หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

ดำรงตำแหน่ง
14 มีนาคม พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519
สมัยก่อนหน้า หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
สมัยถัดไป หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

เกิด 20 เมษายน พ.ศ. 2454
ประเทศไทย แม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบ้านม้า อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ถึงแก่อสัญกรรม 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538 (84 ปี)
ประเทศไทย โรงพยาบาลสมิติเวช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
สังกัดพรรค พรรคก้าวหน้า (พ.ศ. 2488พ.ศ. 2489)
พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2489พ.ศ. 2491)
พรรคกิจสังคม (พ.ศ. 2518)
สมรสกับ หม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง ทองใหญ่ (หย่า)
ศาสนา ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท
ลายมือชื่อ Thai-PM-kukrit signature.png

ศาสตราจารย์ (พิเศษ) พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นักปราชญ์ นักเขียน นักการเมือง และศิลปินแห่งชาติ นับเป็นปูชนียบุคคลท่านหนึ่งของไทย เป็นน้องชายแท้ ๆ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี 4 สมัย สื่อมวลชนจึงนิยมเรียกทั้งคู่ว่า "หม่อมพี่ หม่อมน้อง" นอกจากนี้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และ ม.ร.ว.เสนีย์ ยังมีพี่สาวคือ ม.ร.ว.บุญรับ พินิจชนคดี (สมรสกับ พล.ต.อ.พระพินิจชนคดี หรือ พินิจ อินทรทูต)

เมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 กระทรวงวัฒนธรรมของไทย ได้เสนอชื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลกต่อองค์การยูเนสโก [1] โดยมีทั้งเสียงสนับสนุน[2][3][4]และคัดค้าน[5] ซึ่งต่อมาในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ทางองค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลก ใน 4 สาขา ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาล พ.ศ. 2554 โดยได้รับการประกาศพร้อมกันกับครูเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งได้รับในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาลพ.ศ. 2553 [6]

เนื้อหา

[แก้] ประวัติ

หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เกิดวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2454 ในเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ตำบลบ้านม้า อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นโอรสคนสุดท้อง ในบรรดาโอรส-ธิดา ทั้ง 6 คน ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค) (ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นคนที่ 4) โดยชื่อ "คึกฤทธิ์" นั้น มาจากการที่ ชอบร้องไห้เสียงดังในวัยทารก จึงได้รับพระราชทานนามนี้จาก สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ หม่อมราชวงศ์หญิงพักตร์พริ้ง ทองใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2479 มีบุตรธิดา 2 คน คือ หม่อมหลวงรองฤทธิ์ ปราโมช และ หม่อมหลวงหญิง วิสุมิตรา ปราโมช ต่อมาได้แยกกันอยู่กับหม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พักอยู่ที่บ้านในซอยพระพินิจ ซึ่งเป็นซอยย่อยอยู่ในซอยสวนพลู ถนนสาทรใต้ เขตสาทร บ้านหลังนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า "บ้านซอยสวนพลู"

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ นับเป็นบุคคลที่มีบุคลิกและบทบาทที่หลากหลาย มีชื่อเสียงในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการประพันธ์ การแสดง และยังเป็นนักการเมือง ท่านเป็นผู้ก่อตั้งพรรคก้าวหน้า เมื่อ พ.ศ. 2488 ต่อมาได้ยุบรวมกับพรรคประชาธิปัตย์ในปีถัดมา ต่อมาก่อตั้งหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2493 และก่อตั้งพรรคกิจสังคม เมื่อ พ.ศ. 2517 และได้ดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 13 ของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2518 โดยสามารถเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลทั้งที่มีจำนวน ส.ส.ในมือเพียง 18 คน รัฐบาลคึกฤทธิ์ในครั้งนั้นมี นายบุญชู โรจนเสถียร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกิจสังคม เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบาย "เงินผัน" เป็นที่รู้จักเลื่องลือทั่วไปในสมัยนั้น

ก่อนดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยรับบทเป็น นายกรัฐมนตรี ของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศหนึ่ง ชื่อว่าประเทศ สารขัณฑ์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Ugly American (1963) คู่กับมาร์ลอน แบรนโด เมื่อ ปี พ.ศ. 2506 และหลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยรับบทเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์ ผู้แทนนอกสภา กำกับโดย สุรสีห์ ผาธรรม นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี เมื่อปี พ.ศ. 2526

ระหว่างการเล่นการเมือง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นตัวของตัวเองที่ทุกคนรู้จักดี คือ วาทะศิลป์ และบทบาทเป็นที่ชวนให้จดจำ เช่น การผวนพูดเล่นชื่อของตัวเองเมื่อมีผู้ถามว่า หมายถึงอะไร โดยตอบว่า "คึกฤทธิ์ ก็คือ คิดลึก" เป็นต้น

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ได้รับฉายาจากนักการเมือง และสื่อมวลชนมากมาย เช่น "เฒ่าสารพัดพิษ" "ซือแป๋ซอยสวนพลู" ภายหลังเมื่อมีอาวุโสสูงวัย จนสามารถแสดงความเห็นทางการเมือง ได้อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ จึงได้รับฉายาว่า "เสาหลักประชาธิปไตย" นอกจากนี้อีกฉายาหนึ่งที่ใช้เรียก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ในบางแห่งคือ "หม่อมป้า"

ในด้านวรรณศิลป์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มีผลงานหนังสือที่มีชื่อเสียงระดับประเทศมากมาย ที่ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น สี่แผ่นดิน, ไผ่แดง, กาเหว่าที่บางเพลง, หลายชีวิต, ซูสีไทเฮา, สามก๊กฉบับนายทุน และเรื่องสั้น "มอม" ซึ่งได้ใช้เป็นบทความประกอบแบบเรียนภาษาไทยในปัจจุบัน บางชิ้นมีผู้นำไปทำเป็นละครโทรทัศน์ เช่น สี่แผ่นดิน, หลายชีวิต และทำเป็นภาพยนตร์ เช่น กาเหว่าที่บางเพลง

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538 สิริรวมอายุ 84 ปี 5 เดือน 20 วัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 กระทรวงวัฒนธรรมได้เสนอชื่อให้ท่านเป็น บุคคลสำคัญของโลก กับทาง ยูเนสโก

[แก้] การศึกษา

ในเบื้องต้น ท่านได้เข้าศึกษาในโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย (วังหลัง) จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ ที่โรงเรียน Trent College จากนั้น ได้สอบเข้า 'วิทยาลัยควีนส์' (The Queen's College) มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เพื่อศึกษาวิชาปรัชญา,เศรษฐศาสตร์ และการเมือง (Philosophy, Politics and Economics - PPE) โดยสำเร็จปริญญาตรีเกียรตินิยม (และ 3 ปีต่อมา ก็ได้รับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ตามธรรมเนียมสำหรับผู้สำเร็จปริญญาเกียรตินิยม และได้ผ่านการใช้ความรู้ความสามารถในวิชาที่ร่ำเรียนมาจนมีประสบการณ์ช่ำชองมาระยะหนึ่ง)

[แก้] ผลงานประพันธ์

มาร์ลอน แบรนโด (กลาง) และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ (ขวา) ในภาพยนตร์ The Ugly American

[แก้] นวนิยาย

[แก้] รวมเรื่องสั้น

[แก้] สารคดี

ภาพลายเส้น โดยประยูร จรรยาวงษ์ ตีพิมพ์ใน สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เล่นลิเกกิตติมศักดิ์เรื่อง หลวิชัย-คาวี เมื่อ พ.ศ. 2494

[แก้] บทละครเวที

[แก้] ประวัติการทำงาน

  • รับราชการที่กรมสรรพากร
  • เลขานุการที่ปรึกษากระทรวงการคลัง
  • ผู้จัดการธนาคารพาณิชย์ สาขาลำปาง
  • รับราชการทหาร (เมื่อเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้รับยศ สิบตรี)
  • หัวหน้าฝ่ายสำนักผู้ว่าการและหัวหน้าฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
  • ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การจำกัด
  • เขียนบทความลงในคอลัมน์ "ซอยสวนพลู"
  • อาจารย์พิเศษของคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำ พ.ศ. 2528
  • พ.ศ. 2531 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนยศจากสิบตรี เป็นพลตรี (ทหารราชองครักษ์พิเศษ)
ภาพขณะเข้าพบประธานเหมา เจ๋อ ตุง ในปี พ.ศ. 2518

[แก้] บทบาททางการเมือง

  • พ.ศ. 2488-2489 เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองพรรคแรกในเมืองไทย ชื่อ "พรรคก้าวหน้า"
  • ได้ร่วมในคณะผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนแรก
  • ได้ริเริ่มจัดตั้งพรรคกิจสังคม
  • พ.ศ. 2518 ได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้น และได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
  • พ.ศ. 2519 ได้ตัดสินใจยุบสภาผู้แทนราษฎร บริหารประเทศประมาณ 9 เดือนเศษ

[แก้] ผลงานที่สำคัญ

  • หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลังจากที่ตัดขาดความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลมาเป็นเวลานาน

[แก้] การวิพากษ์วิจารณ์

สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ผลงานของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ โดยเฉพาะ สี่แผ่นดินว่า "ใช้เล่ห์เพทุบาย ในการมอมเมาผู้คนยิ่งกว่าให้ข้อเท็จจริงอย่างสุจริตใจ" ส่วน ไผ่แดง กาเหว่าที่บางเพลง ฮวนนั้ง และซูสีไทเฮา สุลักษณ์ กล่าวว่าเป็นบทประพันธ์ที่ลอกเลียนมาจากภาษาต่างประเทศระดับ "ขโมยหรือปล้นสดมภ์มาเลยทีเดียว" คำวิพากษ์วิจารณ์นี้อยู่บนพื้นฐานของการวิจัยปัญญาชนไทย 10 คน [7] ซึ่งมีอิทธิพลกับการสร้างจิตสำนึกให้คนไทยร่วมสมัย ซึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ และ หลวงวิจิตรวาทการ ก็อยู่ในรายชื่อปัญญาชนของการวิจัยดังกล่าวด้วย

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ วธ.เสนอยูเนสโก"คึกฤทธิ์"บุคคลดีเด่นโลกปี54, สยามรัฐออนไลน์, 16 ธ.ค. 2551
  2. ^ บทบรรณาธิการ / มหาคุรุ - คึกฤทธิ์ , หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
  3. ^ กองบรรณาธิการ, คึกฤทธิ์คนสำคัญของโลก, คอลัมน์ บังอบายเบิกฟ้า, หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์, 4 ม.ค. 2552
  4. ^ ชนิตร ภู่กาญจน์, เบื้องหน้า-เบื้องหลัง เสนอชื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นบุคคลสำคัญของโลก (สกู๊ปพิเศษ), หนังสือพิมพ์แนวหน้า, 25 ธ.ค. 2551
  5. ^ ‘ส.ศิวรักษ์’ ค้านเสนอ ‘ยูเนสโก’ ให้ ‘คึกฤทธิ์’ เป็นบุคคลสำคัญของโลก, หนังสือพิมพ์ประชาไท, 9 ม.ค. 2552
  6. ^ http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000126667&#Opinion ด่วน!! ยูเนสโก ยกย่อง “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์–ครูเอื้อ” เป็นบุคคลสำคัญของโลกแล้ว
  7. ^ การวิจัยประวัติปัญญาชนไทย ๑๐ คน ซึ่งมีอิทธิพลกับการสร้างจิตสำนึกให้คนไทยร่วมสมัย โดย สายชล สัตยานุรักษ์
สมัยก่อนหน้า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช สมัยถัดไป
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 2leftarrow.png นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
(14 มีนาคม พ.ศ. 251812 มกราคม พ.ศ. 2519)
2rightarrow.png หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช