สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย The National Broadcasting Services of Thailand |
|
---|---|
เริ่มออกอากาศ | 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 (อายุ 21 ปี) |
เครือข่าย | สถานีโทรทัศน์ |
เจ้าของ | กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี |
บุคลากรหลัก | รัตนา เจริญศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานีฯ |
คำขวัญ | สถานีโทรทัศน์แห่งชาติ |
ประเทศ | ไทย |
พื้นที่แพร่ภาพ | ประเทศไทย |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 236 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
ชื่อเดิม | สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (ก่อตั้ง: พ.ศ. 2528) สถาปนา: พ.ศ. 2531-พ.ศ. 2551 |
สถานีพี่น้อง | สทท.ส่วนภูมิภาค โทรทัศน์ดาวเทียมเอ็นบีที เอ็นทีที นิวส์ สถานีวิทยุเอฟเอ็ม 92.5 เมกกะเฮิร์ตซ์ |
เว็บไซต์ | nbttv.prd.go.th |
ช่องรายการที่แพร่ภาพ | |
ภาคพื้นดิน | |
แอนะล็อก (วีเอชเอฟ) |
ช่อง 11 |
โทรทัศน์ดาวเทียม | |
ไทยคม 5 | V-4122 SR.4688 |
ทรูวิชั่นส์ | ช่อง 5 |
ดีทีวี | ช่อง 5 |
โทรทัศน์เคเบิล | |
ทรูวิชั่นส์ | ช่อง 5 |
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: สทท.; อังกฤษ: The National Broadcasting Services of Thailand; ชื่อย่อ: เอ็นบีที., NBT.) เป็นหน่วยงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐบาล มีสภาพเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติของประเทศไทย สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแล เดิมคือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ (ชื่อย่อ: สทท.11, ช่อง 11; อังกฤษ: Television of Thailand Channel 11 ชื่อย่อ: TVT.11) ซึ่งมีสถานะเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติเช่นเดียวกัน โดยมีการเปลี่ยนชื่อ พร้อมปรับปรุงระบบการบริหารงาน และรูปแบบของสถานี เพื่อให้สมเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานี ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป และเมื่อวันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ได้เปลี่ยนอัตลักษณ์ใหม่ของสถานี และในวันดังกล่าวคือวันครบรอบการใช้ชื่อ NBT 1 ปี
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2528 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ กรมประชาสัมพันธ์ จัดทำ โครงการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของทางราชการสู่ประชาชน และเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมไปถึง การเสริมสร้างความเข้าใจอันดี ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ตลอดจนเป็นสถานีโทรทัศน์แม่ข่ายให้แก่ สถานีโทรทัศน์ส่วนภูมิภาค ในเครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ
ประมาณต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2528 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เริ่มต้นการทดลองออกอากาศเป็นครั้งแรก แต่ระยะแรกนั้น สทท.11 ได้ใช้เครื่องส่งโทรทัศน์สีของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ออกอากาศด้วยระบบวีเอชเอฟ (VHF) ทางช่องสัญญาณที่ 11 มาจากสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ ณ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ มาออกอากาศเป็นการชั่วคราว ณ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่เนื่องจากความถี่ต่ำ จึงไม่สามารถดำเนินการส่งสัญญาณแพร่ภาพออกอากาศต่อได้ ทว่าต่อมา สทท.11 ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น และมูลนิธิไจก้า ตามโครงการช่วยเหลือแบบให้เปล่า โดยมีวงเงินประมาณ 330,000,000 บาท เพื่อขออนุญาตใช้เครื่องส่งใหม่ โดยออกอากาศระบบวีเอชเอฟ (VHF) ความถี่สูง ทางช่องสัญญาณที่ 11 (BAND3,VHF CH-11) และสร้างอาคารที่ทำการสถานีฯ ในที่ดินของกรมประชาสัมพันธ์ ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพมหานคร
วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอาคารที่ทำการ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ จากนั้นเป็นต้นมา จึงกำหนดให้ วันที่ 11 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนา สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะที่เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ได้ดำเนินการเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางราชการ และนำเสนอรายการที่เป็นสาระความรู้โดยเฉพาะด้านการศึกษา, ศิลปวัฒนธรรม และประเพณี มาโดยตลอด ซึ่งรูปแบบการดำเนินงานนั้น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการถ่ายทอดรายการส่วนใหญ่ และบางช่วงเวลา จะให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ในส่วนภูมิภาคดำเนินการถ่ายทอดรายการของตนเฉพาะท้องถิ่นไป แล้วแต่ช่วงเวลานั้นๆ อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงระยะเวลาแรกๆ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 มักถูกมองข้ามจากผู้ชมส่วนใหญ่ เนื่องด้วยความเป็นสถานีโทรทัศน์ของทางรัฐบาลซึ่งไม่มีรายการที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้ โดยเฉพาะรายการประเภทบันเทิง เช่น ละครโทรทัศน์ หรือรายการเกมโชว์ และประกอบกับเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ไม่อาจมีโฆษณาได้ จึงทำให้ประเภทของรายการที่ออกอากาศทางสทท. 11 นั้น มีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้ผู้ชมนั้นมีไม่จำนวนไม่มากนัก
อย่างไรก็ดี ในปีพ.ศ. 2539 สทท.11 ได้เสนอให้หน่วยงานภาคต่างๆ สามารถแพร่ภาพโฆษณาให้กับทางสถานีได้ และในบางครั้ง สทท.11 ก็ได้ผลิตโฆษณาออกอากาศภายในสถานีเอง แม้จะเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ จนกระทั่งในช่วงนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 เป็นต้นมา สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เริ่มมีชื่อเสียงทางด้านการถ่ายทอดสดรายการกีฬา ซึ่งแต่เดิม สทท. 11 เป็นที่รู้จักกันดีจากการเริ่มนำเอากีฬามวยปล้ำอาชีพมาออกอากาศทางสถานี แต่ทว่า นับตั้งแต่ที่สทท.11 เป็นหนึ่งในผู้ร่วมถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี 2002 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีและไอทีวี ภายใต้การดำเนินการของบริษัท ทศภาค จำกัด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ฮือฮามากในขณะนั้น ที่การถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือ ทีวีพูล ตามที่เป็นปกติในวงการโทรทัศน์ก่อนหน้านั้น ซึ่งถ่ายทอดสดรายการกีฬาต่างๆ ร่วมกันทางทีวีพูล โดยมีโฆษณาคั่น แต่เมื่อสทท. 11 ได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2002 ร่วมกับโมเดิร์นไนน์ทีวี และไอทีวี โดยไม่มีโฆษณาคั่น แต่นั้น สทท. 11 ก็ได้ถ่ายทอดสดรายการกีฬาอีกหลายรายการจนเป็นที่ติดตามของผู้ชมกีฬาในประเทศเป็นอย่างมาก
ในปีพ.ศ. 2551 เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เข้ามาบริหารงาน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ในฐานะที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ได้มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง สทท.11 เดิม เพื่อเป็นการปรับปรุงระบบการบริหารงาน และตอบสนองเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานี ดังนั้น ในวันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. สทท.11 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (National Broadcasting Services of Thailand - NBT) ซึ่งเป็นการใช้ชื่อที่จดทะเบียนสมาชิกกับสหภาพวิทยุ-โทรทัศน์แห่งเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Broadcasting Union) และเปลี่ยนสีประจำสถานีเป็นสีแดงและได้ออกอากาศรายการในรูปแบบใหม่ เพื่อให้สมประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานี และเพื่อประโยชน์สาธารณะ สำหรับการเสนอข่าวสารของเอ็นบีที จะมีความแตกต่างจาก สทท.11 คือ เอ็นบีที จะทำการเสนอข่าวในนามของทีมข่าวของสถานีเอง ซึ่งแยกออกจากสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ (ปัจจุบัน คือ สำนักข่าวแห่งชาติ) แต่ในการเสนอข่าวในยุค สทท.11 นั้น จะดำเนินการเสนอข่าวขึ้นตรงกับสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ โดยส่วนใหญ่
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้นำอดีตผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีหลายคน ที่ไม่ได้เข้าร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ทีวีไทยมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ตวงพร อัศววิไล, จอม เพชรประดับ, จิรายุ ห่วงทรัพย์ , ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, สร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ เป็นต้น ซึ่งทางเอ็นบีทีได้นำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นสถานีข่าว ผ่านทางการให้เวลานำเสนอข่าวมากกว่า 13 ชั่วโมง และปรับรูปลักษณ์ของสถานีเพื่อให้มีความทันสมัยมากกว่าเดิม ซึ่งในช่วงแรก เอ็นบีทีถูกจับตาอย่างยิ่งจากหลายฝ่าย จากการที่ประกาศตัวเป็นคู่แข่งกับสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย หรือไทยพีบีเอส ในลักษณะของ "สงครามสื่อโทรทัศน์ภาครัฐ" เนื่องจากเอ็นบีทีพยายามนำเสนอความเป็นทีวีสาธารณะของภาครัฐบาล ขึ้นรับมือกับไทยพีบีเอส ที่ประกาศตัวเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของประเทศไทยไปก่อนหน้า และนอกจากนี้ เอ็นบีทียังถูกจับตามองอย่างยิ่ง ในแง่มุมของการเสนอข่าว ซึ่งมีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอ็นบีทีนำเสนอข่าวในลักษณะเข้าข้างรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นพิเศษ
เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล จากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีนโยบายปฏิรูปสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT โดยจัดประกวดตราสัญลักษณ์ใหม่ ซึ่งกำหนดแนวคิดตราสัญลักษณ์ให้สื่อถึงความเป็นโทรทัศน์แห่งชาติ มีความทันสมัย ผสมผสานกับความเป็นไทย และตราสัญลักษณ์ใหม่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี การใช้ชื่อเอ็นบีที โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เปิดตราสัญลักษณ์ใหม่ และเปิดตัวสถานีในฐานะสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ และมีการเลิกสัญญาบริษัทผลิตข่าวซึ่งเดิมเป็นของ บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด
[แก้] โครงสร้างการบริหาร
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย บริหารงานแบบองค์กรราชการ จัดแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 ส่วน 2 ฝ่าย และ 1 กลุ่ม คือ
- ส่วนจัดและควบคุมรายการ มีหน้าที่ จัดสรร และควบคุมเนื้อหารายการ รวมถึงการออกอากาศรายการต่างๆ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- ส่วนผลิตรายการ มีหน้าที่ ผลิตรายการเพื่อป้อนให้กับ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อการออกอากาศต่อไป
- ส่วนเทคโนโลยี มีหน้าที่ กำกับดูแลในด้านเทคโนโลยีการออกอากาศ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คอมพิวเตอร์กราฟิก เป็นต้น
- ฝ่ายบริหารทั่วไป มีหน้าที่ บริหารงานทั่วๆ ไป เช่น ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายบุคคล เป็นต้น
- ฝ่ายแผนงานและประสานงาน มีหน้าที่ วางแผนงาน และประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- กลุ่มงานวิชาการ มีหน้าที่ ศึกษา ค้นคว้า และ ประสานงาน ด้านวิชาการสื่อสารมวลชน โดยได้จัดทำโครงการ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ วิจัย รวมทั้งเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตงานวิจัย และบทความเพื่อการประชาสัมพันธ์
[แก้] ที่ทำการ
ปัจจุบัน สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีที่ทำการ 2 แห่ง คือ
- อาคารที่ทำการ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เลขที่ 90-91 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
- อาคารที่ทำการ ถนนวิภาวดีรังสิต เลขที่ 236 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ ในบริเวณพื้นที่เดียวกับ อาคารที่ทำการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.)
โดยทั้ง 2 แห่ง ทางสถานี ได้ทำการส่งโทรทัศน์สีในระบบ วีเอชเอฟ (VHF) ย่านความถี่สูง ทางช่องที่ 11 (VHF Band 3 Channel-11)
[แก้] เครือข่ายในส่วนภูมิภาค
-
ดูบทความหลักที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ส่วนภูมิภาค
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย มีสถานีโทรทัศน์เครือข่ายในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 12 แห่ง ตั้งอยู่ในภาคเหนือ 2 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่ง ภาคกลาง 1 แห่ง ภาคตะวันออก 1 แห่ง และภาคใต้ 6 แห่ง โดยในแต่ละสถานี จะมีการเชื่อมโยงรับส่งสัญญาณกับสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนกลาง ด้วยระบบดาวเทียม โดยที่ทางสถานีฯ ได้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 5
[แก้] รายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง
- ปูนปิดทอง (พ.ศ. 2531-? ละครเรื่องแรกของสถานีฯ ผลิตโดย นิธิทัศน์ ออกอากาศครั้งแรกทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 20.50 น.
- เส้นทางสายไหม (พ.ศ. 2531) สารคดีที่สั่งตรงมาจากสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ประเทศญี่ปุ่น ออกอากาศในช่วงบ่ายวันอาทิตย์
- เสาร์เฮฮา (พ.ศ. 2532-พ.ศ. 2540) รายการปกิณกะสลับการแสดงตลกปัญญาชนเป็นรายการแรกๆ ออกอากาศทุกบ่ายวันเสาร์ เวลา 16.00-17.00 น.
- เพลงเงินล้าน (พ.ศ. 2532) รายการประกวดร้องเพลงโดยโรงเรียนวาทินี ออกอากาศทุกบ่ายวันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน จนถึงปัจจุบัน
- โลกใบจิ๋ว (พ.ศ. 2533-พ.ศ. 2550) เป็นรายการสำหรับเด็ก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 น.
- มองต่างมุม (พ.ศ. 2531-พ.ศ. 2551) รายการสนทนาประเด็นทางการเมืองและสังคม ดำเนินรายการโดย เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลาหลังข่าวภาคค่ำ (เฉพาะ สทท.11 เท่านั้น)
- กรองสถานการณ์ (พ.ศ. 2539) รายการสนทนาข่าวประจำวัน ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลาหลังข่าวภาคค่ำ
- Morning Talk (พ.ศ. 2545) รายการสนทนาภาคภาษาอังกฤษ ออกอากาศต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
- เสียงสวรรค์เมื่อวันวาน (พ.ศ. 2550) เป็นรายการเพลงอมตะของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์
- โต้คารมเกมส์ (พ.ศ. 2531-พ.ศ. 2543) รายการเกมโชว์ที่ท้าทายความรู้ สาระ และความบันเทิง ผลิตโดย กระทรวงศึกษาธิการ ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30-10.00 น.
- เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก (พ.ศ. 2552) รายการสารคดีเชิงข่าวของสำนักข่าวทีนิวส์ โดยมีผลงานสำคัญคือการเปิดโปงขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แฝงตัวในแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
- ความจริงวันนี้ (พ.ศ. 2551) รายการโทรทัศน์ประเภทความเห็นทางการเมืองของประเทศไทย ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00 น.
- สุดยอดเพลงอมตะ (พ.ศ. 2535-พ.ศ. 2544) รายการเสนอเพลงสุนทราภรณ์และเพลงปลุกใจรายการแรกของสถานีฯ ผลิตโดย เมโทร ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 23.45 น.รายการสุดท้าย
- คลายปม (พ.ศ. 2553 - ปัจจุบัน) รายการวิเคราะห์ เจาะลึก สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเปิดโปงที่มาที่ไปของปัญหาบ้านเมืองนั้นๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ อ.วันชัย สอนศิริ (ดร.เสรี กับ อ.วันชัย จะสลับกันมาร่วมรายการกับ ดร.เจิมศักดิ์) ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 21.00 น.
- ร่วมมือร่วมใจ (พ.ศ.2551 - ปัจจุบัน) รายการที่จะเป็นช่องทางในการรับเรื่องร้องทุกข์ในเรื่องราวและปัญหาต่างๆ ดำเนินรายการโดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ปิยะฉัตร กรุณานนท์ และ สิริเสาวภา เอกเอี่ยมสิน ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 14.00-15.00 น.
- ลงเอยอย่างไร (พ.ศ.2552) รายการสนทนาปัญหาต่างๆของบ้านเมือง เพื่อร่วมกันหาทางออกของปัญหาต่างๆ โดยมีแขกรับเชิญมาร่วมรายการซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละสัปดาห์ ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกอากาศทุกคืนวันพุธ 21.00-22.00 น.
- เกาที่คัน (พ.ศ.2552 - ปัจจุบัน) รายการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง วิเคราะห์ที่มาที่ไปของปัญหาแบบเจาะลึก ดำเนินรายการโดย ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ รณชาติ บุตรแสนคม ออกอากาศทุกคืนวันศุกร์ 21.00-22.00 น.
[แก้] ตราสัญลักษณ์
ตราสัญลักษณ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ได้มีการเปลื่ยนแปลงอยู่ถึง 5 ครั้ง นอกจากนี้ ยังใช้ตราราชการของกรมประชาสัมพันธ์ในบางโอกาสด้วย เช่น บนป้ายด้านหน้าที่ทำการสถานีฯ ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ปรากฏบนหน้าจอในการเปิดสถานีฯ ช่วงเวลาระหว่างประมาณ 04.10 น. รวมถึงเป็นสัญลักษณ์คั่นระหว่างข่าวแต่ละชิ้น บนแถบตัววิ่งข่าว (นิวส์บาร์) บริเวณด้านล่างของจอ การใช้ตราควบคู่กับตราของสถานี ในช่วงที่มีการโฆษณาของสถานีบางเวลา โดยหมายความว่าตราราชการนี้ ถือว่าเป็นตราสัญลักษณ์อีกตราของสถานีดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดได้ใช้งานมาจนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2551 (ในยุคของ สทท. 11 กรมประชาสัมพันธ์)
[แก้] พ.ศ. 2528-2530
เมื่อเริ่มทดลองออกอากาศ ในปี พ.ศ. 2528 นั้น ยังใช้เพียงตัวอักษรย่อ “สทท.11” พิมพ์ไว้บนหน้าจอเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปรากฏหลักฐานว่า มีการออกแบบตราสัญลักษณ์ สำหรับใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์สถานีฯ เป็นเส้นทแยงมุมจากขวาบน ลงซ้ายล่าง แบ่งเป็นสามช่อง แต่ละช่องมีสามแม่สีแสง คือ แดง เขียว และน้ำเงิน เป็นพื้นหลัง มีตัวเลข 1 สีดำสองตัว ซ้อนเหลื่อมกัน ทับอยู่ด้านบน ซึ่งมีความหมายถึง ช่องสัญญาณที่ทำการแพร่ภาพออกอากาศ มีตัวอักษรย่อ “สทท.” ตัวเล็ก อยู่ถัดจากตัวเลขไปทางซ้าย ทั้งหมดอยู่ในกรอบโค้งมน ในรูปแบบของจอโทรทัศน์ โดยตราสัญลักษณ์ดังกล่าว ใช้อยู่สองปี จึงมีการเปลี่ยนแปลง
[แก้] พ.ศ. 2530-2544
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2530 สทท.11 ออกแบบตราสัญลักษณ์ใหม่ โดยใช้กรอบลักษณะจอโทรทัศน์เช่นเดิม แต่เปลี่ยนแปลงลักษณะภายใน กล่าวคือ พื้นหลังสุดเป็นเส้นตรงสีน้ำเงิน ขนานตามแนวนอน บริเวณใจกลางของตราสัญลักษณ์ มีเลข 1 สองตัว ตัวทางซ้ายเป็นสีเขียว ตัวทางขวาเป็นสีแดง โดยพื้นที่ทางซ้ายของตัวเลขทางซ้าย เป็นเส้นตรงขนานสีเขียว และพื้นที่ทางขวาของตัวเลขทางขวา เป็นเส้นตรงขนานสีแดง ตามขนาดของตัวเลข ด้านล่างของตัวเลขทั้งสอง มีอักษรย่อ “สทท.” กำกับไว้ด้วย ซึ่งตราสัญลักษณ์ดังกล่าว ใช้มาถึง 14 ปี จึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบตราสัญลักษณ์อีกครั้ง
[แก้] พ.ศ. 2544-2551
จากนั้น ในปี พ.ศ. 2544 สทท.11 เปลี่ยนรูปแบบตราสัญลักษณ์ในรายละเอียดใหม่ โดยปรับปรุงจากการใช้เส้นขนานตามแนวนอน เป็นแถบสีสดใส โดยใช้สีตามสัญลักษณ์เดิม พร้อมนี้ ได้เปลี่ยนตัวเลข 1 ทั้งสองตัว เป็นสีขาว เดินเส้นขอบสีดำ และตัวอักษรย่อ “สทท.” เป็นสีขาวด้วย ซึ่งใช้อยู่เป็นระยะเวลา 7 ปี ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
[แก้] พ.ศ. 2551-2552
ในปี พ.ศ. 2551 สทท.เปลี่ยนชื่อเป็นสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จึงออกแบบตราสัญลักษณ์ขึ้นใหม่ โดยเน้นภาพลักษณ์ที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของสังคม โดยความหมายของตราสัญลักษณ์ดังกล่าว อธิบายได้ดังนี้
- วงกลมสีน้ำเงิน หมายถึง ศูนย์กลางแห่งข้อมูลข่าวสาร ส่วนสีน้ำเงิน หมายถึงความหนักแน่นเป็นกลาง ส่วน สามเหลี่ยมใต้วงกลม หมายถึง ความเที่ยงตรง เป็นกลาง ในการนำเสนอข่าว อย่างไม่หยุดนิ่ง
- วงรีสามวง สื่อถึงแผนที่โลกที่แผ่ออกเป็นสองมิติ หมายถึง การนำเสนอเหตุการณ์สำคัญจากทั่วทุกมุมโลก
- ตัวอักษรภาษาอังกฤษ NBT ใช้สีขาว หรือโปร่งใส หรือเป็นวาวแสงคล้ายแก้ว หมายถึง ความโปร่งใสในการนำเสนอข่าวสาร ที่สามารถตรวจสอบได้[1]
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลาประมาณ 15.15 น. เป็นต้นมา การแสดงตราสัญลักษณ์ของเอ็นบีทีบนจอโทรทัศน์ จะมีอักษรย่อ “สทท.” กำกับอยู่ด้านล่างของตราสัญลักษณ์ฯ ด้วย ซึ่งในเวลาดังกล่าว เป็นรายการ "หน้าต่างสังคม"
[แก้] พ.ศ. 2552 - ปัจจุบัน
สทท.มีโครงการให้ประชาชนส่งประกวดตราสัญลักษณ์ใหม่ของสถานี โดยกำหนดแนวคิดตราสัญลักษณ์ให้สื่อถึงความเป็นโทรทัศน์แห่งชาติ มีความทันสมัย แต่คงความเป็นไทย และมุ่งสู่สากล ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือผลงานของนายเนติพิกัติ ตังคไพศาล กราฟิกดีไซเนอร์ จากทีวีไทย ซึ่งได้แนวความคิดจากสัญลักษณ์ของกรมประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปพระอินทร์เป่าสังข์ปาญจนันท์ โดยดัดแปลงเฉพาะส่วนที่เป็นมือถือสังข์ให้ทันสมัยมากขึ้น[ต้องการอ้างอิง] ตราสัญลักษณ์ใหม่ได้เริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลา 19.00 น. ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี การใช้ชื่อเอ็นบีที
[แก้] ผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าวของสถานี
[แก้] ในอดีต
- จิรายุ ห่วงทรัพย์ - ข่าวเช้า (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552)
- ปนัดดา วงศ์ผู้ดี - ข่าวเช้า (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552)
- ณยา คัตตพันธ์ - ข่าวต้นชั่วโมง (ปัจจุบันอยู่รายการประเด็นเด็ด 7 สี)
- กฤต เจนพาณิชการ - ข่าวเที่ยง (ปัจจุบันอยู่ช่อง 3)
- ตวงพร อัศววิไล - ข่าวค่ำ (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552, ปัจจุบันอยู่ วอยซ์ทีวี)
- วสุ แสงสิงห์แก้ว - ฮอทนิวส์; จันทร์-ศุกร์) (พ.ศ. 2552)
- วรวีร์ วูวนิช - ฮอทนิวส์, ข่าวค่ำ (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553, ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- ธีระ ธัญญอนันต์ผล - ข่าวค่ำ (1 เมษายน พ.ศ. 2552 - 29 เมษายน พ.ศ. 2553, ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิ - ข่าวค่ำ (1 เมษายน พ.ศ. 2552 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553, ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ และ ทีเอ็นเอ็น)
- ชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์ - ฮอทนิวส์ (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552), ข่าวเช้า (1 เมษายน พ.ศ. 2552 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553)
- จุฑารัตน์ เอี่ยมอำพันธ์ - ข่าวเที่ยง (ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- พิชาญพงศ์ วงศ์ศรีแก้ว - ข่าวต้นชั่วโมง, ข่าวดึก (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553) ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ และ CSR TV )
- ศศิพงศ์ ชาติพจน์ - ข่าวต้นชั่วโมง, ข่าวค่ำ ช่วงสกายนิวส์, ข่าวดึก (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553) (ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- กาญจนา ปลื้มจิตต์ - ข่าวต้นชั่วโมง, ข่าวดึก (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553) ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- รัชนีวรรณ ดวงแก้ว - ห้องข่าวภูมิภาค (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - 30 เมษายน พ.ศ. 2553) (ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์และ CSR TV )
- จตุพร สุวรรณรัตน์ - ผู้สื่อข่าว (ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
- บุญเลิศ มโนสุจริตชน - ผู้สื่อข่าว (ปัจจุบันอยู่สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์)
[แก้] ข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถานี
[แก้] กระบอกเสียงรัฐบาล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียไทยได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ |
ในปี พ.ศ. 2551 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ได้ถูก วิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาล (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 ของไทย) เช่น ให้มีการจัดรายการ ความจริงวันนี้ ซึ่งเป็นรายการกระบอกเสียงของรัฐบาล โดยมีผู้เสียหายจากข้อเท็จจริง จนต้องออกมาฟ้องหมิ่นประมาทอยู่บ่อยครั้ง เช่น ตุลาการรัฐธรรมนูญ หรือ ปปช. รวมไปถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนนำไปสู่การบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551
[แก้] เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถานี
[แก้] การบุกยึดที่ทำการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
เมื่อเวลา 05.30 น. วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551 มีกลุ่มชายฉกรรจ์ สวมหมวกไอ้โม่งปิดหน้าอย่างมิดชิด ซึ่งอ้างตัวเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย หน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวนประมาณ 80 คน ได้บุกเข้ายึดอาคารที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ริมถนนวิภาวดีรังสิต โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่งดออกอากาศรายการข่าวเช้า ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ โดยตรวจพบอาวุธปืน ไม้กอล์ฟ มีดดาบสปาตา และใบกระท่อม ในตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว
จากนั้น เวลาประมาณ 06.00 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ขึ้นประกาศบนเวทีใหญ่ของพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้บุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นผลสำเร็จแล้ว ตนจะนำกลุ่มดาวกระจายตามไปสมทบที่สถานีฯ
ต่อมา เวลาประมาณ 08.30 น. แนวร่วมกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่นำโดยนายสมเกียรติ และนายอมร อมรรัตนานนท์ ได้พังประตูรั้วเข้ายึดที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ตลอดจนห้องส่งกระจายเสียง และห้องส่งออกอากาศ ถือเป็นการเข้ายึดสถานีโทรทัศน์โดยประชาชนครั้งแรกในประเทศไทย[2]
กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยุติการส่งกระจายเสียงของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เอฟเอ็ม 92.5 และ 97.0 เมกกะเฮิร์ทซ์ ตลอดจนมีความพยายามของเจ้าหน้าที่เทคนิคของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ในการนำสัญญาณโทรทัศน์ของเอเอสทีวี มาออกอากาศในคลื่นความถี่โทรทัศน์ของเอ็นบีทีแทน เป็นผลให้เอ็นบีทีไม่สามารถออกอากาศได้ในช่วงแรก แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเปลี่ยนระบบการออกอากาศ โดยใช้สัญญาณแอนาล็อกแทนสัญญาณดิจิตอล ทำให้สามารถออกอากาศได้โดยไม่มีคลื่นแทรก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจจึงตัดสายไฟฟ้าของเครื่องส่ง เพื่อให้เกิดความเสียหายแทน[ต้องการอ้างอิง]
ส่วนความพยายามออกอากาศรายการข่าวอย่างต่อเนื่องทางเอ็นบีที ของพนักงานฝ่ายข่าว นำโดย น.ส.ตวงพร อัศววิไล, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์, น.ส.สร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์, นายอดิศักดิ์ ศรีสม, นายสัญญลักษณ์ เจริญเปี่ยม, น.ส.วรวีร์ วูวนิช, นายกฤต เจนพานิชการ เป็นต้น ได้ใช้วิธีการหลายรูปแบบ ดังนี้
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากรถถ่ายทอดสดนอกสถานที่ แล้วให้สำนักงานสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยส่วนกลาง ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รับสัญญาณผ่านดาวเทียม ส่งไปยังเสารับสัญญาณโทรทัศน์บนอาคารใบหยก 2 เพื่อส่งออกอากาศทั่วประเทศอีกชั้นหนึ่ง โดยออกอากาศจากห้องส่งชั่วคราว ภายในบริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จนกระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาพบ จึงถูกระงับการออกอากาศไปอีก
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยในส่วนภูมิภาค (ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี และ จังหวัดเชียงใหม่) [ต้องการอ้างอิง] มาที่ส่วนกลาง แล้วไปตามเส้นทางเดิม
- ส่งสัญญาณโทรทัศน์จากรถถ่ายทอดสดนอกสถานที่เช่นเดิม โดยจัดห้องภายในศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) และต่อมาที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นห้องส่งชั่วคราว[2]
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. วันเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศถอนกำลังออกจากสถานีฯ เนื่องจากความพยายามเชื่อมต่อสัญญาณเอเอสทีวีไม่ประสบผล แล้วไปสมทบกับกลุ่มใหญ่ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบบริเวณสถานี พบว่ามีการบุกรุกเข้าไปห้องต่างๆ ภายในอาคาร สถานที่ถูกทำลายไปเป็นบางส่วน อีกทั้งมีทรัพย์สินเสียหายและสูญหายไปจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะมีการบุกรุกเข้าไปรื้อค้นสิ่งของ ภายในห้องประทับรับรอง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่มีหมายกำหนดการเสด็จทรงบันทึกเทปรายการทูบีนัมเบอร์วันวาไรตี้ ที่เอ็นบีทีในวันดังกล่าวด้วย หลังจากการตรวจสอบในเบื้องต้น จึงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานีฯ กลับเข้าปฏิบัติงานภายในอาคารได้[ต้องการอ้างอิง]
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ และผู้ประกาศข่าวส่วนหนึ่ง ยังคงรายงานข่าวที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในช่วงคืนวันที่ 26 ต่อเช้าวันที่ 27 สิงหาคม จนกระทั่งสามารถกลับมาออกอากาศรายการข่าวภายในสถานีฯ ได้อย่างสมบูรณ์ ในช่วงข่าวเที่ยง วันที่ 27 สิงหาคม[ต้องการอ้างอิง]
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- เว็บไซต์ระบบแบ่งปันความรู้ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
- เอ็นบีที สกายนิวส์
- เว็บไซต์ กรมประชาสัมพันธ์
- ดึงชาลอตช่วย โพสต์ฯขึ้น20%ค่าโฆษณาNBTดึงเลือดใหม่ลุย
- “น้องเดียว” หนุนทีมโพสต์ฯปลุกเรตช่องสทท. มั่นใจกระฉูดแน่
- สาทิตย์ล้างบางNBT ยกเลิกสัญญา1มีนาคม ปั้นช่อง11ทีวีแห่งชาติ
- สาทิตย์ ชี้ ดิจิตอลฯ มีเดีย เลิกสัญญา ดีต่อการปรับผัง
สมัยก่อนหน้า | สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (ตุลาคม พ.ศ. 2528 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2551) |
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (1 เมษายน พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน) |
ยังออกอากาศอยู่ |
|