จังหวัดพระตะบอง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถิติ | |
---|---|
เมืองเอก: | พระตะบอง |
พื้นที่: | 11,702 กม² |
ประชากร: | 793,129 (2541) |
ความหนาแน่น: | 67.7 คน/กม² |
ISO 3166-2: | KH-2 |
แผนที่ | |
พระตะบอง (เขมร: ខេត្តបាត់ដំបង Kettbatdombng อ่านว่า แคตบัดตัมบอง) เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชา อยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ มีเขตติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว และจันทบุรี ประเทศไทย พื้นที่นี้อดีตเคยเป็นจังหวัดพระตะบองในมณฑลบูรพาของสยาม
เนื้อหา |
[แก้] ประวัติ
[แก้] ประวัติศาสตร์ยุคต้น
ระหว่างคริตส์ศตวรรษที่ 15 - 18 พื้นที่ที่เรียกว่าจังหวัดพระตะบองนี้ตกอยู่ในความยึดครองของสยาม ผู้คนในแถบนี้แตกฉานซ่านเซ็น ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในถิ่นต่างๆ
ในช่วงปลายคริตส์ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริตส์ศตวรรษที่ 20 ตรงกับสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ของสยาม สยามได้จัดการปกครองโดยตรงต่อดินแดนเมืองพระตะบองและส่วนอื่นๆ ซึ่งเรียกรวมกันว่า ดินแดนเขมรส่วนใน โดยตั้งเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน - ต้นสกุลอภัยวงศ์) ให้เป็นผู้ปกครองดินแดนส่วนนี้ และมีเจ้าเมืองในสกุลอภัยวงศ์สืบทอดต่อมาอีก 5 คน จนถึงปี พ.ศ. 2449 (พ.ศ. 2450 ตามปฏิทินสากล) ซึ่งเป็นปีที่สยามเสียดินแดนเขมรส่วนในและดินแดนลาวฝั่งขวาของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการคืนเมืองตราดตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 หลังจากนั้นในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระนโรดมสีสุวัตถิ์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการ ให้แบ่งเขตการปกครองของเมืองพระตะบองออกเป็น 3 เขต (จังหวัด) ได้แก่ เขตพระตะบอง เขตเสียมราฐ และเขตศรีโสภณ ต่อมาจึงแบ่งเขตการปกครองใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2468 เป็น 2 เขต คือ เขตพระตะบองและเขตเสียมราฐ โดยเขตพระตะบองมีเมือง (อำเภอ) ในความปกครอง 2 เมือง คือ เมืองพระตะบองกับเมืองศรีโสภณ ถึงปี พ.ศ. 2483 เขตพระตระบองก็มีเมืองในความปกครองเพิ่มขึ้นเป็น 7 เมือง คือ เมืองพระตะบอง เมืองสังแก เมืองระสือ (โมงฤๅษี) เมืองตึกโช เมืองมงคลบุรี เมืองศรีโสภณ และเมือง Bei Thbaung
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียไทยได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ |
[แก้] ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี พ.ศ. 2484 หลังสิ้นสุดกรณีพิพาทอินโดจีนไทย-ฝรั่งเศส ไทยได้ดินแดนส่วนที่เรียกว่าเขมรส่วนในและลาวฝั่งขวาของแม่น้ำโขงคืน จึงได้ประกาศจัดตั้งจังหวัดขึ้นใหม่ในดินแดนเหล่านี้ 4 จังหวัดคือ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดพิบูลสงคราม จังหวัดนครจัมปาศักดิ์ และจังหวัดลานช้าง เฉพาะจังหวัดพระตะบองนั้นเมื่อแรกตั้งจังหวัดนั้น ได้แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ ตามประกาศเรื่องตั้งอำเภอ ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พุทธศักราช 2484 ดังนี้
- อำเภอเมืองพระตะบอง ตามเขตอำเภอพระตะบองเดิม
- อำเภอพรหมโยธี ตามเขตอำเภอสังแกเดิม
- อำเภออธึกเทวเดช ตามเขตอำเภอระสือเดิม
- อำเภอมงคลบุรี ตามเขตอำเภอมงคลบุรีเดิม
- อำเภอศรีโสภณ ตามเขตอำเภอศรีโสภณเดิม
- อำเภอสินธุสงครามชัย ตามเขตอำเภอตึกโชเดิม
- อำเภอไพลิน ตามเขตอำเภอไพลินเดิม
ต่อมาทางการไทยได้ปรับปรุงเขตการปกครองจังหวัดพระตะบองเสียใหม่ โดยโอนท้องที่อำเภอศรีโสภณ และอำเภอสินธุสงครามชัย ไปขึ้นจังหวัดพิบูลสงครามแทนในเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน
จังหวัดพระตะบองจึงมีเขตการปกครองตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 จนถึง พ.ศ. 2489 รวมทั้งสิ้น 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองพระตะบอง อำเภอพรหมโยธี อำเภออธึกเทวเดช อำเภอมงคลบุรี และอำเภอไพลิน
อนึ่ง ชื่ออำเภอที่ไทยตั้งขึ้นใหมในทั้ง 4 จังหวัด ที่ได้คืนมาจากฝรั่งเศสนั้น ส่วนหนึ่งตั้งชื่อตามบุคคลที่มีบทบาทอย่างสูงในการรบสงครามอินโดจีน ในจังหวัดพระตะบอง มีชื่ออำเภอลักษณะดังกล่าวดังต่อไปนี้
- อำเภอพรหมโยธี ตั้งชื่อตาม นายพันเอกหลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี ยศสุดท้ายเป็นที่พลเอก)
- อำเภออธึกเทวเดช ตั้งชื่อตามพลอากาศโท หลวงอธึกเทวเดช (บุญเจียม โกมลมิศร์) แม่ทัพอากาศสนาม
ภายหลังในเดิอนเมษายน 2486 ได้เปลี่ยนชื่อ อำเภออธึกเทวเดช เป็นอำเภอรณนภากาศ เนื่องจาก แม่ทัพอากาศ/ผู้บัญชาการทหารอากาศ (พลอากาศโท หลวงอธึกเทวเดช) ได้ลาออกจากตำแหน่ง
- อำเภอสินธุสงครามชัย (ภายหลังโอนไปขึ้นกับจังหวัดพิบูลสงคราม) ตั้งชื่อตาม นายพลเรือตรี หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน ยศสุดท้ายเป็นที่พลเรือเอก) ผู้บัญชาการทหารเรือ และแม่ทัพเรือในขณะนั้น
สำหรับตราประจำจังหวัดนั้น กรมศิลปากรได้กำหนดให้จังหวัดพระตะบองใช้ตราประจำจังหวัด เป็นรูปพระยาโคตรตระบองยืนทำท่าจะขว้างตะบอง ตามตำนานในท้องถิ่นที่เล่าถึงที่มาของชื่อจังหวัด
[แก้] หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2496 ได้มีการจัดตั้งเขตบริหารปอยเปต (Poi Pet administration) โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองศรีโสภณ (เมืองนี้ได้ถูกแบ่งเป็น 2 เมืองในปีนั้น คือ เมืองศรีโสภณและเมืองบันทายฉมาร์) ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองชื่อว่า เมือง O Chrov ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2508 และในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ได้มีการแบ่งเขตการปกครองของเมืองระสือส่วนหนึ่งออกเป็นเขตการปกครองใหม่ คือ เขตบริหาร Kors Kralor หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2509 รัฐบาลกัมพูชาก็ได้ตั้งเมืองทมอปุก (Thmar Pouk) ขึ้นเป็นเมืองในความปกครองของจังหวัดพระตะบอง และได้แบ่งเมืองบันทายฉมาร์ไปขึ้นกับจังหวัด (เขต) อุดรมีชัยซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ในปีนั้น
ในสมัยการปกครองของเขมรแดง ได้มีการอพยพประชาชนออกจากเมืองต่างๆ ไปอยู่ในชนบทเพื่อขยายผลผลิตทางการเกษตร จังหวัดพระตะบองกลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้ชื่อว่าทุ่งสังหาร อันเนื่องมาจากการปกครองที่เลวร้ายของเขมรแดง ในยุคนี้ เขมรแดงได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ในเขตจังหวัดพระตะบองอีก 2 เมือง คือ เมืองบานันและเมืองโกรส ลอร์ (Kors Lor)
จังหวัดพระตะบองได้รับการปลดปล่อยจากระบอบเขมรแดงในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2522 และได้มีการจัดตั้งคณะกรมการเมืองขึ้นปกครองจังหวัดนี้จนกระทั่งมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2526 โดยในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 - 2529 จังหวัดพระตะบองมีเมืองในปกครอง 9 เมือง และ 1 เขตการปกครอง
ในปี พ.ศ. 2529 ตั้งมีการจัดตั้งเมืองบานัน เมืองโบเวล และเมืองเอกพมนขึ้น ทำให้จังหวัดพระตะบองมีเมืองในความปกครองรวม 12 เมือง แต่สองปีต่อมา ก็ได้แบ่งเอาเมือง 5 เมืองในความปกครอง ไปจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดบันเตียเมียนเจย
ในปี พ.ศ. 2542 หลังจากการสลายตัวของเขมรแดงอย่างแท้จริงแล้ว ก็ได้มีการแบ่งอาณาเขตของจังหวัดพระตะบองไปจัดตั้งเป็นเทศบาลนครไพลิน และในปี พ.ศ. 2543 ก็ได้แบ่งเอาเขตเมืองระสือส่วนหนึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นเมืองกะห์กรอลอ[1]
[แก้] การแบ่งเขตการปกครอง
จังหวัดพระตะบองแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 เมือง (ស្រុក)
รหัสเมือง | ชื่อเมือง (ภาษาเขมร) |
เขียนด้วยอักษรไทย | เขียนด้วยอักษรโรมัน |
---|---|---|---|
0201 | បាណន់ | บานัน (บาณาน่) | Banan |
0202 | ថ្មគោល | ทมอโกล (ถฺมโคล) | Thmgol |
0203 | បាត់ដំបង | บัตตัมบอง, พระตะบอง (บาต่ฏํบง) | Batdombng |
0204 | បវេល | บอเวล (บเวล) | Bowel |
0205 | ឯកភ្នំ | เอกพนม (เอภฺนุ ํ) | Aekphnom |
0206 | មោងប្ញស្សី | โมงรืซเซ็ย, เมืองระสือ (โมงฤสฺสี) | Mongrossy |
0207 | រតនមណ្ឌល | รัตนมณฑล (รตนมณฺฑล) | Rotana Mondol |
0208 | សង្កែ | สังแก (สฺงแก) | Sanggae |
0209 | សំឡូត | ซ็อมลูต (สํฬูต) | Samlut |
0210 | សំពៅលូន | ซ็อมปึวลูน (สํเพาลูน) | Sampoulun |
0211 | ភ្នំព្រឹក | พนมพรึก (ภฺนุ ํพฺรึก) | Phnomprug |
0212 | កំរៀង | ก็อมเรียง (กํเรียง) | Gamrieng |
0213 | គាស់ក្រឡ | กะห์กรอลอ (คาส่กฺรฬ) | Gasgrala |
[แก้] อ้างอิง
|
|
|