จังหวัดนครราชสีมา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

จังหวัดนครราชสีมา
ตราประจำจังหวัดนครราชสีมา ตราผ้าพันคอลูกเสือ จังหวัดนครราชสีมา
ตราประจำจังหวัด ตราผ้าผูกคอลูกเสือ
Cquote1.png เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน Cquote2.png
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทย นครราชสีมา
ชื่ออักษรโรมัน Nakhon Ratchasima
ชื่อไทยอื่นๆ โคราช, ราชสีมา
ผู้ว่าราชการ นายประจักษ์ สุวรรณภักดี
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2551)
ISO 3166-2 TH-30
สีประจำกลุ่มจังหวัด แสด ███
ต้นไม้ประจำจังหวัด สาธร
ดอกไม้ประจำจังหวัด สาธร
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่ 20,493.964 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 1)
ประชากร 2,571,292 คน[2] (พ.ศ. 2552)
(อันดับที่ 2)
ความหนาแน่น 125.47 ตร.กม.
(อันดับที่ 35)
ศูนย์ราชการ
ที่ตั้ง ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถนนมหาดไทย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 30000
โทรศัพท์ (+66) 0 4424 3798
โทรสาร (+66) 0 4425 5070
เว็บไซต์ จังหวัดนครราชสีมา
แผนที่
 
แผนที่ประเทศไทย เน้นจังหวัดนครราชสีมา

สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

จังหวัดนครราชสีมา หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทยและมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตติดกับจังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว

เนื้อหา

[แก้] ภูมิศาสตร์

ตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราช โดยมีลำตะคองและลำน้ำสาขาอื่น ๆ ไหลหล่อเลี้ยงบริเวณด้านเหนือของเมือง และ เป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำมูลซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตัวเมืองประกอบด้วยประตูเมืองนครราชสีมาทั้ง 4 ทิศ คือ ประตูชุมพล (ทิศตะวันตก) ประตูพลแสน (ทิศเหนือ อีกชื่อคือประตูน้ำ) ประตูพลล้าน (ทิศตะวันออก) และประตูไชยณรงค์ (ทิศใต้ อีกชื่อคือประตูผี) ภายในตัวเมืองมีสระน้ำ 4 สระ คือ สระแก้ว สระแมว สระขวัญ และสระบัว

บริเวณรอบเมืองเป็นที่ราบ ทุ่งนา สวนผัก-ผลไม้ และ ที่เกษตรกรรม ปัจจุบันจากการขยายตัวของเมืองทำให้ค่อยๆเปลี่ยนสภาพเป็นแหล่งการค้า อุตสาหกรรม และ ที่อยู่อาศัย ในบริเวณด้านใต้ของเมืองเป็นเขตทหาร คือ ค่ายสุรนารี ของกองทัพบก และ กองบิน 1 ของกองทัพอากาศ

โดยตำแหน่งที่ตั้งทำให้เมืองเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางบกทั้งทางถนนและทางราง ของภาคอีสาน โดยมีทางหลวงสายหลัก คือ ถนนมิตรภาพผ่าน และ เป็นชุมทางรถไฟของเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือทั้งสองสายคือ สายนครราชสีมา-อุบลราชธานี และ สายนครราชสีมา-ท่านาแล้ง(ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)

[แก้] ประวัติศาสตร์

เมืองโคราชสีมาในแผนที่ของ ลา ลูแบร์ พ.ศ. 2236
รถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมาขบวนแรก
ถนนจอมสุรางค์ยาตร พ.ศ. 2550

จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า มีชุมชนโบราณซึ่งเป็นร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินใหม่ต่อเนื่องมาถึงยุคโลหะกระจายอยู่ทั่วไปในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญคือ ชุมชนบ้านปราสาท และ แหล่งภาพเขียนสีเขาจันท์งาม ซึ่งกำหนดอายุได้ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว

ครั้นถึงสมัยประวัติศาสตร์ ได้เกิดมีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยทวารวดี ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ เมืองเสมา (Sema) ตั้งอยู่บริเวณอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน เป็นเมืองใหญ่เชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของรัฐศรีจนาศะ ต่อมาในสมัยขอมพระนครมีการสร้างเมืองโคราช (Angkor Raj) หรือ นครราช อยู่ในบริเวณเดียวกัน และ มีเมืองพิมายเป็นเมืองสำคัญของขอมในบริเวณนี้

มีผู้เสนอว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ เมืองนครราช คือเมืองเดียวกันกับ เมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง เนื่องจากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเมืองพระนครหลายประการ นอกจากนี้รูปสลักกองทัพชาวสยามบนระเบียงด้านหนึ่งของ นครวัด อาจเป็นชาวสยามจากลุ่มแม่น้ำมูลที่เกี่ยวข้องกับเมืองนครราช และยังมีการกล่าวถึงเมืองนครราชสีมาในพงศาวดารของกัมพูชาหลายครั้งด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีมุมมองอีกด้านหนึ่งก็ว่า นครราชสีมา นั้นเป็นคำไทยเป็นคำใหม่ แยกเป็นคำได้คือ นคร, ราช และ สีมา หมายความว่า "เมืองใหญ่อันเป็นขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักร" (ราช+สีมา) ส่วนคำว่าโคราช (สำเนียงถิ่น: โค-หฺราด , ไทยกลาง: โค-ราด, เขมร: โก-เรียช ) นั้น น่าจะเพี้ยนมาจาก นครราช [Angor Riaj หรือ อังกอร์เรียจ ต่อมาลดรูปเป็น กอร์เรียจ และเพี้ยนเป็นโคราช ในที่สุด] (อ่านตามสำเนียงว่า คอน-หฺราด ซึ่งเป็นคำเรียกนครราชสีมาแบบย่อ ๆ ของชาวบ้าน) มากกว่าที่จะเพี้ยนมาจาก โคราฆปุระ (Gorakhpur) ที่เป็นชื่อเมืองสมัยใหม่ในแคว้นเดียวกับเมือง อโยธยา (Ayodhya) ในอินเดีย ตามข้อสันนิษฐานของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

เนื่องจากตั้งอยู่เป็นบริเวณที่เป็นชายขอบระหว่างรัฐที่มีอำนาจ หรือในความหมายของ รัฐกันชน ในปัจจุบัน นครราชสีมา จึงมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างรัฐอยู่เสมอ เช่น ระหว่างสยามกับกัมพูชา หรือ ระหว่างสยามกับล้านช้าง หรือ ในบางครั้งได้มีความพยายามที่จะตั้งตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับบรรดาเมืองใหญ่อื่น ๆ

ในสมัยเจ้าสามพระยา อยุธยาสามารถเอาชนะกัมพูชาได้ รวมทั้งได้ทำการรวบรวมหัวเมืองในลุ่มแม่น้ำมูลเข้ามาอยู่ในอำนาจ เมื่อพระบรมไตรโลกนาถได้สืบราชสมบัติต่อมามีการจัดระดับเมืองพระยามหานคร 8 หัวเมือง คือ พิษณุโลก ศรีสัชนาลัย สุโขทัย กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ตะนาวศรี และทวาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เริ่มปรากฏชื่อเมืองนครราชสีมาเป้นเมืองสำคัญในขอบขัณฑสีมา และได้ดำรงความสำคัญสืบต่อมาในประวัติศาสตร์อยุธยาและรัตนโกสินทร์

ครั้นถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเห็นว่าเป็นหัวเมืองใหญ่และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่านของอยุธยาติดกับพรมแดนลาว (เข้าใจว่าเลยลำสะแทด ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลเหนือเมืองพิมายเป็นเขตแดนลาว เพราะมีบันทึกไว้ในนิราศหนองคาย สอดคล้องกับวัฒนธรรมและภาษาที่เปลี่ยนไปด้วย) จึงโปรดให้ย้ายเมืองเสมา มาสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตั้งปัจจุบัน โดยมีนายช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ ขนาดกว้าง 1,000 เมตร ความยาว 1,700 เมตร มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ มีป้อมค่ายหอรบ และพระราชทานนามว่า "เมืองนครราชสีมา" ทรงโปรดให้พระยายมราช(สังข์)เป็นเจ้าเมือง ในคราวเดียวกันกับที่แต่งตั้ง เจ้าพระยารามเดโช เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช

เดอ ลาลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้เขียนรายงานและบันทึกไว้ในจดหมายเหตุ ว่า เมืองโคราชสีมา (Corazema) เป็นหัวเมืองใหญ่ 1 ใน 7 มณฑล ตั้งอยู่ติดชายแดนของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมือง

ประตูเมืองโคราชด้านเหนือ ในปี พ.ศ. 2436
ประตูชุมพล ก่อนการบูรณะ
กำแพงเมือง และคูเมืองนครราชสีมา ในอดีต

ในช่วงเริ่มต้นสองปีแรกของแผ่นดิน สมเด็จพระเพทราชา พระยายมราชเจ้าเมืองนครราชสีมาที่แต่งตั้งโดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้แข็งเมือง เนื่องจากไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชา ที่ก่อการยึดอำนาจและเปลี่ยนราชวงศ์ จึงไม่ขอขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาใช้เวลาปราบปรามโดยล้อมเมืองอยู่ประมาณ 2 ปี โดยใช้อุบายและกลยุทธปราบลงได้ พระยายมราช เจ้าเมืองนครราชสีมาได้หนีไปพึ่ง เจ้าพระยารามเดโชเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งไม่พอใจสมเด็จพระเพทราชาเช่นกัน แต่ถูกกองทัพอยุธยาตามไปปราบปรามลงได้ นับแต่นั้นเมืองนครราชสีมาได้ถูกลดความสำคัญลงไม่เข้มแข็งดังแต่ก่อน

หลังจากกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย เจ้าเมืองพิมายและกรมหมื่นเทพพิพิธได้ตั้งตังเป็นชุมนุมอิสระที่สำคัญชุมนุมหนึ่งแต่ถูกปราบลงโดยพระเจ้าตาก หลังจากนั้นเมืองนครราชสีมาได้เป็นฐานกำลังทางทหารและการปกครองที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด โดยในสมัยกรุงธนบุรีได้ถูกใช้เป็นฐานรวบรวมกำลังของ พระยาอภัยรณฤทธิ์ และ พระยาอนุชิตราชา ในการสงครามกับล้านช้างและกัมพูชา

ในช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้าตาก เมื่อเกิดการกบฏพระยาสรรค์ขึ้น พระสุริยอภัย ผู้สำเร็จราชการเมืองนครราชสีมา ได้นำกำลังทหารชาวนครราชสีมาเข้าควบคุมสถานการณ์ในกรุงธนบุรีไว้ได้ก่อนที่ เจ้าพระยาจักรี และ เจ้าพระยาสุรสีห์ จะยกทัพกลับมาจากกัมพูชาและเกิดการเปลี่ยนแผ่นดิน ในครั้งนั้น พระยากำแหงสงคราม (บุญคง) เจ้าเมืองนครราชสีมา ที่นำทัพไปกัมพูชาพร้อมกับ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์ ถูกประหารชีวิตไปพร้อมกับเชื้อพระวงศ์ และขุนนางเดิมของพระเจ้าตาก

ในรัชสมัย รัชกาลที่ 1 เมืองนครราชสีมามีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก กำกับตรวจตราเมืองประเทศราช ๓ เมือง คือ เวียงจันทน์ นครพนม จำปาศักดิ์ ให้รวมทั้งปกครองหัวเมืองเขมร มีเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) เป็นผู้สำเร็จราชการคนแรก และในรัชสมัยรัชกาลที่ 1นี้ ชาวเมืองนครราชสีมาได้น้อมเกล้าถวายช้างเผือก 2 เชือก ต่อมาทองอิน เชื้อสายของพระเจ้าตาก และบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) ได้เป็นผู้สำเร็จราชการต่อจากบิดา

ในสมัยรัชกาลที่ 2 เกิดกบฏ อ้ายสาเกียดโง้ง ที่จำปาศักดิ์ มีรับสั่งให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) นำกองทัพไปปราบ แต่ เจ้าอนุวงศ์ เจ้าประเทศราชเวียงจันทน์ส่งเจ้าราชวงศ์ไปปราบกบฏได้เสร็จสิ้นก่อน และเจ้าราชวงศ์ได้ครองเมืองจำปาศักดิ์ต่อมา

ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ฉวยโอกาสที่เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) นำกองทหารไปราชการต่างเมือง ยกทัพลาวมายึดครองเมืองนครราชสีมา และส่งกองทหารไปกวาดต้อนครอบครัวลาวถึงเขตเมืองสระบุรี ก่อนที่จะถอยทัพเมื่อกองทัพสยามจากพระนครเริ่มรวมพลได้ทัน ก่อนถอยทัพลาวได้ทำลายกำแพงเมืองนครราชสีมาลงด้านหนึ่งและทำการเผาเมืองนครราชสีมา ต่อมาชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกกวาดต้อนไปได้รวมตัวกันต่อต้านกองทัพลาวของเจ้าอนุวงศ์ โดยมีพระยาปลัดนครราชสีมา และ พระณรงค์สงคราม (มี) เป็นผู้นำในการรบ ณ ทุ่งสัมฤทธิ และผู้นำในการสนับสนุนช่วยเหลือการรบ คือ คุณหญิงโม ภริยาปลัดเมืองนครราชสีมา ต่อมากองทัพชาวนครราชสีมาได้ร่วมกับกองทัพหลวงของกรมพระราชวังบวรฯ ในการรบครั้งต่อๆมาจนกระทั่งเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้ในที่สุด ภายหลัง คุณหญิงโมได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวสุรนารี และ พระณรงค์สงครามได้เลื่อนตำแหน่งเป็น พระยาณรงค์สงคราม

ในการสงครามเจ้าพระยานครราชสีมา และ พระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นทัพหน้าของกองทัพที่นำโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชานำพลชาวนครราชสีมาทำการรบอย่างกล้าหาญในสงครามกับเวียดนาม และสามารถรุกไปถึงเขตแดนเมืองไซ่ง่อน ก่อนที่จะต้องถอยทัพเนื่องจากกองทัพไทยพ่ายแพ้ในแนวรบด้านอื่น ต่อมาพระยาณรงค์สงคราม ได้เป็นนายทัพสำคัญในกองทัพของเจ้าพระยาบดินทรเดชา จนสิ้นสุดสงคราม

เมื่อว่างเว้นจากสงคราม เมืองโคราชได้ฟื้นตัวขึ้นใหม่กลายเป็นชุมทาง การค้าที่สำคัญ ในการติดต่อระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลาง มีกองเกวียน กองคาราวานการค้า ขนาดใหญ่ผ่าน และ หยุดพักอยู่เสมอ

ในสมัยรัชกาลที่ 4 บาทหลวงปาลเลกัวซ์ ได้เขียนว่า ตัวเมืองโคราชล้อมรอบด้วยกำแพงตั้งอยู่บนที่ราบสูง เดินทางจากบางกอกใช้เวลา 6 วันโดยไต่ระดับสูงขึ้นไปตามเส้นทาง ดงพญาไฟ ประชากรโคราชมีประมาณ 60,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นคนสยาม อีกครึ่งหนึ่งเป็นคนเขมร ในตัวเมืองมีประชากร 7,000 คน มีคนจีนประมาณ 700 คน มีเหมืองแร่ทองแดง มีโรงหีบอ้อย สินค้า คือ ข้าว งาช้าง หนังสัตว์ เขาสัตว์ ไม้เต็ง อบเชย

ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการจัดตั้งมณฑลนครราชสีมาเพื่อควบคุมดูแลหัวเมืองในบริเวณใกล้เคียง เป็นมณฑลแรกของประเทศ มีการจัดตั้งกองทหารประจำมณฑลตามหลักสากล มีการตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจที่นครราชสีมา มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านอยุธยา สระบุรี ดงพญาไฟ ไปสู่นครราชสีมา จนเปิดการเดินรถไฟหลวง สายกรุงเทพ - นครราชสีมา ได้สำเร็จ การคมนาคมติดต่อสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก ในช่วงเดียวกันฝรั่งเศสได้เข้ามามีอำนาจเหนือคาบสมุทรอินโดจีน ทำให้สยามจำต้องเร่งการปรับปรุงพัฒนาราชอาณาจักรโดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งการขนส่งปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ และ สายการบินระหว่าง กรุงเทพ - นครราชสีมา มีการขยายเส้นทางรถไฟสายอีสาน จนสามารถขยายเส้นทางการเดินรถไฟจาก นครราชสีมา ถึง ขอนแก่น และ นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ในสมัยรัชกาลที่ 7

ในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดช ได้รวบรวมกองกำลังทหารจากมณฑลนครราชสีมาเป็นหลัก ร่วมกับ พันเอกพระยาศรีสิทธิ์สงคราม เพื่อทำการต่อสู้กับคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะผู้ก่อการได้ยกกองกำลังเข้ามาล้อมกรุงเทพฯ แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อในที่สุดก็ต้องถอยทัพและประสบความพ่ายแพ้เนื่องจากมีกำลังที่น้อยกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ พันโทหลวงพิบูลสงครามผู้บัญชาการกองกำลังผสมฝ่ายรัฐบาล มีอำนาจในการควบคุมกำลังทหารมากขึ้นส่งผลให้ได้อำนาจทางการเมืองและจัดตั้งรัฐบาลทหารได้ในเวลาต่อมา

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทหารในสังกัด มณฑลทหารบกที่ 3 นครราชสีมา ได้ทำการร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีนกองทัพไทยสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาบางส่วน เป็นการชั่วคราว หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกาได้ให้ความช่วยเหลือสร้างถนนมิตรภาพ จาก สระบุรี ถึง นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางหลวงที่ได้มาตรฐานดีที่สุดของประเทศในขณะนั้น ในช่วงสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาได้ขอใช้ โคราช เป็นฐานบัญชาการการรบและเป็นต้นกำเนิดของกองบิน 1 ฐานทัพหลักของกองทัพอากาศในปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2523 มีความพยายามรัฐประหารโดยกลุ่มทหารของ พลเอกสัณห์ จิตรปฏิมา แต่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทรงแปรพระราชฐานไปประทับที่นครราชสีมา กองกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพลตรี อาทิตย์ กำลังเอกได้เป็นกองกำลังหลักในการปราบกบฏลงได้ในที่สุด หลังจากนั้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 หลายท่านได้ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในเวลาต่อมา

มีอดีตนายกรัฐมนตรีสามท่านที่มีถิ่นฐานเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานจากนครราชสีมา คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เนื่องจากความสำคัญทางยุทธศาสตร์ นครราชสีมา ได้กลายเป็นเมืองศูนย์ราชการที่สำคัญที่สุดรองจากกรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเงิน การศึกษา การสาธารณสุข การวิจัย การคมนาคม และ การอุตสาหกรรม ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของกองฐานกำลังรบหลักของกองทัพบก และ กองทัพอากาศ ในปัจจุบัน เปรียบได้ว่าเป็นเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ดูเพิ่ม ประตูเมืองนครราชสีมา และ ท้าวสุรนารี

[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด


ตราประจำจังหวัด

Seal Nakhon Ratchasima.png



ต้นไม้ประจำจังหวัด

ต้นสาธร และ ดอกสาธร

[แก้] เพลงประจำจังหวัด


(สร้อย) ราชสีมาเหมือนดังศิลาที่ก่อกำแพง
สยามจะเรืองกระเดื่องเขตแดน ด้วยมีกำแพงคือราชสีมา

(ชาย) ชาวนครราชสีมาแต่โบราณ
เหี้ยมฮึกกล้าหาญยิ่งหนักหนา
ศึกเสือ เหนือใต้ที่ไหนมา
เลือดนครราชสีมาไม่แพ้ใคร (สร้อย)

(หญิง) แต่ก่อนกาลท่านวีรสตรี
ท้าวสุรนารีผู้เป็นใหญ่
กล้าหาญยอดยิ่งผู้หญิงไทย
มิ่งขวัญธงชัยของเมืองเรา (สร้อย)

(ชาย) มาพวกเราชาวนครราชสีมา
หน้าเดินรีบมาสู้กับเขา
หากศัตรูไม่เกรง ข่มเหงเรา
สู้เขา สู้กันอย่าพรั่นใจ (สร้อย 2 ครั้ง)

[แก้] ข้อมูลการปกครอง

[แก้] การปกครองส่วนภูมิภาค

แบ่งปกครองแบ่งออกเป็น 32 อำเภอ 289 ตำบล 3743 หมู่บ้าน เนื้อที่รวม 20,493.968 ตารางกิโลเมตร

  1. อำเภอเมืองนครราชสีมา
  2. อำเภอครบุรี
  3. อำเภอเสิงสาง
  4. อำเภอคง
  5. อำเภอบ้านเหลื่อม
  6. อำเภอจักราช
  7. อำเภอโชคชัย
  8. อำเภอด่านขุนทด
  9. อำเภอโนนไทย
  10. อำเภอโนนสูง
  11. อำเภอขามสะแกแสง
  12. อำเภอบัวใหญ่
  13. อำเภอประทาย
  14. อำเภอปักธงชัย
  15. อำเภอพิมาย
  16. อำเภอห้วยแถลง
  1. อำเภอชุมพวง
  2. อำเภอสูงเนิน
  3. อำเภอขามทะเลสอ
  4. อำเภอสีคิ้ว
  5. อำเภอปากช่อง
  6. อำเภอหนองบุญมาก
  7. อำเภอแก้งสนามนาง
  8. อำเภอโนนแดง
  9. อำเภอวังน้ำเขียว
  10. อำเภอเทพารักษ์
  11. อำเภอเมืองยาง
  12. อำเภอพระทองคำ
  13. อำเภอลำทะเมนชัย
  14. อำเภอบัวลาย
  15. อำเภอสีดา
  16. อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
 
แผนที่
ข้อมูลอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา
ชั้น ชื่ออำเภอ พื้นที่
(ตร.กม.)
ห่างจาก
จังหวัด (กม.)
ตั้งเมื่อ
(พ.ศ.)
ตำบล หมู่บ้าน ประชากร
ชาย หญิง รวม
พิเศษ
เมืองนครราชสีมา
755.596 0 2438 25 243 212,627 221,211 433,838
1
ด่านขุนทด
1,428.14 84 2451 16 220 62,495 63,475 125,970
1
บัวใหญ่
305.028 101 2429 10 121 41,686 42,013 83,699
1
ปักธงชัย
1,374.32 34 2453 16 213 56,597 58,948 115,545
1
พิมาย
896.871 60 2443 12 208 64,058 65,885 129,943
1
สีคิ้ว
1,247.07 45 2498 12 169 60,632 61,005 121,637
1
ปากช่อง
1,825.17 85 2498 12 217 91,905 92,522 184,427
2
ครบุรี
1,816.85 58 2482 12 152 46,225 47,219 93,444
2
จักราช
501.672 40 2496 8 108 34,643 34,819 69,462
2
โชคชัย
503.917 30 2448 10 126 37,988 39,959 77,947
2
โนนสูง
676.981 37 2440 16 195 62,055 64,629 126,648
2
ประทาย
600.648 97 2504 13 148 38,750 38,811 77,561
2
สูงเนิน
782.853 36 2444 11 125 38,624 40,498 78,610
2
ห้วยแถลง
495.175 65 2504 10 120 37,443 37,131 74,574
2
ชุมพวง
540.567 98 2502 9 130 40,918 41,038 82,161
3
เสิงสาง
1,200.24 88 2519 6 84 33,733 33,302 67,032
3
คง
454.737 79 2481 10 155 40,052 41,076 81,128
3
โนนไทย
541.994 28 2443 10 131 36,126 37,592 73,718
3
ขามสะแกแสง
297.769 50 2511 7 72 21,423 21,753 43,176
3
แก้งสนามนาง
107.258 130 2529 5 56 18,782 19,054 37,836
3
วังน้ำเขียว
1,130.00 70 2535 5 83 20,416 20,503 40,910
4
บ้านเหลื่อม
218.875 85 2519 4 39 10,620 10,732 21,351
4
หนองบุญมาก
590.448 52 2526 9 104 29,424 29,316 58,740
4
เทพารักษ์
357.465 90 2538 4 58 12,002 11,451 23,453
4
พระทองคำ
359.522 45 2539 5 74 21,260 21,680 42,940
4
สีดา
162.825 85 2540 5 50 12,087 12,133 24,220
4
บัวลาย
106.893 103 2540 4 45 12,374 12,450 24,824
4
โนนแดง
193.407 75 2532 5 65 12,597 12,984 25,581
4
ขามทะเลสอ
203.605 22 2509 5 46 14,091 14,021 28,112
4
เมืองยาง
255.522 110 2538 4 44 14,321 14,038 28,359
4
ลำทะเมนชัย
308.457 120 2539 4 59 16,114 15,953 32,067
4
เฉลิมพระเกียรติ
254.093 18 2539 5 61 16,966 17,411 34,377

[แก้] การปกครองส่วนท้องถิ่น

แบ่งออกเป็น 1 เทศบาลนคร 3 เทศบาลเมือง 71 เทศบาลตำบล และ 263 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้

อำเภอเมืองนครราชสีมา

อำเภอปากช่อง

อำเภอสีคิ้ว

อำเภอบัวใหญ่

อำเภอปักธงชัย

อำเภอพิมาย

อำเภอโนนสูง

อำเภอโชคชัย

อำเภอด่านขุนทด

อำเภอครบุรี

อำเภอสูงเนิน

อำเภอขามทะเลสอ

อำเภอขามสะแกแสง

อำเภอคง

อำเภอโนนไทย

อำเภอห้วยแถลง

อำเภอเสิงสาง

อำเภอบ้านเหลื่อม

อำเภอจักราช

อำเภอเฉลิมพระเกียรติ

อำเภอชุมพวง

อำเภอโนนแดง

อำเภอบัวลาย

อำเภอประทาย

อำเภอพระทองคำ

อำเภอเมืองยาง

อำเภอลำทะเมนชัย

อำเภอวังน้ำเขียว

อำเภอสีดา

อำเภอหนองบุญมาก

อำเภอแก้งสนามนาง

[แก้] รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

รายนามผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ปลัดมณฑลทำหน้าที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
รายนาม วาระการดำรงตำแหน่ง
1. พระยากำแหงสงคราม (กาจ สิงห์เสนี) รศ.115 - 120 (พ.ศ. 2439 - 2444)
2. พระรังสรรค์สารกิจ (เลื่อน ศรีเพ็ญ) รศ.120 - 123 (พ.ศ. 2444 - 2447)
3. พระยาสุริยเดช (จาบ สุวรรณทัต) รศ.123 - 124 (พ.ศ. 2447 - 2448)
4. พระยาวรชัยวุฒิกร (เลื่อง สนธิรัต) รศ.124 - 125 (พ.ศ. 2448 - 2449)
5. พระบรมราชบรรหาร (สวัสดิ์ วิเศษศิริ) รศ.125 - 129 (พ.ศ. 2449 - 2453)
6. พระไชยนฤนาท (ทองดี) รศ.129 - 131 (พ.ศ. 2453 - 2455)
7. พระเทพราชธานี (โหมด) พ.ศ. 2455 – 2456
8. พระยศสุนทร (ศิริ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พ.ศ. 2456 – 2458
9. พระยาสุริยราชวราภัย (จร) พ.ศ. 2458 – 2460
10. พ.ต.พระยาบรมราชบรรหาร (เย็น ภะระมรทัต) พ.ศ. 2460 - 2465
11. พระยานครราชเสนี (สหัส สิงหเสนี) พ.ศ. 2465 – 2471
12. พระยาพิริยะพิชัย (เทียบ สุวรรณนิน) พ.ศ. 2471 – 2474
13. พระยานายกนรชร (เจริญ ปริยานนท์) พ.ศ. 2474 – 2476
14. พระยากำธรพายัพทิศ ( ดิส อินทโสฬส) 2 พ.ย.2476 – 1 มี.ค.2479
15. พ.อ.หลวงอาจศรศิลป (ประพันธ์ ธนพุทธิ) พ.ศ. 2479 – 2484
16. นายสุรินทร์ ชิโนทัย พ.ศ. 2484 – 2484
17. พระสาครบุรานุรักษ์ (ปริต สุวรรณานนท์) 19 ธ.ค.2484 – 19 พ.ย.2486
18. ขุนทยานราญรอน (วัชระ วัชรบูล) 1 ต.ค.2486 – 21 ธ.ค.2487
19. หลวงวิธสุรการ (ถวิล เจียนมานพ) 22 ธ.ค.2487 – 31 ธ.ค.2488
20. นายอุดม บุญประคอง 1 ส.ค.2488 – 31 ก.ค.2489
21. นายถนอม วิบูลมงคล 21 ต.ค.2489 – 5 ธ.ค.2490
22. ขุนบริบาลบรรพตเขตต์ (สังเวียน บริบาลบรรพตเขตต์) 6 ธ.ค.2490 – 21 มี.ค.2492
23. ขุนวรคุตต์คณรักษ์ (บุญฤทธิ์ วรนุตนานนท์ ) 23 มี.ค.2492 – 20 มี.ค.2495
24. นายยุทธ จรัณยานนท์ 21 มี.ค.2495 – 11 ต.ค.2497
25. นายสุวรรณ รื่นยศ 12 ต.ค.2497 – 22 พ.ค.2500
26. พ.ต.อ.เลื่อน กฤษณามระ 23 พ.ค.2500 – 6 มี.ค.2501
27. นายเจริญ ภมรบุตร 6 มี.ค.2501 – 4 มี.ค.2507
28. นายสวัสดิ์วงศ์ ปฏิทัศน์ 4 มี.ค.2507 – 2 ต.ค.2511
29. นายสมชาย กลิ่นแก้ว 2 ต.ค.2511 – 15 เม.ย.2513
30. ร.ต.ท.ระดม มหาศรานนท์ 13 เม.ย.2513 – 30 ก.ย.2516
31. นายประมูล ศรัทธาทิพย์ 1 ต.ค.2516 – 5 ธ.ค.2516
32. นายวิชิต ศุขะวิริยะ 6 ธ.ค.2516 – 31 ธ.ค.2519
33. นายจำรูญ ปิยัมปุตระ 1 ม.ค.2520 – 30 ก.ย.2520
34. นายเลิศ หงษ์ภักดี 1 ต.ค.2520 – 31 มี.ค.2524
35. นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ 1 เม.ย.2524 – 30 ก.ย.2531
36. นายไสว พราหมณี 1 ต.ค.2531 – 30 ก.ย.2533
37. นายดำรง รัตนพานิช 1 ต.ค. 533 – 30 ก.ย.2537
38. นายสุพร สุภสร 1 ต.ค.2537 – 30 ก.ย.2539
39. นายประวิทย์ สีห์โสภณ 1 ต.ค.2539 – 19 ต.ค.2540
40. นายโยธิน เมธชนัน 20 ต.ค.2540 – 22 เม.ย.2544
41. นายสุนทร ริ้วเหลือง 23 เม.ย.2544 – 30 ก.ย.2547
42. นายพงศ์โพยม วาศภูติ 1 ต.ค.2547 – 30 ก.ย.2548
43. นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ 1 ต.ค.2548 – 30 ก.ย.2550
44. นายสุธี มากบุญ 1 ต.ค.2550 - 30 ก.ย.2551
45. นายประจักษ์ สุวรรณภักดี 1 ต.ค.2551 - ปัจจุบัน

[แก้] เศรษฐกิจ

นักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างชาติต่างให้ความสำคัญกับจังหวัดนี้มาก จึงได้ตั้งฉายาให้กับจังหวัดนี้ว่าเป็น "มหานครแห่งอีสาน" เป็นเสมือนเมืองหลวงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะเป็นศูนย์กลางทางด้านต่าง ๆ ของภูมิภาค ได้แก่ การปกครอง การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนส่ง การอุตสาหกรรม การเงินการธนาคาร การพาณิชย์ การลงทุน การสื่อสารโทรคมนาคม ฯลฯ มีคำขวัญของเมืองโคราชว่า มหานครแห่งอีสาน เมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ประตูเชื่อมโยงพันธมิตร สร้างเศรษฐกิจสู่สากล

[แก้] กลุ่มประชากร

ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติหรือหลายชาติพันธุ์ แต่กลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดนครราชสีมาที่มีจำนวนมากมีอยู่สองกลุ่มใหญ่คือ ไทย (หรือเรียกอีกอย่างว่า ไทยโคราช) และอีกกลุ่มคือ ลาว (หรือไทยอีสาน) และมีชนกลุ่มน้อยอีกได้แก่ มอญ กุย (หรือส่วย) ชาวบน จีน ไทยวน ญวน และแขก

[แก้] ไทย

ชาวไทยสยามเก็บน้ำตาล

กลุ่มชาติพันธุ์ไทยที่อยู่ในนครราชสีมาเรียกอีกอย่างว่า ไทยโคราช เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา คนกลุ่มนี้ใช้ภาษาเหมือนไทยในส่วนกลาง เพียงแต่เสียงวรรณยุกต์เพี้ยนไปบ้าง และมีคำศัพท์สำนวนบางอย่างที่มีลักษณะเป็นของตนเอง เดิมถิ่นนี้ชาวพื้นเมืองเป็นละว้า ชาวไทยได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองให้ขุนหลวงพะงั่วยกกองทัพมารวบรวมดินแดนแถบนี้เข้ากับกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าอู่ทองโปรดฯ ให้กองทหารอยุธยาตั้งด่านอยู่ประจำ และส่งช่างชาวอยุธยามาก่อสร้างบ้านเรือนและวัดวาอารามเป็นอันมาก ชาวไทยอยุธยาได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้อพยพมาอยู่นครราชสีมาอีกระลอกหนึ่งคือ คราวเสียกรุงครั้งที่ 2 โดยมีชาวไทยชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้อพยพเข้ามาเพิ่มด้วย ชาวไทยกลุ่มนี้และชาวไทยพื้นเมืองเดิม (เข้าใจว่าเป็นชาวสยามลุ่มน้ำมูล (ไท-เสียม) อาจมีเขมรและมอญปนอยู่ด้วย) สืบเชื้อสายเป็นชาวไทยโคราชและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีสืบทอดกันมา

กลุ่มไทยโคราชเป็นกลุ่มที่แสดงเอกลักษณ์ของเมืองนครราชสีมา เพราะสำเนียงแตกต่างจากกลุ่มอื่น เป็นกลุ่มที่พูดภาษาไทยโคราชซึ่งคล้ายคลึงภาษาไทยกลางแต่สำเนียงเพี้ยน เหน่อ ห้วนสั่น เกิ่นเสียง มีคำไทยลาว (อีสาน) ปะปนบ้างเล็กน้อย ชาวไทยโคราชแต่งกายแบบไทยภาคกลาง รับประทานข้าวเจ้า อาหารทั่วไปคล้ายคลึงภาคกลาง ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมคล้ายไทยภาคกลาง ปัจจุบัน กลุ่มไทยโคราชอาศัยอยู่ในทุกอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ยกเว้นบางอำเภอที่มีชาวไทยลาวมากกว่า (อำเภอบัวใหญ่ ปักธงชัย และสูงเนิน) และยังพบชาวไทยโคราชในบางส่วนของจังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอบำเหน็จณรงค์และจัตุรัส) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ นางรอง และละหานทราย)

[แก้] ลาว

ลาว (ลาวเวียง ไทยลาว หรือไทยอีสาน) เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนประชากรมากรองจากกลุ่มไทยโคราช แต่อพยพเข้ามาทีหลัง อาศัยอยู่มากในบางอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา เช่น อำเภอบัวใหญ่ ปักธงชัย สูงเนิน และบางส่วนของอำเภอประทาย ห้วยแถลง ชุมพวง และสีคิ้ว เป็นต้น ไทยอีสานพูดภาษาอีสานและมีขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือนชาวอีสานทั่วไป กลุ่มไทยอีสานอพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดนครราชสีมาหลายรุ่น ส่วนใหญ่อพยพเข้ามาอยู่สมัยสงครามปราบปรามเมืองเวียงจันทน์ สมัยธนบุรี มีการกวาดต้อนครอบครัวลาวเข้ามาอยู่ในหัวเมืองชั้นใน และอพยพเข้ามาโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นในระยะหลัง

[แก้] มอญ

จากการสำรวจสำมะโนประชากรของจังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พบว่า มีชาวมอญอยู่จำนวน 2,249 คน จากจำนวนประชากรของนครราชสีมา 402,668 คน ชาวมอญอพยพเข้ามาอยู่บริเวณเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318 ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชทานครัวมอญที่อพยพเข้ามาสวามิภักดิ์ มีพระมหาโยธา (เจ่ง) เป็นหัวหน้า แบ่งให้พระยานครราชสีมานำขึ้นมาอยู่ที่เมืองนครราชสีมา ตั้งครัวมอญที่ลำพระเพลิง เขตอำเภอปักธงชัยที่บ้านพลับพลา อำเภอโชคชัย พระยาศรีราชรามัญผู้เป็นหัวหน้าพาญาติพี่น้องมาอยู่ในเมืองเป็นสายกองส่วยทอง ตั้งบ้านเรือนเรียกว่าบ้านมอญ เมื่อเกิดกบฎเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรีย) คุมกองมอญมาสมทบมาร่วมรบกับกำลังฝ่ายไทย เมื่อเสร็จศึกแล้วพวกมอญเห็นเมืองปักธงชัยอุดมสมบูรณ์จึงมาตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันชาวมอญในนครราชสีมายังรักษาวัฒนธรรมประเพณีมอญไว้ เช่น ภาษา การไหว้ผี การเล่นสะบ้าในเขตบ้านท่าโพธิ บ้านสำราญเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ทำเครื่องปั้นดินเผา ภาษามอญจะใช้พูดในชาวไทยมอญที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป คนรุ่นหลังจากนี้จะพูดภาษาไทยโคราชทั้งสิ้น

[แก้] ส่วย

ส่วย หรือ ข่า เป็นชนพื้นเมืองของหัวเมืองเขมรป่าดงและเมืองนครราชสีมา พูดภาษาตระกูลมอญ-เขมร ได้อยู่ในพื้นที่นี้ก่อนที่คนไทยจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน เมื่อปี พ.ศ. 2362 เจ้าเมืองนครราชสีมา (ทองอินทร์) ตีข่าได้ แล้วนำมายังเมืองนครราชสีมา ภาษาส่วย เป็นภาษาของชาวส่วยที่อพยพมาจากจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหัดบุรีรัมย์ ที่มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง ปัจจุบันมีเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ที่ยังคงใช้ภาษาส่วยในกลุ่มของตนเอง นอกจากนั้นจะใช้ภาษาไทยโคราชเป็นพื้น

[แก้] ญัฮกุร

ญัฮกุร หรือ เนียะกุล เป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ตามไหล่เขาหรือเนินเขาเตี้ย ๆ บริเวณด้านในของที่ราบสูงโคราช ชาวบนอาจสืบเชื้อสายมาจากคนในสมัยทวารวดี อยู่ในบางหมู่บ้านของอำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี และอำเภอหนองบุญมาก ภาษาชาวบน เป็นภาษาตระกูลมอญ-เขมร ปัจจุบันชาวบนพูดภาษาชาวบนเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป นอกจากนั้นใช้ภาษาไทยโคราช

[แก้] ไทยวน

ไทยยวน หรือ ไทยโยนก เป็นเผ่าไทยในภาคเหนือของไทย ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่อำเภอสีคิ้วสองทางด้วยกันคือ พวกแรกอพยพจากทางเหนือมาอยู่ที่อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ต่อมาเจ้าเมืองสระบุรีต้องการตั้งกองเลี้ยงโคนมที่เมืองนครจันทึก จึงได้แบ่งครอบครัวชาวไทยยวนจากอำเภอเสาไห้ไปอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว ส่วนอีกพวกหนึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์ ชาวไทยยวนยังรักษาประเพณีและวัฒนธรรมแบบโยนกไว้ได้ดีมาก ภาษาไทยยวน ใช้พูดในหมู่ไทยยวนด้วยกันเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 5,000 คน ในเขตอำเภอสีคิ้ว ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว ตำบลสีคิ้ว และตำบลบ้านหัน

นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ชาวจีน ชาวเวียดนาม และชาวแขก

[แก้] การศึกษา

จังหวัดนครราชสีมามีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง แบ่งตามเขตการศึกษา ทั้งหมด 7 เขต

[แก้] โรงเรียน

[แก้] โรงเรียนในเขตอำเภอเมืองฯ

[แก้] โรงเรียนนานาชาติ

[แก้] สถาบันอุดมศึกษา

[แก้] สถาบันการอาชีวศึกษา

เป็นสถาบันที่จะเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 ที่ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติร่างกฏกระทรวงให้จัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 19 สถาบัน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 สำหรับกลุ่มจังหวัด ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จะจัดตั้งสถาบันภายใต้ชื่อ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 มีวิทยาลัยในสังกัด 31 แห่ง เป็นสถาบันที่เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติ สำหรับระดับปริญญาตรี คาดว่าจะเปิดการเรียนการสอนได้ในปี 2553 โดยจะรับจากนักศึกษาที่จบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเข้าศึกษาต่อเท่านั้น โดยจะเปิดในวิทยาลัยที่มีความพร้อมก่อน วิทยาลัยในสังกัดในจังหวัดนครราชสีมาประกอบด้วย

[แก้] วิทยาลัยเฉพาะทาง

[แก้] สถาบันวิจัย

[แก้] การสาธารณสุข

[แก้] อำเภอเมืองนครราชสีมา

[แก้] ศูนย์แสดงศิลปะวัฒนธรรม

[แก้] พิพิธภัณฑ์

  • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา
  • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
  • พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา

[แก้] ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในจังหวัดนครราชสีมา

1.เดอะมอลล์ นครราชสีมา (The Mall Department Store, Nakhon Ratchasima)

  • EGV Cinemas (8 Cinemas)
  • Home Pro
  • SB Design Square
  • Fitness First
  • City Walk
  • Praepittaya
  • Wuttisak Clinic
  • Power buy

2.เทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus Hyper Market)

3.เทสโก้ โลตัส เขาใหญ่ (Tesco Lotus Khao-Yai) (อำเภอปากช่อง)

4.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (Big C Super Center)

5.แม็คโคร (Makro)

6.โฮมโปร (Homepro Nakhon Ratchasima)

7.โฮมโปร ปากช่อง (Home Pro) (อำเภอปากช่อง)

8.คลัง พลาซ่า สาขาอัษฎางค์ (Klang Plaza Assadang)

9.คลัง พลาซ่า สาขา จอมสุรางค์ (Klang Plaza Jomsurang)

10.เขาใหญ่ เอ๊าเล็ท มอลล์ (Outlet Village Khao-Yai) (อำเภอปากช่อง)


[แก้] การคมนาคม

[แก้] รถยนต์

จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ มายังจังหวัดนครราชสีมาได้หลายเส้นทาง คือ

[แก้] รถโดยสารประจำทาง

เดินทางจากกรุงเทพฯ

มีรถโดยสารธรรมดา และ รถปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 สาย 21 (กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) วิ่งให้บริการจาก สถานีขนส่งหมอชิต 2 กรุงเทพฯ มายังจังหวัดนครราชสีมา ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีบริษัทเอกชน ที่ได้รับสัมปทานเปิดบริการเดินรถโดยสารสาย 21 จำนวน 3 รายคือ

  • บริษัท ราชสีมาทัวร์ จำกัด
  • บริษัท แอร์โคราชพัฒนา จำกัด
  • บริษัท สุรนารีแอร์ จำกัด

ซึ่งจะให้บริการ รับ-ส่ง ผู้โดยสารที่สถานีขนส่งทั้งสองแห่ง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 (ถนนบุรินทร์) และ สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) นอกจากนั้น ยังสามารถที่จะเลือกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพฯ ปลายทางจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานที่ผ่านจังหวัดนครราชสีมาได้อีกด้วย

เดินทางภายในจังหวัด

การเดินทางภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียง มีขนส่งสาธารณะให้บริการดังนี้คือ

  • รถโดยสารประจำทางหมวด 1 และหมวด 4 (รถสองแถว) วิ่งบริการภายในเขตเทศบาล และ บริเวณใกล้เคียง รถโดยสารหมวด 1 แบ่งออกเป็น 21 สาย วิ่งบริการภายในเขตเทศบาลและพื้นที่ใกล้เคียงไปตามเส้นทางต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีรถเมล์โดยสารปรับอากาศจำนวน 2 สายวิ่งให้บริการคือ สาย 15 และ สาย 17
  • รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถสามล้อเครื่อง และรถสามล้อ วิ่งให้บริการผู้โดยสารภายในเขตตัวเมือง
  • รถแท็กซี่มิเตอร์ (TAXI-METER) เปิดให้บริการในช่วงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 เป็นจังหวัดแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจุดจอดรถแท็กซี่อยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 และศูนย์การค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา นอกจากนี้ยังสามารถเรียกใช้บริการโดยโทรศัพท์เลขหมายด่วน ปัจจุบันมีรถให้บริการทั้งสิ้นจำนวน 50 คัน

ถ้าต้องการเดินทางไปต่างอำเภอ จะมีรถโดยสารประจำทางหมวด 4 ให้บริการไปยังอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครราชสีมา หลายสายด้วยกัน สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 ถนนบุรินทร์ มีทั้งประเภทรถสองแถว และ รถบัสโดยสารประจำทางให้บริการ สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นั้น จะมีรถโดยสาร ไปเฉพาะ อำเภอพิมาย และ ด่านเกวียน, อำเภอโชคชัย

เดินทางระหว่างจังหวัด

มีทั้งรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศ หมวด 2 และ 3 จำนวนหลายเส้นทางในจังหวัดต่าง ๆ วิ่งให้บริการผ่านจังหวัดนครราชสีมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (ถนนมิตรภาพ-หนองคาย) ทุกวัน

นอกจากนี้ ยังมีรถโดยสารประจำทางให้บริการรับส่งผู้โดยสาร จากต้นทางจังหวัดนครราชสีมา ไปยังปลายทางจังหวัดอื่น ในภาคต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

สถานีขนส่งผู้โดยสาร

จังหวัดนครราชสีมา มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ให้บริการแก่ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังอำเภอ หรือ จังหวัดต่างๆ ดังนี้

สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 86 ถนนบุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 98 ตารางวา เปิดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 บริหารจัดการโดยเทศบาลนครนครราชสีมา ใช้เป็นสถานีขนส่งภายในจังหวัดเป็นหลัก และมีรถโดยสารปรับอากาศ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ให้บริการ ประกอบไปด้วย

  • ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 24 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
  • พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 6,194 ตารางเมตร
  • ห้องสุขา จำนวน 25 ห้อง (ห้องสุขาชาย 15 ห้อง, ห้องสุขาหญิง 10 ห้อง)
  • โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 6 เครื่อง

สถานีขนส่งฯ แห่งที่ 1 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 480 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 30,000 คน / วัน

สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่ ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ มีเนื้อที่ 29 ไร่ 50 ตารางวา เป็นสถานีขนส่งฯที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในจังหวัดนครราชสีมาและในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่ง คือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด ใช้เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดเป็นหลักเส้นทางที่สำคัญคือ สายที่ 21 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ประกอบด้วย

  • ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 111 ช่องจอด พื้นที่ 17,760 ตารางเมตร
  • พื้นที่อาคารผู้โดยสาร 28,416 ตารางเมตร
  • ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 250 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 1,100 คัน
  • ห้องสุขา จำนวน 76 ห้อง (ห้องสุขาชาย 24 ห้อง, ห้องสุขาหญิง 52 ห้อง)
  • โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 68 เครื่อง

สถานีขนส่งฯ แห่งที่ 2 มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 1,530 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 150,000 คน / วัน

สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย ตั้งอยู่เลขที่ 1 หมู่ที่ 12 ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย มีเนื้อที่ 7 ไร่ บริหารจัดการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2539 ประกอบด้วย

  • ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 16 ช่องจอด พื้นที่ 3,280 ตารางเมตร
  • ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 40 คัน และรถจักรยานยนต์ ประมาณ 50 คัน
  • ห้องสุขา จำนวน 10 ห้อง (ห้องสุขาชาย 5 ห้อง, ห้องสุขาหญิง 5 ห้อง)
  • โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 1 เครื่อง

สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอโชคชัย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 210 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน /วัน

สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย ตั้งอยู่บริเวณตำบลในเมือง อำเภอพิมาย มีเนื้อที่ 6 ไร่ 54 ตารางวา ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง และดำเนินการสถานีขนส่งคือ บริษัท ไทยสงวนบริการ จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2538 ประกอบด้วย

  • ชานชาลาจอดรถโดยสาร จำนวน 18 ช่องจอด พื้นที่ 3,840 ตารางเมตร
  • ที่จอดรถส่วนบุคคลประมาณ 15 คัน และ รถจักรยานยนต์ ประมาณ 25 คัน
  • ห้องสุขา จำนวน 10 ห้อง (ห้องสุขาชาย 5 ห้อง, ห้องสุขาหญิง 5 ห้อง)
  • โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 5 เครื่อง

สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอพิมาย มีรถโดยสารประจำทางเข้าใช้บริการวันละประมาณ 230 เที่ยว สถานีขนส่งฯ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณวันละ 2,000 คน / วัน

[แก้] รถไฟ

มีรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ - อุบลราชธานี) และ (กรุงเทพ - หนองคาย)ทั้งขบวนรถด่วนพิเศษ, รถด่วน, รถเร็ว, รถธรรมดา วิ่งให้บริการจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ผ่าน จังหวัดนครราชสีมา ทุกวัน

นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถท้องถิ่น วิ่งให้บริการระหว่างสถานีรถไฟนครราชสีมา ไปยังสถานีรถไฟจังหวัดอื่นๆ เช่น อุบลราชธานี, อุดรธานี, หนองคาย, แก่งคอย จังหวัดสระบุรี อีกด้วย

สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
5 ธันวาคม 2550

[แก้] กีฬา

จังหวัดนครราชสีมา เป็นรับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายครั้ง และ ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2007 ได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลัก ในการจัดการแข่งขัน ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวา 2550 จนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี

  • นักมวยโคราช ได้สร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับในวงการมวยไทย และมวยสากล มาเป็นระยะเวลายาวนาน
  • ทีมวอลเลย์บอลของโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ได้ผลิตนักกีฬาที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้าสู่ทีมชาติอย่างต่อเนื่อง
  • ทีมฟุตบอลประจำจังหวัดคือ สโมสรฟุตบอลนครราชสีมา Korat F.C. เคยชนะเลิศกีฬาเขต และชนะเลิศไทยแลนด์คัพ
  • ทีมเซปัคตะกร้อประจำจังหวัด ทำการแข่งขันในตะกร้อไทยแลนด์ลีก

[แก้] บุคคลที่มีชื่อเสียงจากนครราชสีมา

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
อุดมพร พลศักดิ์
พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์
ปรัชญา ปิ่นแก้ว
สุเทพ วงศ์กำแหง
ศิริศักดิ์ นันทเสน
พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

[แก้] บุคคลในประวัติศาสตร์

[แก้] พระสงฆ์

[แก้] นายกรัฐมนตรี

[แก้] นักการเมือง

[แก้] นักมวยไทย/นักมวยสากลอาชีพ

[แก้] นักกีฬา

[แก้] นักวิชาการ

[แก้] ผู้กำกับการแสดง

[แก้] ผู้ประกาศข่าว

  • วิเชียร ก่อกิจกุศล ผู้ประกาศข่าว "ช่อง 7 สี" (ศูนย์ข่าว 7 สี นครราชสีมา)
  • ศุภกิจ กลางการ ผู้ประกาศข่าว "ช่อง 7 สี " (ศูนย์ข่าว 7 สี ภาคอีสาน)

[แก้] นักเขียน

[แก้] นักแสดง / นางงาม

[แก้] นักร้อง/นักดนตรี

[แก้] เพลงไทยสากล

[แก้] เพลงลูกกรุง, ลูกทุ่ง และ เพื่อชีวิต

[แก้] สถานที่ท่องเที่ยว

อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
น้ำตกเหวสุวัติ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ปราสาทหินพิมาย

[แก้] ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒธรรม

[แก้] ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และการพักผ่อน

  • อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (มรดกโลก) อ.ปากช่อง
  • อุทยานแห่งชาติทับลาน (มรดกโลก) อ.วังน้ำเขียว
  • พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินบ้านโกรกเดือนห้า อ.เมืองฯ
  • สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช อ.วังน้ำเขียว
  • สวนสัตว์นครราชสีมา
  • เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว
  • เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย
  • หาดชมตะวัน อ.เสิงสาง
  • หาดจอมทอง อ.ครบุรี
  • ไทรงาม อ.พิมาย
  • ฟาร์มโชคชัย อ.ปากช่อง
  • ไร่องุ่นปากช่อง อ.ปากช่อง
  • ไร่องุ่นสุพัตรา อ.ปากช่อง
  • สวนองุ่นบ้านไร่แม่กระต่ายน้อย อ.ปากช่อง
  • สวนกุหลาบรักมิตร อ.ปากช่อง
  • สวนกุหลาบกลางพนา อ.ปากช่อง
  • ตลาดผลไม้กลางดง อ.ปากช่อง
  • สวนมะนาวด่านเกวียน อ.โชคชัย
  • สวนดอกไม้เมืองพร อ.สีคิ้ว
  • ไร่ทองสมบูรณ์ อ.สีคิ้ว
  • สถานีพักริมทางลำตะคอง ศูนย์สารสนเทศลิปตพัลลภ อ.ปากช่อง
  • จิม ทอมป์สันฟาร์ม อ.ปักธงชัย
  • สวนไม้ดอกไม้ประดับ ซุ้มไม้งาม อ.วังน้ำเขียว
  • สวนผลไม้ปลอดสารพิษบ้านศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว
  • เขาแผงม้า โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ อ.วังน้ำเขียว
  • น้ำตกปักธงชัย
  • น้ำตกมวกเหล็ก อ.ปากช่อง
  • น้ำตกวะภูแก้ว อ.สูงเนิน
  • แหล่งหินตัดสีคิ้ว อ.สีคิ้ว
  • โรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองแบบสูบกลับ อ.สีคิ้ว
  • ศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) อ.ปากช่อง
  • สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 (บุ่งตาหลัว)

[แก้] ดูเพิ่ม

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
  2. ^ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/stat/y_stat.html 2553. สืบค้น 30 มีนาคม 2553.

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

พิกัดภูมิศาสตร์: 14°58′28″N 102°05′53″E / 14.974444°N 102.098055°E / 14.974444; 102.098055