สมเด็จพระไชยราชาธิราช
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระบรมนามาภิไธย | พระไชยราชา |
พระปรมาภิไธย | สมเด็จพระไชยราชาธิราช |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2077 - พ.ศ. 2089 |
ระยะครองราชย์ | 13 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | พระรัษฎาธิราช |
รัชกาลถัดไป | พระยอดฟ้า |
สวรรคต | พ.ศ. 2089 |
พระราชบิดา | สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 |
พระอัครมเหสี | สมเด็จพระมเหสีจิตราวดี |
พระมเหสี | ท้าวศรีสุดาจันทร์ |
พระราชโอรส/ธิดา | พระยอดฟ้า พระศรีศิลป์ |
สมเด็จพระไชยราชาธิราช เชื่อว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2077 หลังการปราบดาภิเษก โดยการสำเร็จโทษสมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมารทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๓ แห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากได้ขึ้นครองราชย์ ได้ทรงแผ่บุญญาธิการ เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงเป็นผู้นำทัพออกรบปราบกบฏหัวเมืองอยู่เนือง ๆ เช่น ศึกเชียงไกร เชียงกราน (เชื่อว่ายุทโธปกรณ์การสงครามที่ทันสมัยเช่น ทหารรับจ้างชาวตะวันตก, ปืนไฟ ก็เข้ามาในสมัยนี้เอง) โดยได้แต่งตั้งพระเฑียรราชาขึ้นเป็นพระมหาอุปราช ว่าราชการแทนพระองค์
[แก้] พระราชกรณียกิจ
ในรัชสมัยของพระองค์ได้เกิดสงครามไทยกับพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2081 เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ แห่งกรุงหงสาวดี ได้ยกกองทัพมาตีเมืองเชียงกราน อันเป็นหัวเมืองชายแดนทางทิศตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงยกทัพไปตีกลับคืนมา ในการทัพครั้งนี้ พระองค์นำทหารอาสาชาวโปรตุเกสไปด้วย อาสาชาวโปรตุเกสมีความชำนาญในการใช้ปืนไฟ และได้เริ่มใช้ปืนไฟ ในการรบเป็นครั้งแรก กองทัพไทยสามารถยึดเมืองเชียงกราน กลับคืนมาได้
เมื่อพระองค์ยกทัพกลับมาถึงกรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้ทรงปูนบำเหน็จความชอบแก่กองอาสาชาวโปรตุเกส พระราชทานที่ดินให้ตั้งบ้านเรือนที่บริเวณตำบลบ้านดิน เหนือคลองตะเคียน ซึ่งต่อมาเรียกว่าบ้านโปรตุเกส และทรงอนุญาตให้สร้างโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ทำให้มีบาทหลวงเข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนา
เกิดการผลัดแผ่นดินขึ้นที่เชียงใหม่ พระเมืองเกศเกล้าถูกลอบปลงพระชนม์ บรรดาท้าวพระยาเมืองลำปาง เมืองเชียงราย และเมืองพานได้ ยกกำลังเข้ายึดเมืองเชียงใหม่ได้ แล้วพร้อมใจกันแต่งตั้งพระนางมหาเทวีจิรประภา พระธิดาพระเมืองเกศเกล้า ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงยกกองทัพไปถึงเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2081 พระนางมหาเทวีจิรประภาได้ออกมาถวายการต้อนรับ และขอเป็นไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในขณะนั้นพระนางมหาเทวี ฯ ทรงเกรงอานุภาพของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ ซึ่งได้ขยายอาณาเขตมาจรดเขตของเชียงใหม่ จึงได้ยอมอ่อนน้อมต่อฝ่ายพม่า สมเด็จพระไชยราชาธิราช ทรงพิจารณาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้ ในอนาคตพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ จะเข้ามารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์จึงได้ยกทัพเข้าตีเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2088 โดยได้ตีนครลำปาง และนครลำพูน พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาพิษณุโลกเป็นทัพยกไปเชียงใหม่ พระนางมหาเทวี ฯ จึงเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จึงทรงต้อนรับพระยาพิษณุโลก และทรงยอมเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
ในรัชสมัยของพระองค์ได้โปรดเกล้าให้ขุดคลองลัดบางกอก เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ปากน้ำไปถึง กรุงศรีอยุธยามีความคดเคี้ยวหลายแห่ง ทำให้เสียเวลาในการเดินทางเรือ พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า แผ่นดินระหว่างคลองบางกอกใหญ่ และคลองบางกอกน้อยแคบ สามารถเดินถึงกันได้ ผลจากการขุดคลองลัดบางกอกทำให้สายน้ำเปลี่ยนทางเดินจนคลองลัดบางกอกกลายเป็นลำน้ำเจ้าพระยา จึงโปรดเกล้าให้ขุดคลองลัด ณ บริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ด้านท่าราชวรดิษฐ์ในปัจจุบัน )
สมเด็จพระไชยราชาธิราช เชื่อว่ามีพระมเหสี 4 พระองค์ ที่มีเชื้อสายจาก 4 ราชวงศ์ (ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์พระร่วง และราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช) เพื่อเป็นการคานอำนาจกัน เมื่อสมเด็จพระมเหสีจิตราวดีสิ้นพระชนม์ลงหลังจากทรงมีพระประสูติกาล พระมเหสีจากราชวงศ์อู่ทองคือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง พระนางได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับพันบุตรศรีเทพ (ขุนวรวงศาธิราช) พราหมณ์ผู้คุมหอพระ ซึ่งต่อมาได้ลักลอบลองปลงพระชนม์พระองค์ด้วยยาพิษ ในปี พ.ศ. 2089
อย่างไรก็ดี การสวรรคตของสมเด็จพระไชยราชาธิราชด้วยยาพิษนั้นเป็นมาจากบันทึกของพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาในอาณาจักรอยุธยาในสมัยนั้น ชื่อ เฟอร์ดินันท์ เมนเดซ ปินโต ซึ่งเป็นข้อมูลหลักในบทภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท แต่การสวรรคตของพระองค์ตามที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยหลายส่วนเช่น พงศาวดารต่าง ๆ ต่างระบุว่าพระองค์สวรรคตด้วยอาการพระประชวร หลังจากการกลับจากสงคราม
[แก้] อ้างอิง
[แก้] ดูเพิ่ม
สมัยก่อนหน้า | สมเด็จพระไชยราชาธิราช | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระรัษฎาธิราช (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 2076 - พ.ศ. 2077) |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 2077 - พ.ศ. 2089) |
พระยอดฟ้า (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) (พ.ศ. 2089 - พ.ศ. 2091) |
|
|