้นของ อดีตพระชายาโรคุโจ ฆ่าตาย เก็นจิล้มป่วย เดินทางไปรักษาตัวกับพระธุดงค์ที่ คิตะยะมะ ระหว่างรักษาตัวจนหาย เขาพบเข้ากับเด็กหญิงน้อยๆ ผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับพระชายา ฟุจิทสึโบะเป็นอันมาก เนื่องจากนางเป็นบุตรีของเฮียวบุเคียวโนะมิยะ พี่ชายของพระชายา ฟุจิทสึโบะ ดังนั้นนางจึงมีศักดิ์เป็นหลานสาวของพระชายา ฟุจิทสึโบะ เด็กหญิงน้อยคนนั้น เก็นจิตั้งชื่นนางว่า มุราซากิ นางอาศัยอยู่กับยายซึ่งบวชเป็นชีอยู่ที่คิตะยะมะ มารดาของนางเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากไม่ใช่ภรรยาเอก บิดาของนางจึงไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไรนัก
ระหว่างห้วงเวลานั้น พระชายา ฟุจิทสึโบะ ล้มป่วยเล็กน้อย จึงลาราชการมาพักผ่อนที่บ้านเดิมของนางชั่วระยะเวลาหนึ่ง เก็นจิรู้ข่าว จึงลักลอบไปหานาง และมีความสัมพันธ์กันเป็นคืนแรกและคืนเดียว จนในที่สุดพระชายา ฟุจิทสึโบะ ตั้งครรภ์ คลอดบุตรชายของเก็นจิ โดยพรางว่าเป็นพระโอรสของจักรพรรดิคิริสึโบะ ต่อมาเด็กชายที่เกิดจากความสัมพันธ์ต้องห้าม ขึ้นเป็นพระจักรพรรดิ เรย์เซย์
ต่อมายายของมุราซากิตาย เก็นจิจึงรับตัวนางไปอุปการะที่คฤหาสน์นิโจ เขาเลี้ยงดูอบรมนางให้เติบโตขึ้นเป็นสาวงามตามอุดมคติของเขาเอง
ในที่สุดท่านหญิงอาโออิก็ตั้งครรภ์ลูกของเก็นจิ ในงานเทศกาลคาโมะ นางมาชมเทศกาล ที่มีเก็นจิ อยู่ในขบวนแห่ด้วย แต่บังเอิญบ่าวของนางลบหลู่หมิ่นเกียรติและทะเลาะแบะแว้งกับบ่าวของ อดีตพระชายาโรคุโจ เรื่องที่จอดรถเทียมวัวเพื่อชมเทศกาล อดีตพระชายาโรคุโจ เสียหน้าและเจ็บแค้นเป็นอันมาก จนกลายเป็นวิญญาณคนเป็น สิงสู่หลอกหลอนจนอาโออิตายหลังคลอดบุตรชายนาม ยูงิริ ได้ไม่นาน ในเวลาต่อมา เก็นจิสมรสกับมุราซากิ ผู้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวผู้งดงามเฉลียวฉลาดมีรสนิยม
ต่อมา จักรพรรดิคิริสึโบะ ทรงสวรรคต พี่ชายต่างมารดาของเก็นจิ บุตรชายของพระชายาโคคิเด็ง ขึ้นเป็นพระจักรพรรดิสุซาคุ อำนาจทางการเมืองของเก็นจิเสื่อมถอยลง และด้วยความเจ้าชู้ เก็นจิลอบมีความสัมพันธ์กับ โอะโบะโระสึกิโยะ น้องสาวของพระชายาโคคิเด็ง ผู้เข้าถวายตัวเป็นไนชิโนะคามิผู้ที่จักรพรรดิสุซาคุ สนิทเสหา เมื่อความแตก เก็นจิเนรเทศตัวเองไปยัง สุมะ เมืองชายทะเลอันรกร้าง โดยให้มุราซากิช่วยดูแลคฤหาสน์และทรัพย์สมบัติทั้งหลายให้
เกิดคลื่นลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำ เก็นจิเดินทางไปอะคะชิตามตำเชิญของนักบวชแห่งอะคะชิ และมีความสัมพันธ์กับบุตรีของนักบวชแห่งอะคะชิ จนนางตั้งครรภ์
จักรพรรดิสุซาคุอภัยโทษและเรียกตัวเกนจิกลับเมืองหลวง เนื่องจากเกิดภัยพิบัติขึ้น พระองค์และพระราชมารดาประชวรโดยไท้ทางรักษา ท่านอุไดจิน บิดาของพระราชมารดาก็เกิดเสียชีวิต เก็นจิขึ้นมาเรืองอำนาจอีกครั้ง จักรพรรดิสุซาคุสละราชสมบัติ บุตรชายของเก็นจิที่เกิดกับฟุจิทโบะอย่างลับๆขึ้นเป็นจักรพรรดิเรย์เซย์ เก็นจิสร้างคฤหาสน์ที่โรคุโจเพื่อพาภรรยาทั้งหลายมอยู่ด้วยกัน และยังรับอุปการะสตรีไร้ที่พึ่งพิงทั้งหลายที่เขาเคยรู้จักอีกด้วย
เมื่อเก็นจิอายุได้ 40 ปี ได้อภิเษกกับ พระธิดาอนนะซังโนะมิยะ พระธิดาองค์ที่ 3 ของ จักรพรรดิสุซาคุ ซึ่งทรงออกผนวชและฝากฝังพระธิดาให้เก็นจิ นางมีอายุเพียง 13 -14 ปี ด้วยความกระทบกระเทือนจิตใจจากความเจ้าชู้ของเก็นจิ มุราซากิก็ล้มป่วยมาเรื่อยๆ ต่อมา พบเห็นพระธิดาอนนะซังโนะมิยะโดยบังเอิญ จนหลังรักนางมาก ขณะที่เก็นจิย้ายมุราซากิไปพักฟื้นที่คฤหาสน์นิโจ คะชิวะงิเพื่อนของยูงิริ บุตรชายของเก็นจิ ฉวยโอกาสใน คืนวันหนึ่งที่เก็นจิไม่อยู่ ลอบเข้าหานาง และมีความสัมพันธ์กับนาง จนนางตั้งครรภ์ เก็นจิล่วงรู้ความสัมพันธ์นี้ เขากดดันจน คะชิวะงิ ล้มป่วยด้วยความรู้สึกผิดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนพระธิดาอนนะซังโนะมิยะ เมื่อคลอดบุตรชายของคะชิวะงิ นาม คาโอรุ ออกมา นางก็ออกบวชเป็นชี
มุราซากิล้มป่วยหนัก ขออนุญาตเก็นจิผู้ออกบวชเป็นชี แต่ด้วยความรักใคร่ผูกพันในตัวนางอย่างมาก เก็นจิจึงไม่อนุญาต และมุราซากิก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เก็นจิเสียใจมาก เขาสะสางเรื่องราวทุกอย่างและออกบวชเพื่อหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง
[แก้] ลำดับเหตุการณ์ในเรื่อง
บทที่ | ช่วงอายุของเก็นจิ | เหตุการณ์ |
---|---|---|
1 .คิริสึโบะ ตำหนักคิริ | เกิด |
|
3 ปี |
|
|
4 ปี |
|
|
6 ปี |
|
|
7 ปี |
|
|
8-11 ปี |
|
|
12 ปี |
|
|
2 . ฮะฮะคิงิ พฤกษาฮะฮะคิงิ | 17 ปี |
|
3 . อุทสึเซมิ คราบเรไร | 17 ปี | *เก็นจิ ลอบเข้าหา อุทสึเซมิ เป็นครั้งที่ 3 อุทสึเซมิ แอบหนีไปเมื่อรู้สึกตัวว่าเก็นจิลอบเข้าหา โดยทิ้งไว้เพียงเสื้อคลุมบางเบา ด้วยความผิดพลาด เก็นจิ มีความสัมพันธ์กับ โนะคิบะโนะโอกิ ลูกเลี้ยงของอุทสึเซมิ แทน |
4 .ยูงะโอะ พักตราแห่งสนธยา | 17 ปี |
เดือนตุลาคม อุทสึเซมิ ติดตามสามีที่ไปรับราชการที่จังหวัด อิโยะ |
6 .สุเอทสึมุฮานะ มาลีสีชาด | 18 ปี |
|
5 .วะกะมุราซากิ เยาวมาลีสีม่วง | 18 ปี |
|
6 .สุเอทสึมุฮานะ มาลีสีชาด | 18 ปี |
|
5 .วะกะมุราซากิ เยาวมาลีสีม่วง | 18 ปี |
|
7 .โมมิจิ โนะ งะ ชมใบไม้แดง | 19 ปี |
|
8 .ฮานะ โนะ เอน วสันต์สังสรรค์ | 20 ปี |
|
8-9 | 21 ปี |
|
9 .อาโออิ | 22 ปี |
|
9 .อาโออิ | 23 ปี |
|
10.ซะคะคิ กิ่งไม้ศักดิสิทธิ์ | 23 ปี |
|
24 ปี |
|
|
25 ปี |
|
|
11.ฮานะ จิรุ ซาโตะ ท่านหญิงดอกส้ม | 26 ปี |
|
12.สุมะ สู่สุมะ | 26 ปี |
|
27 ปี |
|
|
13. อะคะชิ |
|
|
28 ปี |
|
|
14-15 |
|
|
14.มิโอะซึคุชิ แสวงบุญ ณ สุมิโยชิ | 29 ปี |
|
15.โยะโมะงิอุ คฤหาสน์หญ้าคา |
|
|
14.มิโอะซึคุชิ แสวงบุญ ณ สุมิโยชิ |
|
|
16.เซะกิยะ ด่านแห่งการพานพบ |
|
|
17.เอะ อะวะเสะ แข่งขันประชันภาพ | 31 ปี |
|
18.มัตสึคะเสะ สายลมแผ่วผิวทิวสน |
|
|
19.อุสุงุโมะ ดั่งเมฆาจางบางเบา |
|
|
19.อุสุงุโมะ ดั่งเมฆาจางบางเบา | 32 ปี |
|
20.อะสะงะโอะ พักตรายามทิวา |
|
|
21.โอะโตะเมะ นางรำโกะเซะจิ | 33 ปี |
|
34 ปี |
|
|
35 ปี |
|
|
21.โอะโตะเมะ นางรำโกะเซะจิ |
|
|
22.ทามะคะซึระ มาลัยแก้วประดับเกล้า |
|
|
21.โอะโตะเมะ นางรำโกะเซะจิ |
|
|
22.ทามะคะซึระ มาลัยแก้วประดับเกล้า |
|
|
23.ฮัตสึเนะ แรกสำเนียงนกน้อย | 36 ปี |
|
24.โคะโจ ระบำผีเสื้อ |
|
|
25.โฮะตะรุ แสงหิ่งห้อย |
|
|
26.โทะโคะนัทสึ รังรัก |
|
|
27.คะงะริบิ ร้อนรุ่ม |
|
|
28.โนะวะกิพายุ |
|
|
29.มิยุกิ ทรงประพาท |
|
|
37 ปี |
|
|
30.ฟุจิบะกะมะ ฮะกะมะสีม่วง |
|
|
31.มะคิบะชิระ เสาเอก |
|
|
38 ปี |
|
|
32.อุเมะ งะ เอะ กิ่งเหมย | 39 ปี |
|
33.ฟุจิโนะอุระบะ ใบฟุจิอ่อนเยาว์ |
|
|
34.วะกะนะ ภาคต้น ยอดอ่อน ภาคต้น |
|
|
40 ปี |
|
|
41 ปี |
|
|
35.วะกะนะ ภาคปลาย ยอดอ่อน ภาคปลาย |
|
|
42-45 ปี |
เป็นช่วงที่ไม่ได้กล่าวถึงในท้องเรื่อง |
|
46 ปี |
|
|
47 ปี |
|
|
36.คะชิวะงิ | 48 ปี |
|
37.โยะโคะบุเอะ ขลุ่ยแทนตัว | 49 ปี |
|
38.สุซุมุชิ จักจั่นเรไรร้อง | 50 ปี |
|
39.ยูงิริ หมอกยามสนธยา |
|
|
40.มิโนะริ วัฏสงสาร | 51 ปี |
|
41.มะโบะโระชิ ผ่านภพ | 52 ปี |
|
คุโมะกะคุเระ (雲隠, Kumogakure ) "Vanished into the Clouds" ลับหายไปในม่านเมฆ
ช่วงนี้เป็นเพียงหน้าว่างระหว่างการเชื่อมต่อไปสู่ภาค อุจิจูโจ เป็นช่วงเวลาห่างกัน 8 ปี ดูเหมือนว่าเก็นจิได้ใช้ชีวิตเป็นพระถือศีลจำวัดในวัดของเขาใน ซางะ เป็นเวลาประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิต และในช่วง 8 ปีนี้ ทั้ง ของอดีตจักรพรรดิสุซาคุ ,องค์ชายโฮะตะรุ , โทโนะ จูโจ และ ฮิเงะคุโระ ได้สิ้นชีวิตไปทั้งหมดแล้ว
[แก้] ภาคอุจิจูโจ
อุจิจูโจ ( 宇治十帖 : Uji JuuJou : The Ten Books of Uji)
- ดูรายละเอียด อุจิจูโจ เพิ่มเติมได้ที่ อุจิจูโจ
เป็นเหตุการณ์หลังจากที่เก็นจิตายไปแล้ว ตัวเอกของเรื่องในภาค อุจิ นี้คือ คาโอรุ ผู้เป็นบุตรชายที่เกิดจากความสัมพันธ์ต้องห้ามระหว่าง คะชิวะงิ ( บุตรชายคนโตของ โทโนะจูโจ และเพื่อนสนิทของ ยูงิริ ) กับ พระธิดาอนนะซังโนะมิยะ ( พระธิดาองค์ที่ 3 ของอดีตจักรพรรดสุซาคุ และเป็นภรรยาเอกของเก็นจิ ) ได้รับการเลี้ยงดูและใช้ชีวิตในฐานะลูกชายคนสุดท้องของเก็นจิ ตัวคาโอรุเองไม่ล่วงรู้ความลับนี้ แต่ก็สงสัยในชาติกำเนิดตัวเอง เพราะมารดา ( พระธิดาอนนะซังโนะมิยะ ) ออกบวชชีตั้งแต่ยังสาว และที่เขาได้รับการขนานนามว่า คาโอรุ เป็นเพราะเขามีกลิ่นกายหอมติดตัวมาแต่กำเนิดนั่นเอง
ลำดับเหตุการณ์ในเรื่องช่วงเปลี่ยนผ่านและภาคอุจิจูโจ
บทที่ | ช่วงอายุของ คาโอรุ | เหตุการณ์ |
---|---|---|
42.นิโออุ มิยะ องค์ชายนิโออุ พระสุคนธ์กรุ่นกำจาย | 14 ปี |
|
44.ทาเคะคาวา ทิวไผ่สายน้ำ |
|
|
15 ปี |
|
|
16 ปี |
|
|
42.นิโออุ มิยะ องค์ชายนิโออุ พระสุคนธ์กรุ่นกำจาย |
|
|
19 ปี |
|
|
20 ปี |
|
|
45.ฮะชิฮิเมะ เทพธิดาแห่งสะพานอุจิ | 22 ปี |
|
46.ชิอิ งะ โมะโตะ ไม้ใหญ่ตายจาก | 23 ปี |
|
43.โควไบ เหมยแดง | 24 ปี |
|
46.ชิอิ งะ โมะโตะ ไม้ใหญ่ตายจาก |
|
|
49.ยะโดะริงิ เถาไม้เลื้อย |
|
|
47.อะเงะมะกิ ปมรัก |
|
|
48.สะวะระบิ ยอดเฟิร์น | 25 ปี |
|
26 ปี |
|
|
50.อะซุมะยะ กระท่อมน้อย |
|
|
51.อุกิฟุเนะ เรือน้อยลอยเคว้งบนเกลียวคลื่น | 27 ปี |
|
52.คะเงะโรว ชีวิตแสนสั้น |
|
|
53.เทะนะไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน |
|
|
52.คะเงะโรว ชีวิตแสนสั้น |
|
|
53.เทะนะไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน |
|
|
28 ปี |
|
|
54.ยุเมะ โนะ อุกิฮะชิ สะพานผ่านฝัน |
|
|
จบบริบรูณ์ |
[แก้] แผนภูมิความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องตำนานเก็นจิตั้งแต่บทที่ 1 ถึง 41
โดย john.r.wallace[6]
[แก้] แผนภูมิความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องตำนานเก็นจิหลังบทที่ 41 ถึง 54
[แก้] ต้นฉบับของตำนานเกนจิ [7]
ปัจจุบันไม่มีต้นฉบับที่เขียนด้วยมือของ มุราซากิ ชิคิบุ หลงเหลืออยู่แล้ว ตำนานเกนจิ เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ข้าราชสำนักในพระราชวังของเฮอันเคียวในเวลาที่มุราซากิ ชิคิบุ เขียนอยู่ และมีการคัดลอกต้นฉบับออกมาอย่างกว้างขวาง
ราว 200 ปีต่อมา ต้นยุคคะมะคุระ ( Kamakura ) ศตวรรษที่ 13 กวีชื่อ ฟุจิวาระ โนะ เทย์กะ ( Fukiwara no Teika ) ได้จัดรวบรวมเนื้อหาทั้ง 54 บทจากต้นฉบับที่กระจัดกระจายหลายชิ้น แล้วเรียกว่า อะโอะเบียวชิ-บอง ( Aobyoshi-Bon หนังสือปกสีฟ้า) โดยเรียกชื่อจากสีของปกหนังสือ
ตำนานเกนจิ ที่เราอ่านกันในปัจจุบันมาจากต้นฉบับที่ชื่อว่า โอะชิมะ-บอง ( Oshima-Bon) ซึ่งเป็นสายหนึ่งของ อะโอะเบียวชิ-บอง
กลางสมัยคามาคุระ ( กลางศตวรรษที่ 13 ) มินาโมโตะ โนะ มิทสึยุกิ ( Minamoto no Mitsuyuki ) และบุตรชายทำการสะสางต้นฉบับใหม่ รู้จักกันในนาม คะวะจิ-บอง ( Kawachi-Bon ตำราคะวะจิ ) ต้นฉบับที่ทำใหม่นี้ นิยมอ่านกันอย่างกว้างขวางจนถึงกลางสมัยยุคมุโระมะจิ ( Muromachi ปลายศตวรรษที่ 15 ) แต่ในที่สุดก็ค่อยๆสูญหายไป
[แก้] ม้วนภาพตำนานเก็นจิ
ม้วนภาพ หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า เอะมะกิ (絵巻 emaki) ของตำนานเกนจินั้น เริ่มวาดกันขึ้นมาตั้งแต่ปลายยุคเฮอัน ( ราว ต้นคตวรรษที่ 12 ) เป็นม้วนภาพตำนานเก็นจิที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในญี่ปุ่น ปัจจุบัน 15 ภาพ และมีหน้าต้นฉบับตัวหนังสือ 28 แผ่น ประกอบด้วยร้อยแก้วจาก จากบท โยะโมะงิอุ เซะกิยะ เอะอะวะเสะ คะชิวะงิ โยโคบุเอะ ทาเคะคะวา ฮะชิฮิเมะ สะวะระบิ ยะโดะริงิ และ อะซุมะยะ เก็บรักษาอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตคุกาวะ ( Tokugawa Art Museum ) และอีก 4 ภาพ และมีหน้าต้นฉบับตัวหนังสือ 9 แผ่น ประกอบด้วยร้อยแก้วจาก จากบท สุซุมุชิ ยูงิริ และ มิโนะริ เก็บรักษาอยู่ใน คลังพิพิธภัณฑ์โกโต ( Gotoh Museum House ) แต่ละชิ้นล้วนแต่ถือเป็นสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น คาดกันว่าม้วนภาพตำนานเก็นจิที่สมบรูณ์จะประกอบด้วยม้วนภาพราว 10 ม้วนจึงจะครอบคลุมทั้ง 54 บท
[แก้] ตำนานเก็นจิกับสื่อต่างๆ
[แก้] หนังสือฉบับแปลภาษาอังกฤษ
1. Tale of Genji (PAP) -US- Shikibu, Lady Murasaki / Suematsu, Kencho (TRN) / Publisher:Tuttle Pub Published 2006/11
2. The Tale of Genji (HRD) -US- Amano, Yoshitaka / Publisher:Dh Pr Published 2006/08
3. Tale of Genji (Seidensticker) ( ) -KI- Shikibu, Murasaki / Publisher:Tuttle Publishing Published 1976/01 SGD80.25
4. Murasaki Shikibu : The Tale of Genji (Landmarks of World Literature) (PAP) 2ND Edition -US- Bowring, Richard / Publisher:Cambridge Univ Pr Published 2003/12
5. Tale of Genji (PAP) -US- Murasaki Shikibu / Publisher:Random House Published 1978/08
[แก้] ภาพยนตร์
- Genji monogatari (1966) [4]กำกับโดย Kon Ichikawa
- Sennen no koi - Hikaru Genji monogatari ( 2001 ) [5]
[แก้] ละครเพลง
แสดงโดยคณะละครเพลงหญิงล้วน TakarazukaRevue ในประเทศญี่ปุ่น
- Wonderful Sundays / The Tale of Genji 「素晴らしき日曜日」「源氏物語」 (1957) (Moon,+1957)
- Lived in A Dream: The Tale of Genji / The Beauties! ( あさきゆめみし -源氏物語- / ザ・ビューティーズ!) Year: 2000 (Flower,+2000)
- The Tale of Genji - Lived in a Dream II - ( 源氏物語 あさきゆめみしII ) Year: 2007
- Floating Bridge of Dreams / Apasionado!! ( 夢の浮橋 / Apasionado!!) Year: 2008-2009
[แก้] ภาพยนตร์การ์ตูน
- Murasaki Shikibu's Tale of Genji ( movie 1987-12-19 ) [7]
running time: 110 minutes
- Genji Monogatari Sennenki (TV 2009-01-15) [8]
Fuji television
[แก้] หนังสือการ์ตูน
- ฉบับแปลไทย
- ด้วยเมฆหมอกแห่งรัก ( 1-13 ) แปลเป็นภาษาไทยจาก การ์ตูนฉบับภาษาญี่ปุ่นเรื่อง asakiyumemishi[9] เขียนโดย ยามาโตะ วากิ (Yamato Waki ) โดยมีเค้าโครงเรื่องดัดแปลงจาก ตำนานเก็นจิ แปลโดย บัณธิต ประสิษฐานุวงษ์ จัดพิมพ์โดย บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน )
- ตำนานรัก GENJI ( 1 ) [10] แปลเป็นภาษาไทยโดย พิมพ์ทรีย์ จาก การ์ตูนฉบับภาษาญี่ปุ่นเรื่อง Genji Monogatari เขียนโดย MIOU Serina โดยมีเค้าโครงเรื่องดัดแปลงจาก ตำนานเก็นจิ จัดพิมพ์โดย บริษัท บงกช พับลิชชิ่ง จำกัด
[แก้] อ้างอิง
- ^ " Unesco Global Heritage Pavilion
- ^ The thousand year anniversary of TALE OF GENJI"
- ^ " GENJI MLLENIUM Projects "
- ^ " เวปไซด์เป็นทางการของวัดอิชิยะมะ
- ^ Edward G.Seidensticker, Introduction, Everyman's library, 1992, หน้า 7
- ^ "Basic Relationships in The Tale of Genji though chapter 41". john.r.wallace.
- ^ [Genji Monogatari Museum , Uji ,Japan]
[แก้] ศึกษาเพิ่มเติม
- Genji Monogatari E-Text ตำนานเก็นจิ ในรูปแบบภาษาญี่ปุ่น Original , Modernized และ ภาษาอังกฤษ
- Murasaki Shikibu-The Tale of Genji The Intelligence & Database on GENJI-MONOGATARI Revised by Fujiwara Teika Japanese and Roman Lettersรวบรวมโดย ศจ. เอย์อิชิ ชิบุยะ แห่งมหาวิทยาลัยทะกะจิโฮะ
- UNESCO - Tale of Genji เรื่องย่อเป็นภาษาอังกฤษพร้อมภาพประกอบ
- Oxford Text Archives: The Tale of Genji ดาวน์โหลดคำแปลภาษาอังกฤษของ Seidensticker แบบเต็มรูปแบบฟรี
- ใครที่รออ่าน ฮิคะรุเงนจิ เชิญค่ะ ศ.ดร. ปรียา อิงคาภิรมย์
- สถานที่ต่างๆในตำนานเก็นจิ
- GENJI MILLENIUM
- Tokugawa Art Museum
- ยุคเฮอัง
- Wakogenji รวมภาพประกอบและแปลวะกะเป็นภาษาญี่ปุ่นสมัยใหม่
- Welcome to the web pages เอกสารประกอบการศึกษาตำนานเก็นจิ โดย john.r.wallace
- Life and Culture วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนชั้นสูงในยุคเฮอัน โดย ลิซ่า ดัลบี
- historical characters บุคคลสำคัญในยุคเฮอัน โดย ลิซ่า ดัลบี
[แก้] ดูเพิ่ม
ตำแหน่งและโครงสร้างของขุนนางในสมัยโบราณของญี่ปุ่น บทความภาษาอังกฤษ
Saibara: Japanese court songs of the Heian period
โน้ตเพลงไซบาระ บทความภาษาญี่ปุ่น
เพลงไซบาระ บทความภาษาอังกฤษ
A Song of Unending Sorrow บทกวี ฉางเฮิ้นเกอ โดย ไป๋จวีอี้
ฟุจิวาระ โนะ เทย์กะ โดย ศ.ดร. ปรียา อิงคาภิรมย์
|